เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1297 ปรนนิบัติเสวยอาหาร + ตอนที่ 1298 สังเกตการณ์
ตอนที่ 1297 ปรนนิบัติเสวยอาหาร + ตอนที่ 1298 สังเกตการณ์
ตอนที่ 1297 ปรนนิบัติเสวยอาหาร
“เสด็จพ่อของข้าพูดอะไรกับเจ้า?” เซวียนหยวนโม่เจ๋อจูงเฟิ่งจิ่วมานั่งในศาลาพลางเอ่ยถาม
“แค่ถามข้าบางเรื่อง เช่นว่ารู้จักท่านได้อย่างไร” เธอยิ้มบอก “ข้าคิดว่าเขาไม่ได้ไร้เหตุผลอย่างที่ท่านบอกเช่นนั้น”
ได้ยินเช่นนี้ เขาเม้มริมฝีปากไม่ถามอะไรอีก แต่บอกว่า “ตอนเข้าวังเจ้ากินแค่ขนมสองสามชิ้น หิวหรือยัง ข้าจะให้คนไปยกอาหารเข้ามา” กล่าวจบก็เรียกอิ่งอีกับฮุยหลางที่ตามหลังอยู่ไกลๆ เข้ามา
“นายท่าน”
“ให้ทางห้องครัวส่งอาหารเข้ามา” เขาสั่งเสียงเข้ม
“ขอรับ” ฮุยหลางขานรับก่อนหมุนตัวออกไป ส่วนอิ่งอีเฝ้าอยู่ด้านนอกศาลา
ไม่นานนัก บนโต๊ะในศาลาก็เรียงรายไปด้วยอาหาร เฟิ่งจิ่วถอดผ้าปิดหน้ากินอาหารเป็นเพื่อนเซวียนหยวนโม่เจ๋อในสวนดอกไม้ แน่นอนว่าข่าวนี้แพร่สะพัดภายในวังเช่นกัน นางสนมไม่น้อยรู้ข่าวแล้วทั้งประหลาดใจและใคร่รู้ แต่ก็ไม่กล้าไปตอแยสาวน้อยชุดแดง
ว่ากันให้ถูกต้องคือ พวกนางไม่กล้าไปยุ่งกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อ เขาเป็นคนที่กล้าโต้เถียงจักรพรรดิ หากพวกนางเข้าไปใกล้ ไม่แน่ว่าเมื่อไรจะถูกฆ่าโดยที่ไม่มีใครให้ความยุติธรรมแก่พวกนาง
ตอนอยู่ในพระราชวัง เฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อพักอยู่ตำหนักเดียวกัน เพียงแต่ไม่ใช่เขตเรือนเดียวกัน
ช่วงเย็นนางกำนัลคนหนึ่งมาที่เรือนที่พักของเฟิ่งจิ่ว ขณะนั้นเฟิ่งจิ่วที่ไม่ได้สวมผ้าปิดหน้ากับเซวียนหยวนโม่เจ๋อกำลังคุยกันในลานบ้าน
“แม่นางเฟิ่ง องค์จักรพรรดิเรียกพบท่านเจ้าค่ะ”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็มองเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ก่อนจะลุกขึ้นมา “ข้าไปสักครู่ก็กลับมา” ขณะหมุนตัวจะออกไปกลับถูกเขาดึงมือไว้
“ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า”
นางกำนัลก้มหน้าลง จำใจเอ่ยไปว่า “องค์รัชทายาท องค์จักรพรรดิตรัสว่าหากพระองค์ตามไปด้วย ฝ่าบาทจะเก็บแม่นางเฟิ่งไว้ในวังสักสิบวันครึ่งเดือน ไม่ให้แม่นางตามท่านกลับจวนเพคะ”
อันที่จริง คำพูดเดิมของจักรพรรดิคือ ‘หากเขากล้าตามติดมาเหมือนเงา บอกเขาว่าข้าจะเก็บผู้หญิงของเขาไว้ในวัง ไม่ให้เขาเห็นหน้าสักสิบวันครึ่งเดือน!’
