เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1393 สงครามระหว่างไก่กับงู + ตอนที่ 1394 งานส่งของ
ตอนที่ 1393 สงครามระหว่างไก่กับงู + ตอนที่ 1394 งานส่งของ
ตอนที่ 1393 สงครามระหว่างไก่กับงู
ครั้นเห็นเช่นนี้ เฉินเต้ายิ้มบอกว่า “มีงานส่งของอยู่งานหนึ่ง ข้าคิดว่าเหมาะกับเจ้ามาก”
“ส่งของ?” เฟิ่งจิ่วดวงตาเป็นประกาย เหมือนจะฟังดูไม่เลวเลย?
“ใช่ งานส่งของ เป็นงานวิ่งขึ้นวิ่งลงช่วยทุกคนส่งยาทิพย์หรือช่วยไปเอาของอะไรแบบนั้น” เฉินเต้าลูบหนวดอักษรเลขแปด กล่าวว่า “ถ้าเจ้าคิดว่าทำได้ ข้าจะช่วยเจ้าพูดเอง”
“ทำได้ ทำได้แน่นอน เช่นนั้นข้าขอขอบคุณศิษย์พี่เฉินล่วงหน้าเลยขอรับ” เธอรับคำด้วยความดีใจ รีบประสานมือคารวะเขา
เฉินเต้าพยักหน้า จากนั้นค่อยรับยาทิพย์เหล่านั้นไปเก็บพลางเอ่ย “เจ้ารอฟังข่าวก็แล้วกัน!” พูดจบ ก็สาวเท้าเดินจากไป
เห็นดังนั้น เฟิ่งจิ่วคลี่ยิ้มหัวเราะเจ้าเล่ห์ รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาทันที งานส่งของประเภทยาทิพย์ ไม่แน่ว่าอาจจะได้ขึ้นไปถึงชั้นบน และสืบข่าวอะไรมาได้บ้าง
นึกมาถึงตรงนี้ เธอก็ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี แต่ในตอนนี้เอง ก็ได้ยินเสียงกุ๊กๆๆ ดังขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อหันไปมองตามเสียง ก็เห็นงูสีเงินระดับแปดตัวหนึ่งกำลังอ้าปากโจมตีไก่ขนเขียวที่ยังไม่ยอมไปไหนตัวนั้น
“งู?”
เธอประหลาดใจ รีบเดินเข้าไปดู เห็นงูหนึ่งตัวไก่หนึ่งตัวต่อสู้กันอยู่ เพราะระดับที่แตกต่างกัน พลังต่อสู้ของงูสีเงินระดับแปดตัวนั้นเหมือนจะเป็นฝ่ายได้เปรียบกว่าเล็กน้อย แต่ไก่ขนเขียวเองก็ไม่ยอมแพ้ แหงนหน้าส่งเสียงร้อง กระพือปีกบินขึ้นกลางอากาศ กรงเล็บไก่ถูกเผยออกมา ราวกับมีดแหลมคมพาเอาพลังอันดุดันโฉบไปทางงูสีเงินระดับแปดตัวนั้น
“กุ๊กๆๆ!”
“ฟ่อ!”
งูหนึ่งตัวไก่หนึ่งตัวต่อสู้กัน ยาทิพย์รอบๆ ถูกทำลายไปไม่น้อย เฟิ่งจิ่วหน้าเปลี่ยนสี รีบก้าวไปข้างหน้าแล้วตวาดเสียงดัง “หยุดเดี๋ยวนี้นะ! จะสู้ก็ไปสู้กันที่อื่นสิ! อย่าทำยาทิพย์พวกนั้นเสียหาย!”
ทว่า สัตว์สองตัวนั้นเหมือนไม่ได้ยินสักนิด พวกมันไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย โดยเฉพาะงูตัวนั้น ยังตวัดสายตากระหายเลือดเป็นเชิงตักเตือนใส่เฟิ่งจิ่วราวกับสำแดงฤทธิ์เดช หางงูม้วนตวัดอีกครั้ง กระแทกไก่ขนเขียวที่กำลังกระพือปีกบินลอยออกไป
“โครม!”
ร่างกลมๆ ของมันเหมือนลูกหนังที่กระแทกลงพื้นแล้วเด้งขึ้นมาอีกครั้ง ขาสองข้างและหัวหดเข้าไปในตัวก่อนที่จะกระแทกพื้นแล้ว ร่างกายกลมเหมือนลูกหนังกลิ้งไปไกลระยะหนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าไม่มีอันตรายแล้วจึงค่อยยืดลำตัวออกมาอีก
“กระต๊ากๆๆ!”
