เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1317 หนูลองยา + ตอนที่ 1318 นางปีศาจ ออกมาเดี๋ยวนี้
ตอนที่ 1317 หนูลองยา + ตอนที่ 1318 นางปีศาจ ออกมาเดี๋ยวนี้
ตอนที่ 1317 หนูลองยา
คนที่ขดตัวร้องไห้อยู่บนเตียงเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าที่บวมเหมือนเป่าลมยิ่งทำให้หญิงทั้งสองร้องตกใจ ปิดปากพลางถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
“ขะ ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตื่นเช้ามาก็กลายเป็นเช่นนี้แล้ว” ตงเอ๋อร์ร้องไห้อยู่บนเตียง ดึงผ้าห่มมาคลุมศีรษะไว้ ท่าทางเหมือนไม่มีหน้าจะพบใคร
หลังจากใจเย็นลง แววตาของชุนเอ๋อร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้าอย่าร้องไห้เลย ร่างกายเจ้าคงแค่บวมเล็กน้อย ไม่มีปัญหาอื่นก็ดีแล้ว รอคุณหนูตื่นแล้วข้าจะไปบอกอาการของเจ้ากับนาง”
ทั้งสองปลอบใจตงเอ๋อร์ ผ่านไปสักพักก็ออกมาบอกชิวเอ๋อร์ข้างหน้า หญิงสามคนมองหน้ากัน จากนั้นไปหาฮุยหลาง
“ท่านหัวหน้าองครักษ์ ตงเอ๋อร์นาง…” ทั้งคู่บอกเรื่องที่เรือนด้านหลังกับฮุยหลาง
ฮุยหลางได้ยินก็หน้าสั่น เอ่ยว่า “เรื่องนี้รอให้คุณหนูของพวกเจ้าตื่นค่อยไปหานางก็ได้” กล่าวจบก็แวบกายหายออกไปข้างนอก ล้อเล่นกันแล้ว เพียงได้ยินอาการก็รู้ว่าเป็นฝีมือของภูตหมอ ให้เขามาจัดการหรือ? ไม่จำเป็นหรอก!
หญิงทั้งสามเห็นเช่นนี้ยิ่งไม่กล้าพูดอะไร เฝ้าอยู่นอกเรือนไปเงียบๆ รอให้เฟิ่งจิ่วตื่นขึ้นมา
ประมาณปลายยามเฉิน เฟิ่งจิ่วถึงจะตื่นนอน ล้างหน้าแปรงฟันอย่างง่ายๆ และเดินออกจากห้อง ทั้งสามคนเห็นแล้วก็มองหน้าพลางผลักกันไปมา คิดจะให้คนข้างๆ เอ่ยปาก
สุดท้ายยังเป็นชิวเอ๋อร์ที่รายงานอย่างระมัดระวัง “คุณหนู ตงเอ๋อร์ไม่รู้เป็นอะไรเจ้าค่ะ แค่คืนเดียวตัวก็อ้วนขึ้นเป็นสองเท่า”
“อ้อ? เป็นเช่นนี้เอง? ไม่เป็นไร ข้ารู้เรื่องแพทย์ ประเดี๋ยวจะไปดูนางให้” เธอกล่าวจบก็ชำเลืองมองอีกห้องหนึ่งของเรือน “คนทางนั้นยังไม่ตื่นนอนหรือ”
“เจ้าค่ะ” ทั้งสามรีบตอบ แล้วปรนนิบัติเฟิ่งจิ่วอย่างรวดเร็ว
กระทั่งเฟิ่งจิ่วกินอิ่มแล้ว ก็ยังไม่เห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อกลับมา เธอที่อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำจึงเอ่ยว่า “ไปกันเถอะ! ไปดูนางเสียหน่อย”
ด้วยเหตุนี้หญิงทั้งสามจึงตามหลังเฟิ่งจิ่วมา มุ่งหน้าไปที่เรือนด้านหลังด้วยสีหน้ากระสับกระส่าย
เมื่อเห็นคนที่อ้วนขึ้นในชั่วข้ามคืน เฟิ่งจิ่วอดทอดถอนใจไม่ได้ ฤทธิ์ยาแรงดีจริงๆ! เธอแค่นำยาประหลาดที่ได้มาตอนหลอมยายัดปากนางเท่านั้น คืนเดียวก็อ้วนขึ้นราวกับเป่าลมลูกหนังแล้ว ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
“รู้สึกอย่างไรบ้าง นอกจากตัวอ้วนขึ้นแล้วยังไม่สบายตรงอื่นหรือไม่?” เธอหยิบสมุดเล่มเล็กๆ ออกมาจดพลางถาม นี่เป็นสมุดบันทึกผลของยาประหลาดพวกนั้นโดยเฉพาะ
“ไม่เจ้าค่ะ คุณหนู ขอร้องคุณหนูช่วยบ่าวด้วย” ตงเอ๋อร์ร้องไห้อ้อนวอน
“ไม่เป็นไร เจ้ารอเดี๋ยว ข้าจะหายามาให้เจ้ากินเอง” เฟิ่งจิ่วโบกมือ หยิบยาเม็ดสีแดงคล้ำออกมา
ตงเอ๋อร์เห็นยาเม็ดสีแดงคล้ำแล้วกลับลังเล มองเฟิ่งจิ่วอย่างร้อนใจเล็กน้อย “บ่าว บ่าว…” นางไม่กล้ากิน ยานั้นแค่เห็นก็รู้แล้วว่าต่างจากยาทั่วๆ ไป กินไปจะไม่มีปัญหาอะไรหรือ?