เซวียนหยวนโม่เจ๋อได้ยินคำพูดของนางกำนัล สีหน้าก็มืดดำทันใด
เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ “ไม่เป็นไร ข้าจะไปดูสักหน่อย ท่านรอข้าตรงนี้เถอะ! มิเช่นนั้นก็กลับจวนไปก่อน”
“ข้าจะรอเจ้าที่นี่แล้วกัน!” เซวียนหยวนโม่เจ๋อกล่าวโดยถอยให้ก้าวหนึ่ง คิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไร
“ได้” เฟิ่งจิ่วรับคำ ก่อนจะตามนางกำนัลออกไป
ครั้นมาถึงภายในอีกตำหนักหนึ่ง เห็นเพียงว่าบนโต๊ะยาวจัดวางจานเล็กๆ ไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยจาน ทุกจานล้วนเป็นอาหารรสเลิศที่ทั้งประณีตและน้อยนัก เธอเห็นแล้วแปลกใจอยู่บ้าง ดวงตาฉายประกายรางๆ
แม้แต่ที่บ้านเธอก็ไม่ให้คนเตรียมอาหารมากมายเพียงนี้ ทั้งยังละเอียดอ่อนงดงามเช่นนี้ ที่นี่มีหลายอย่างที่เธอไม่เคยเห็น สิ่งที่ไม่เคยเจอ เธอมองเสียจนท้องหิวเล็กน้อย
จักรพรรดิที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะยาวชายตามองเฟิ่งจิ่ว เห็นเธอจ้องมองอาหารรสเลิศโดยไม่แม้แต่จะละสายตา จึงแค่นเสียงหยัน “นิ่งอยู่ตรงนั้นทำไม ยังไม่เข้ามาปรนนิบัติข้ากินอาหารอีก!”
“หา?”
เธอมองจักรพรรดิอย่างตกตะลึง “ปรนนิบัติเสวยอาหาร?”
นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ก้าวเข้ามาอย่างระมัดระวัง เอ่ยเสียงเบาว่า “แม่นางเฟิ่ง องค์จักรพรรดิชี้อะไร ท่านก็ยกสิ่งนั้นเจ้าค่ะ”
เธอได้ยินเช่นนี้สีหน้าก็แปลกไป มองจักรพรรดิที่นั่งตัวตรงแวบหนึ่ง ครุ่นคิดแล้วจึงจะเข้าไป “องค์จักรพรรดิ เช่นนั้นท่านอยากเสวยอะไรเพคะ? ชี้ให้ข้าดู ข้าจะคีบให้ท่านเสวยเอง”
………………………………………………….
ตอนที่ 1298 สังเกตการณ์
“ดูและคีบเอง” เขาเอ่ยเสียงทุ้ม
เห็นเป็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วมองอาหารบนโต๊ะ และใช้จานใบค่อนข้างใหญ่คีบของสองสามอย่างยกเข้าไป “เช่นนั้นลองสองสามอย่างนี้ดูเพคะ” เธอคีบอาหารรสอ่อนให้เขากินก่อน กลับเห็นเขากินทุกอย่างแค่คำเดียว ก่อนจะขยับจานไปแล้วชี้ขาหมูตรงกลาง “ข้าหมู คีบมาให้ข้าหน่อย”
“เพคะ” เธอยิ้มๆ แล้วคีบมาให้ตามที่เขาชี้
แต่ไม่ทันไร เธอก็พบว่าเขาเลือกกินมาก กินทุกอย่างแค่คำเดียว มีแต่ขาหมูที่กินไปได้สองชิ้น อาหารโต๊ะใหญ่แทบจะไม่ได้แตะอะไรก็เห็นเขาวางตะเกียบลงแล้ว
“องค์จักรพรรดิ น้ำชาวิญญาณเพิ่งชงเสร็จเพคะ” เธอยกน้ำชาเข้าไปให้
เขาชำเลืองมองเธอ หลังจากยกมาจิบอึกหนึ่งก็ใช้ฝาถ้วยเกลี่ยน้ำชาเบาๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำมีความน่าเกรงขามดังขึ้นมา “พรุ่งนี้เช้าไปเก็บดอกไม้มาชงชาให้ข้า ต้องเก็บมาด้วยตัวเอง ยืมมือคนอื่นไม่ได้”
“เพคะ” เฟิ่งจิ่วเผยรอยยิ้มพลางขานรับ กำลังทดสอบเธอหรือ? เห็นแก่ว่าเขาเป็นพ่อของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ เขาบอกอะไรเธอก็ทำๆ ไปเถอะ!