ขนสีเขียวบนคอและหัวของเจ้าไก่ลุกตั้งด้วยความโกรธ แต่ละเส้นตั้งชันเหมือนหนามแหลมสีเขียว มันแหงนคอร้องเสียงดัง กระพือปีกพุ่งตัวไปข้างหน้า และเริ่มสู้กับงูตัวนั้นอีกครั้ง
เป็นครั้งแรกที่เห็นงูกับไก่ตีกัน เฟิ่งจิ่วรู้สึกตื่นตาตื่นใจ หากไม่ใช่กลัวว่าเจ้างูกับเจ้าไก่จะทำลายยาทิพย์จนเสียหายมากเกินไป เธอก็อยากดูต่อไปจริงๆ เพียงแต่ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าในท้องเจ้าไก่ขนเขียวยังมีไข่ไก่อยู่หนึ่งฟอง กอปรกับยาทิพย์ถูกเหยียบเสียหาย จึงต้องหยุดความคิดไว้เพียงเท่านี้
“ไม่เชื่อฟังกันใช่หรือไม่? ได้ เจ้าหาเรื่องเองนะ”
เฟิ่งจิ่วกล่าว ก้มลงไปเก็บก้อนหินขึ้นมาสองก้อน ชั่งน้ำหนักหินด้วยการโยนขึ้นลงในมือ เธอเห็นงูสีเงินตัวนั้นพุ่งไปข้างหน้า อ้าปากกว้างทำท่าเหมือนจะกลืนกินไก่ขนเขียวที่กำลังพุ่งเข้ามาลงไปทั้งตัว ในตอนนั้นเอง หินสองก้อนในมือก็ถูกดีดออกไปเสียงดัง
“ฟิ้ว…ปังๆ!”
เสียงแหวกอากาศดังมา ไม่นานก็ได้ยินเพียงเสียงกระทบกันดังขึ้นเบาๆ สองครั้ง หินสองก้อนนั้นก้อนหนึ่งดีดโดนส่วนหัวใจของงูตัวนั้น อีกก้อนดีดโดนเขี้ยวพิษข้างหนึ่งในปากงู
“ฟ่อๆ!”
งูตัวนั้นส่งเสียงฟ่อๆ มันหันมองไปทางที่เฟิ่งจิ่วยืนอยู่ ทำท่าจะพุ่งเข้ามา ทว่าโดนเจ้าไก่ขนเขียวใช้กรงเล็บแหลมคมข่วนบนหัวจนเป็นรอยเลือดหลายเส้น…
………………………………….
ตอนที่ 1394 งานส่งของ
“ฟ่อ!”
สุดท้าย งูตัวนั้นอับจนหนทาง ทำได้เพียงส่งเสียงฟ่อทิ้งท้ายไว้แล้วลนลานหนีไป
“กุ๊กๆๆ!”
ไก่ขนเขียวกระพือปีกบินไปเกาะบนหินก้อนหนึ่งอย่างเย่อหยิ่ง ก่อนแหงนหน้าส่งเสียงร้อง ราวกับกำลังบอกว่า ‘ข้าสู้ชนะเจ้างูตัวนั้นแล้ว’ อย่างไรอย่างนั้น
เห็นเช่นนั้น เฟิ่งจิ่วได้แต่ลอบส่ายหน้ากับตัวเอง และเดินเข้าไปจัดการยาทิพย์ที่ถูกเหยียบจนเสียหาย ในตอนนี้เอง ไก่ขนเขียวตัวนั้นก็มาเดินทอดน่องอยู่รอบๆ ตัวเธออีกครั้ง
“ไปเลยๆๆ ไปทางนั้นเลย ไม่ต้องมากวนข้า” เธอผลักเจ้าไก่ขนเขียวออกไป พยายามปลูกยาทิพย์เหล่านั้นที่ยังพอประคองให้ตรงได้ใหม่อีกครั้ง ส่วนที่ถูกเหยียบตายก็ถอนทิ้งให้เรียบร้อยเสีย
“กุ๊กๆๆ…”
อาจเพราะรู้ว่าเฟิ่งจิ่วไม่ฆ่ามัน ด้วยเหตุนี้เจ้าไก่ขนเขียวจึงเริ่มส่งเสียงร้องพลางเดินทอดน่องอยู่ข้างเธออีกครั้ง แต่กลับไม่กล้าหมายตาหญ้าใบลิ้นแดงเหล่านั้นอีกแล้ว
เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างว่างเปล่า เฟิ่งจิ่วเอนกายอยู่บนหินก้อนหนึ่งแล้วงีบหลับ ข้างๆ มีไก่ขนเขียวนั่งยืดคอยาวชะเง้อมองซ้ายมองขวา เหมือนกำลังเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวรอบๆ
เมื่อถึงยามพลบค่ำ คนงานอีกคนมารับช่วงต่อภารกิจเฝ้ายามให้เธอ ด้วยเหตุนั้นเธอจึงกลับถ้ำไปพักผ่อนก่อน