ทว่าขณะที่นางเอ่ยปาก กระแสลมสายหนึ่งก็ตรงเข้ามาสกัดจุดลมปราณตรงหน้าอกของนาง จนนางร้องออกมา ขณะเดียวกันเฟิ่งจิ่วก็ดีดยาเข้าปากนางไป
“มีโอกาสได้ลิ้มลองยาของข้า เจ้าควรจะยินดีไว้” เฟิ่งจิ่วปรบมือ มองตงเอ๋อร์กลืนยาลงไป ก่อนจะเอ่ยว่า “รอสักพัก อาการเป็นอย่างไรก็บอกข้า”
คนทั้งสี่ได้ยินคำพูดและเห็นภาพเช่นนี้ จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตงเอ๋อร์กลายเป็นหนูลองยาไปแล้ว? ยามนึกถึงข้อนี้ ทั้งสี่คนอดสั่นสะท้านไม่ได้…
………………………………………………….
ตอนที่ 1318 นางปีศาจ ออกมาเดี๋ยวนี้
เพราะพวกนางเข้ามาใกล้ชิดด้วยเจตนาอื่น ทุกคนจึงกลายเป็นหนูลองยาหรือ?
ไม่ ไม่ใช่ นางไม่ได้วางยาพวกนางสี่คนตรงๆ แต่เป็นหลังจากตงเอ๋อร์ไปส่งน้ำแกงโสม…
สามคนที่เหลือนึกถึงข้อนี้ ก็ก้มหน้าลงด้วยความตึงเครียด เวลานี้ ตงเอ๋อร์ที่นึกถึงจุดนี้เช่นกันหน้าขาวซีดและร้องโอดครวญทันที ร่างกายกลิ้งไปบนพื้น เสียงร้องเจ็บปวดดังจากปากของนางไม่หยุดหย่อน
เห็นเพียงร่างของนางที่เดิมทีอ้วนท้วนพลันผอมลงด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ทว่าขณะผอมลง มือเท้ากลับเหยียบพื้นและนั่งยองดุจสัตว์ป่า ปากส่งเสียงคำราม ร่างกายอ้วนสมบูรณ์กระโดดอยู่บนพื้นราวกับสัตว์
จากนั้นก็เห็นว่าใบหน้าของนางเกิดเปลี่ยนแปลง จากคนเป็นๆ คนหนึ่งเปลี่ยนสภาพกลายเป็นคล้ายแมวคล้ายเสือ สิ่งที่ทำให้คนเหลือเชื่อที่สุดคือ ด้านหลังของนางงอกหางแปลกๆ ออกมาด้วย
“กรี๊ด!”
