เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1431 ไม่ขายให้ยืมได้ + ตอนที่ 1432 ข้าอยากเข้าไป
ตอนที่ 1431 ไม่ขายให้ยืมได้ + ตอนที่ 1432 ข้าอยากเข้าไป
ตอนที่ 1431 ไม่ขายให้ยืมได้
เฉินเต้าเห็นเช่นนั้นก็แปลกใจ รู้สึกว่ายามเจ้าเด็กเฟิ่งจิ่วแสดงฝีมือให้เห็นเป็นบางครั้งช่างน่าสนใจยิ่ง หญ้าพรายที่แม้แต่พวกเขายังจับไม่ได้ เขาใช้แหอันเดียวก็จับได้แล้ว จัดการง่ายดายถึงเพียงนั้น ช่างเหมือนเป็นการตบหน้าพวกเขาแรงๆ เสียจริง!
“พวกเจ้าดูคนอื่นเขาสิ ดูสิ คนอื่นเขาอายุยังไม่ถึงยี่สิบเลย! ซ้ำยังเป็นเพียงศิษย์ชั้นล่างคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่แม้กระทั่งนักเล่นแร่แปรธาตุด้วยซ้ำ กลับทำเรื่องที่พวกเจ้าทำไม่ได้สำเร็จอย่างง่ายดาย พวกเจ้าว่ามันน่าขายหน้าหรือไม่?”
ได้ยินเฉินเต้ายืนพูดอยู่ตรงนั้น เฟิ่งจิ่วมุมปากกระตุก เธอเก็บแหแล้วเดินกลับมา ก็เห็นนักเล่นแร่แปรธาตุคนหนึ่งเดินมาขวางหน้าเธอ แล้วเสนอว่า “ข้าจะเอายาแลกกับเจ้า เจ้าเอาหญ้าพรายสองต้นนั้นให้ข้า”
มองดูคนตรงหน้า เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยีแล้วส่ายหน้า “ไม่แลกขอรับ”
เธอยังตั้งใจจะเอาหญ้าพรายสองต้นนี้ไปปลูกในห้วงมิติอยู่เลย! หญ้าพรายเป็นตัวยาสำคัญในยาหลายชนิด หากเพิ่มเข้าไปในใบสั่งยาที่ต่างกันก็จะให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน เธอจึงไม่อยากปล่อยหญ้าพรายสองต้นนี้ให้ใคร
“ข้า…”
นักเล่นแร่แปรธาตุคนนั้นยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเฉินเต้าที่เดินเข้ามาผลักออกไป เขาเซถอยไปหลายก้าวถึงค่อยยืนอย่างมั่นคงได้ พอเห็นเป็นเฉินเต้า ก็อดตะคอกด้วยความโกรธไม่ได้ “เฉินเต้า เจ้าจะทำอะไร!”
เฉินเต้ากอดอกเหล่มองเขา “ข้าสิอยากถามว่าเจ้าจะทำอะไร? ขายหน้าไหมเล่านั่น? ยาทิพย์ที่คนอื่นเขาเด็ดมาได้ด้วยตนเองต้องแลกกับเจ้าด้วยหรือ? หากยังตามตอแยจะแลกหญ้าพรายกับเขาให้ได้อีก เจ้าเชื่อไหมว่าข้าจะถีบเจ้าลงไปในบ่อโคลนอีกครั้ง?”
เจอประโยคนี้ไป คนผู้นั้นทำได้เพียงตวัดมองเฟิ่งจิ่วอย่างขุ่นเคือง จากนั้นก็เม้มปากหันตัวเดินกลับไปนั่งที่ใต้ต้นไม้ เพียงแต่ว่าเขาที่มีนิสัยเย่อหยิ่งกลับไม่อาจกล้ำกลืนความโกรธนี้ไว้ได้
เฉินเต้าเหลือบมองคนคนนั้นแวบหนึ่ง แค่นเสียง แล้วพูดกับเฟิ่งจิ่วว่า “ของของตนเองก็เก็บไว้ให้ดี หากพวกเขากล้ามาหาเรื่องเจ้า เจ้าก็มาหาข้า เจ้าเป็นคนที่ข้าคอยคุ้มครองอยู่ พวกเขากล้าหมายหัวเจ้า ก็เท่ากับหมายหัวข้า”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วคลี่ยิ้ม “ขอบคุณศิษย์พี่เฉินมากขอรับ”
“เอาล่ะๆ รีบพักผ่อนเถิด ฟ้าสางก็ต้องออกเดินทางต่อแล้ว” เขาโบกมือ แล้วหาที่นั่งพัก
แต่ครั้งนี้ เฟิ่งจิ่วกลับกระโดดขึ้นไปนอนบนต้นไม้ เอนกายพิงบนกิ่งไม้ มองคนที่อยู่ด้านล่าง กลีบปากเธอกระดกเบาๆ ขณะกำลังจะหลับตาพักผ่อน ก็เห็นลั่วเหิงที่อยู่ข้างล่างกระโดดขึ้นมาด้วย เขานั่งห่างออกไปไม่ไกล
“นี่ เฟิ่งจิ่ว เหตุใดเจ้าจึงพกแหติดตัวมาด้วยเล่า? มีของเช่นนี้อยู่ด้วยเจ้าไม่เอาออกมาเล่า?”