ใครจะรู้ เธอเดินอยู่ข้างหน้า เจ้าไก่ขนเขียวข้างหลังกลับสาวเท้าสองข้างเดินตามมาติดๆ เธอก้าวเท้ากี่ครั้ง มันก็ก้าวเท้าเท่านั้น ยามเดินเหินร่างกลมๆ ส่ายไปส่ายมาดูแล้วเทอะทะ
“เจ้าตามข้ามาทำไม? ถ้ายังตามข้ามาอีก ข้าอาจเผลอจับเจ้าไปตุ๋นก็ได้นะ” เฟิ่งจิ่วหันกลับไปเหลือบมองพลางข่มขู่
“กุ๊กๆๆ…”
สิ่งที่ตอบกลับเธอมา เป็นเสียงร้องตื่นเต้นดีใจของไก่ขนเขียว มันเก็บปีกยืดคอสูงเดินวางท่าตามหลังเฟิ่งจิ่วต้อยๆ
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วก็ไม่ได้สนใจมัน กลับไปถึงถ้ำได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงของหัวหน้าเฉียนดังมาจากด้านนอกถ้ำ
เธอเดินออกมาจากในถ้ำ หยุดยืนด้านหน้าหัวหน้าเฉียนแล้วคารวะ “หัวหน้าเฉียน”
หัวหน้าเฉียนเหลือบมองมาแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “วันนี้ศิษย์พี่เฉินมาหาข้า บอกว่าจะเปลี่ยนงานให้เจ้า ให้เจ้าไปทำงานส่งของแทน เช่นนั้นตั้งแต่พรุ่งนี้ ให้เจ้าไปรายงานตัวที่ยอดเขาชั้นที่สามก็แล้วกัน! ที่นั่นมีเจ้าอ้วนแซ่หลี่อยู่คนหนึ่ง เขาจะมอบหมายงานให้เจ้าเอง” พูดจบก็หันตัวเดินจากไป
ครั้นได้ยินประโยคนี้ เฟิ่งจิ่วอดคลี่ยิ้มไม่ได้ เฉินเต้าผู้นี้ประสิทธิภาพการทำงานสูงจริงๆ
เช้าตรู่วันต่อมา เธอตื่นนอนแต่เช้าแล้วไปรายงานตัวที่ยอดเขาชั้นสาม เพิ่งจะเดินเข้าไปข้างในก็ได้ยินชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วนกำลังด่าทอ “เจ้าเด็กพวกนี้ ยิ่งอยู่ยิ่งไม่ได้เรื่อง ป่านนี้แล้วยังไม่มีใครมาอีก แดดจะส่องถึงก้นอยู่แล้ว แต่ละคนขี้เกียจสันหลังยาว ไม่ได้เรื่องสักคน!”
เฟิ่งจิ่วที่เดินเข้ามาได้ยินเข้า ฝีเท้าก็ชะงัก เธอมองชายอ้วนวัยกลางคนแวบหนึ่ง แล้วจึงค่อยขานเรียก “ท่านผู้นี้คือหัวหน้าหลี่หรือ ข้าคือเฟิ่งจิ่ว หัวหน้าเฉียนให้ข้ามารายงานตัวขอรับ”
ชายอ้วนหันมามอง เห็นเด็กหนุ่มชุดเขียวยืนอยู่ตรงนั้น ก็คว้าตะกร้าใบหนึ่งที่อยู่ข้างๆ แล้วเดินมายัดใส่มือเฟิ่งจิ่ว
“ในเมื่อมารายงานตัว ก็เอายาตะกร้านี้ไปส่งที่ถ้ำหมายเลขเจ็ดที่อยู่ทางซ้ายมือของยอดเขาชั้นห้า แล้วก็ยาตัวนี้ ส่งที่ถ้ำหมายเลขสามบนยอดเขาชั้นหก รีบไปเสีย”
“ขอรับ” เธอตะลึงงัน หลังจากตอบรับด้วยความดีใจก็รับของแล้วเดินออกไป
ยอดเขาชั้นที่ห้าและชั้นที่หก ถ้ำบนนั้นล้วนเป็นที่พักของนักเล่นแร่แปรธาตุ ถือโอกาสนี้ขึ้นไปดูเสียหน่อยได้พอดี เธออยากรู้จริงๆ ว่าความสามารถของนักเล่นแร่แปรธาตุในสำนักโอสถตะวันจะสูงสักเท่าใด
เธอเดินด้วยฝีเท้าที่เบาและเร็ว ดูเหมือนกำลังเดิน แต่กลับเคลื่อนไหวเร็วมาก ไม่นานก็มาถึงยอดเขาชั้นที่ห้า
………………………………….