ชุนซย่าชิวทั้งสามคนตกใจกับภาพนี้ พากันปิดปากกรีดร้อง ก่อนจะถอยหนีไปข้างๆ
“หือ ที่แท้ก็เป็นโอสถสัตว์ป่า?” เฟิ่งจิ่วมองหางที่งอกออกมาอย่างประหลาดใจ น่าแปลกนักว่าหางงอกมาได้อย่างไรกันแน่
เธอมองไปพลาง บันทึกการเปลี่ยนแปลงหลังกินโอสถสัตว์ป่าของตงเอ๋อร์ลงในสมุดไปพลาง แต่ยามนี้เอง ตงเอ๋อร์ที่จวนจะกลายเป็นสัตว์ป่าพลันหันหน้ามา ดวงตากระหายเลือดจับจ้องเฟิ่งจิ่วที่นั่งเขียนบางอย่างอยู่ตรงโต๊ะ ทันใดนั้นก็กระโจนเข้าไป กรงเล็บแหลมคมซึ่งเกิดจากการกลายพันธุ์ตะครุบไปทางคอของเฟิ่งจิ่วพร้อมความกระหายจะเข่นฆ่า
“เฮือก! อย่านะ!”
ผู้หญิงสามคนสูดลมหายใจ ครั้นเห็นนางจะจู่โจมเฟิ่งจิ่วก็ส่งเสียงร้องลั่นอย่างอดไม่ได้ อยากเข้าไปห้ามปราม แต่ว่าพวกนางถอยห่างไปข้างๆ ระยะหนึ่ง ความเร็วที่ตงเอ๋อร์กระโจนเข้าไปว่องไวนัก ชั่วขณะนั้นจึงได้แต่เบิกตามอง
แต่เมื่อเฟิ่งจิ่วที่เขียนบางอย่างลงสมุดเล่มเล็กเงยหน้าเหลือบมอง แล้วสะบัดแขนเสื้อออกไป กระแสลมทรงพลังที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าก็หลั่งไหลออกมาปะทะตงเอ๋อร์จนกระเด็น ในใจของคนทั้งสามยิ่งตกตะลึง
พวกนางสี่คนมาจากหอนารีวิไล นอกจากรูปโฉมงดงามน่าอัศจรรย์ พลังของพวกนางยังทะลวงถึงระดับหลอมแก่นพลังมานานแล้ว ตงเอ๋อร์ที่เป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังเช่นกันกลับถูกเฟิ่งจิ่วผู้เอื่อยเฉื่อยไม่แยแสโจมตีเบาๆ จนกระเด็นเช่นนั้น นี่มัน…
กำลังของนางแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่? หรือว่ากำลังของนางจะเหนือกว่าพวกนางสี่คนไปอีก?
เมื่อนึกถึงภาพนี้ แล้วมองสภาพของตงเอ๋อร์อีกที หญิงทั้งสามตกใจยิ่งนัก งานที่หานหรงให้พวกนางมาจัดการ หากทำต่อไปจุดจบจะกลายเป็นคนทดลองยาเฉกเช่นตงเอ๋อร์หรือไม่?
พวกนางพลันนึกถึงคำพูดของเฟิ่งจิ่วกับหานหรงที่บอกว่าจะไม่ให้พวกนางตายง่ายๆ ที่แท้ความหมายเบื้องหลังเป็นเช่นนี้เอง…
“กรรซ์”
ตงเอ๋อร์ที่ส่งเสียงคำรามเช่นสัตว์ป่าล้มกระแทกพื้น ขณะจะลุกขึ้นกระโจนเข้าไปอีก ก็ถูกแรงกดดันที่เฟิ่งจิ่วปล่อยออกมากดไว้ ทำให้นอนหมอบอยู่ตรงนั้นไม่อาจลุกขึ้นมาได้
เธอเดินเข้าไปจับชีพจรของนางอย่างอยากรู้ ก่อนจะลูบหางแปลกประหลาดที่งอกออกมาด้านหลัง คลำหางพลางพึมพำว่า “ทำไมหางถึงงอกออกมาได้ ข้าจำได้ว่าตอนนั้นเติมเลือดสัตว์อะไรลงไปด้วยนิดหน่อย? ไม่คิดว่าจะกลายเป็นโอสถสัตว์ป่า พิลึกจริงๆ”
ขณะกำลังคิด ด้านนอกก็มีเสียงตะโกนเกรี้ยวกราดลอยมา “นางปีศาจ! ออกมาเดี๋ยวนี้! เป็นฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่!”
ด้านนอก หานหรงที่หน้าเขียวปัดก้าวยาวๆ เข้ามา ทั่วร่างมีกลิ่นอายแค้นเคือง ตัวคนยังไม่ทันเดินมาใกล้ เสียงก็ดังมาก่อนแล้ว
………………………………………………….