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ยิ้มแล้วบอก “เมื่อก่อนใช้ตอนจับปลา ปกติก็ใช้จับสัตว์ป่า ครั้งนี้เอามาจับหญ้าพรายได้พอดีน่ะขอรับ”
“เจ้าสิ่งนั้นขายให้ข้าเป็นอย่างไร? ข้าไม่เอาหญ้าพรายของเจ้า แหนั่นของเจ้าน่ะ ข้าเอายาแลกกับเจ้า”
“ไม่ได้ขอรับ ข้ายังต้องใช้อีก” เธอหลับตา ไม่สนใจเขาอีก
“โธ่…”
“ข้าจะนอนแล้วขอรับ ศิษย์พี่ลั่ว ขายให้ท่านนั้นไม่ได้ แต่ให้ท่านยืมนั้นได้ เรื่องนี้ รอพรุ่งนี้ตื่นแล้วค่อยว่ากัน”
ได้ยินอย่างนั้น ลั่วเหิงยิ้ม “เช่นนั้นก็ได้!” ยืมใช้ก็ได้นี่! หากมีแหนั่น ยังกลัวจับหญ้าพรายไม่ได้อีกหรือ?
เช้ามืดวันต่อมา ทุกคนตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงร้องของแมลงและนกกา แสงอาทิตย์สาดส่องลงมากลางป่าสะท้อนเป็นเส้นสีทองหลายเส้น อากาศยามเช้าปลอดโปร่งสดชื่น ความรู้สึกสงบเงียบและงดงาม ทำให้อารมณ์ของพวกเขาเบิกบานตามไปด้วย
ทรัพยากรในนี้มีมากมายไม่มีวันหมด พลาดหญ้าพรายไปแล้ว ก็ยังมีอย่างอื่น พวกเขาไม่ควรจมปลักอยู่กับหญ้าพรายสองต้นนั้น หากยังเป็นเช่นนั้นจริง พวกเขาก็ใจแคบเกินไปแล้ว
………………………………….
ตอนที่ 1432 ข้าอยากเข้าไป
ทุกคนมุ่งหน้าเข้าไปในป่า เมื่อเข้าไปข้างใน ก็เห็นยาทิพย์มากมายหลายชนิดเติบโตกระจายไปทั่วทุกทิศ บ้างก็ขึ้นอยู่ในพุ่มหญ้า บ้างก็ขึ้นอยู่บนพื้นโล่ง บ้างก็ขึ้นอยู่บนซอกหิน
เฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างหลังเด็ดยาทิพย์อย่างเบิกบานใจ ค้นพบว่ายิ่งเดินลึกเข้าไประดับของยาทิพย์ก็ยิ่งสูง นอกจากเธอที่กำลังเด็ด คนอื่นๆ ที่อยู่ข้างหน้าก็เริ่มเด็ดยาทิพย์ที่มีประโยชน์กับพวกเขาบ้างแล้ว คนสิบคนแยกย้ายกันเด็ด กลับไม่ได้เกิดความขัดแย้งใดขึ้น
หลายวันต่อมา เฉินเต้าและพวกพักผ่อนอยู่ในป่า เฟิ่งจิ่วกลับกำลังเด็ดยาทิพย์อยู่บริเวณรอบๆ ยามเธอเก็บหญ้าพสุธาหมอบต้นหนึ่งใส่ถุงฟ้าดิน ก็เห็นรองเท้าหนังคู่หนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ ยังมีชายกระโปรงสีฉูดฉาดที่พลิ้วไหวเบาๆ ด้วย
เธอชะงักเล็กน้อย เงยหน้ามอง ยามเห็นคนตรงหน้า ก็เผยรอยยิ้มออกมา “ศิษย์พี่” คนตรงหน้า ก็คือหนึ่งในผู้หญิงสองคนนั้นไม่ใช่หรือ? มาหาเธอมีเรื่องอะไรกัน?