ครั้นเห็นเธอขานรับโดยไม่พูดจา จักรพรรดิไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก
ขณะมองเขาออกไป เฟิ่งจิ่วกะพริบตาปริบๆ มองนางกำนัลที่คอยอยู่ด้านข้าง “องค์จักรพรรดิกลับไปแล้วหรือ?”
“กลับไปแล้วเจ้าค่ะ” นางกำนัลยิ้มตอบ สิ้นเสียงนาง ก็เห็นสาวงามล้ำที่เคยยืนอยู่ไปนั่งตรงโต๊ะยาวอย่างไม่ยี่หระแล้วคีบอาหารกินทันที นางเห็นแล้วมุมปากกระตุก ตะลึงงันเล็กน้อย
ไม่คิดว่านางจะกล้ามานั่งกินอาหารของจักรพรรดิเช่นนี้? จะใจกล้าเกินไปหน่อยแล้ว
“จานนี้คืออะไร?” เฟิ่งจิ่วคีบขนมรูปดอกบัวชิ้นหนึ่งขึ้นมาพลางถาม ของตรงนี้นอกจากบางส่วนที่เธอคีบออกมาใส่จานให้จักรพรรดิกิน ของอย่างอื่นแทบจะไม่ได้แตะเลย เธอจึงนั่งลงกินต่อ อย่างไรเสียก็ไม่เป็นอะไร ไม่กินก็เสียของเปล่าๆ
“นี่คือขนมดอกบัวเจ้าค่ะ เก็บดอกบัวสดใหม่มาทำ กลิ่นหอมคลุ้งเต็มปาก มีฤทธิ์ลดธาตุไฟในใจ” นางกำนัลรีบเข้ามาตอบ
“โอ้? เจ้านี่ล่ะ” หลังจากกินขนมดอกบัว เธอยังคีบชิ้นหนึ่งขึ้นมาถามอีก
“นี่เป็น…”
เฟิ่งจิ่วนั่งกินอยู่ตรงนั้น นางกำนัลตามมาพูดข้างๆ พลางมองเธอกินอาหารไปไม่น้อยอย่างเจริญอาหารยิ่ง เหมือนว่าจริงๆ แล้วเธอเข้ามากินข้าว ความอิสระและเอาแต่ใจนั้นทำให้ทหารอารักขาในวังต้องแอบเหล่มอง
เมื่อจักรพรรดิรู้เรื่องราวหลังจากเขาออกไปก็ค่อนข้างประหลาดใจ จากนั้นยิ้มพูดว่า “แม่หนูนั่นก็ใจกว้างดี ปล่อยนางไปเถอะ!” ไม่รู้ตระกูลเช่นไรอบรมสาวน้อยแบบนี้ออกมา เล่ากันว่ามือของรัชทายาทชื่อสุ่ยยังบวมอยู่ หมอเข้าไปตรวจก็ไม่รู้สาเหตุ นี่ทำให้เขาต้องมองนางในมุมใหม่แล้ว
สาเหตุที่แม้แต่หมอผู้ติดตามของจักรวรรดินทีแดงก็ตรวจไม่พบ ดูท่าทางนางจะมีฝีมือจริงๆ!
เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่รออยู่ในลานบ้านรู้ข่าวว่าเฟิ่งจิ่วกินข้าวที่นั่น ก็เผยรอยยิ้มอย่างอดไม่ได้ วางใจและกลับห้องไปพักผ่อน จนกระทั่งฟ้ามืดถึงจะได้ยินเสียงฮุยหลางกับนางคุยกันในลานบ้านด้านนอก
เขาเดินออกมา ยามเห็นคนที่มีใบหน้ายิ้มแย้มก็เดินเข้าไปถามว่า “กินอิ่มแล้วล่ะสิ?”
“หา? ท่านรู้เรื่องหรือ? ฮ่าๆๆ ข้าจะบอกท่านให้นะ อาหารในวังของเสด็จพ่อท่านอุดมสมบูรณ์กว่าในจวนของเจ้าเสียอีก เต็มโต๊ะใหญ่ไปหมด ส่วนมากข้าไม่เคยกิน ก็เลยกินมากไปโดยไม่ระวัง”
………………………………………………….