“ศิษย์น้องเฟิ่ง”
ครั้นเสียงอ่อนหวานถูกเปล่งออกมา นิ้วมือเรียวขาวสองข้างวางลงบนไหล่เฟิ่งจิ่ว พลางนวดคลึงเบาๆ นัยน์ตางามคู่นั้นที่จับจ้องมาที่เฟิ่งจิ่ว แฝงไว้ด้วยแววตาที่อธิบายไม่ถูก
เฟิ่งจิ่วตัวเกร็ง ยืนยิ้มเหยเกอยู่ตรงนั้นเหมือนทำตัวไม่ถูก “ศิษย์พี่ ท่าน ท่านทำอะไรน่ะขอรับ?”
ผู้หญิงคนนี้แม้ดูท่าทางเหมือนอายุยี่สิบต้นๆ แต่อายุจริงๆ ไม่ใช่เท่านี้แน่นอน ไม่นึกเลยว่าจะกล้าลงมือกับหญ้าอ่อนเช่นเธอ โหดเกินไปแล้ว
“ศิษย์น้องเฟิ่ง เจ้าเด็ดยาทิพย์ไปมากมายขนาดนั้นก็หลอมยาไม่เป็น ไม่สู้ศิษย์พี่ยอมเสียเปรียบหน่อย ช่วยเจ้าหลอมยาเป็นอย่างไร?”
“แหะๆ ไม่ต้องหรอกขอรับ ศิษย์พี่เฉินจะช่วยข้าเอง” ขณะที่มือของนางแตะหน้าอกเธอเบาๆ เธอยิ้มด้วยความหวาดหวั่น รีบถอยหลังไปหลายก้าว
เห็นเด็กหนุ่มถอยหนี หญิงสาวปิดปากหัวเราะเบาๆ ทำท่าจะเดินเข้าหาอีก แต่จู่ๆ เขากลับมองไปข้างหลังนางแล้วตะโกนเรียกด้วยความดีใจ “ศิษย์พี่เฉิน!”
ได้ยินเขาเรียกอย่างนั้น นางตกใจ นึกว่าเฉินเต้ามาจึงรีบหันไปมอง นึกไม่ถึง ครั้นหันกลับมาอีกครั้งข้างหลังก็ไร้เงาคนแล้ว เห็นเด็กหนุ่มหนีหายไปไม่เหลือให้เห็นแม้แต่เงา
“ชิ เจ้าเด็กบ้า” เธอแค่นเสียง ดีดนิ้วสองสามที แล้วถึงสาวเท้าเดินกลับไป
เห็นเฟิ่งจิ่ววิ่งมาด้วยท่าทางรีบร้อน เฉินเต้าที่กำลังคุยกับลั่วเหิงจึงถาม “เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าหรือ? เหมือนข้าจะได้ยินเสียงของเจ้า?”
“อ้อ ใช่ขอรับ ข้าเรียกท่านเอง” เฟิ่งจิ่วมายืนข้างพวกเขาสองคน ยิ้มบอกว่า “ข้าจะถามว่าพวกเราจะเดินเข้าไปข้างในกันต่อหรือไม่ขอรับ?”
“เรื่องนี้หรือ!” เฉินเต้าลูบหนวดเลขแปด ตอบว่า “ความจริงเบื้องบนมีคำสั่งมาว่าให้เดินบริเวณรอบนอกกับรอบในเท่านั้น แต่ส่วนลึกในป่านั้น…” เขาลังเลเล็กน้อย แล้วพูดต่อว่า “ส่วนลึกของป่าแม้จะมียาทิพย์ล้ำค่า แต่ก็มีสัตว์วิญญาณที่ดุร้ายบางชนิดเฝ้าอยู่ ความจริงทางสำนักไม่แนะนำให้พวกเราเข้าไปในส่วนลึก”
เฟิ่งจิ่วตาเป็นประกาย ถามว่า “เช่นนั้นพวกเราจะเข้าไปไหมขอรับ?” ท่านแม่ของเธอน่าจะอยู่ในนั้น นี่ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว หากพวกเขาไม่เข้าไป เธอคิดจะเข้าไปดูตามลำพัง
“เจ้าอยากเข้าไปหรือ”
เมื่อเห็นความคาดหวังของเขา เฉินเต้าประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้าหลอมยาไม่เป็นเสียหน่อย แม้จะเด็ดยาทิพย์เหล่านั้นได้ก็มีเพียงต้องนำไปขายเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกแล้ว ข้างในมีสัตว์วิญญาณดุร้ายที่มีพลังต่อสู้แข็งแกร่งมากอยู่ด้วย สำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุที่เชี่ยวชาญการหลอมยาอย่างพวกเรา ไม่ค่อยเหมาะนักถ้าจะเข้าไป”
ได้ยินเช่นนั้น เธอยิ้มๆ ตอบว่า “อุตส่าห์ได้เข้ามาทั้งที ข้าเลยอยากเข้าไปดูหน่อยน่ะขอรับ”
………………………………….