เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1459 ลุกไม่ขึ้น + ตอนที่ 1460 ป้ายหยกห้อยเอวแผ่นหนึ่ง
ตอนที่ 1459 ลุกไม่ขึ้น + ตอนที่ 1460 ป้ายหยกห้อยเอวแผ่นหนึ่ง
ตอนที่ 1459 ลุกไม่ขึ้น
ลูบร่างกายอ้วนกลมของเจ้าขนเขียว และไข่ที่อยู่ด้านล่างท้องของมัน ในสมองก็ครุ่นคิดไปว่า ในยอดเขาซานหยางแห่งนี้ ท่านแม่ของเธอไปหาซานหยางจื่อคงไม่เป็นอะไร ไม่ว่าอย่างไรซานหยางจื่อก็ไม่มีทางทำให้ตนเองมีชื่อเสียงฉาวโฉ่อย่างการทำร้ายลูกศิษย์แน่นอน ถึงแม้จะทำร้ายท่านแม่ของเธอ ก็เดาว่าต้องทำอย่างลับๆ
แต่ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ ท่านแม่ของนางเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง ปล่อยให้นางวนเวียนอยู่ใกล้ซานหยางจื่อก็น่าเป็นห่วงเกินไป หากสามารถพานางออกไปจากที่นี่ แล้วส่งตัวไปให้พวกเหลิ่งซวง บางที น่าจะง่ายกว่าถ้าให้เธอเป็นคนจัดการเรื่องที่เหลือ ยิ่งไปกว่านั้น มีเพียงท่านแม่ของเธอไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยก่อน เธอจึงจะสามารถลงมือทำอะไรได้อย่างเต็มที่
เธอนั่งใช้ความคิด เจ้าขนเขียวที่อยู่ในอ้อมแขนถูกเธอกดจนแทบยกหัวไม่ขึ้นแล้ว ทำได้เพียงนอนหมอบอยู่ในอ้อมแขนเธอเงียบๆ
เนิ่นนาน เฟิ่งจิ่วลุกขึ้นมา เธอปล่อยเจ้าขนเขียวแล้วเดินเข้าถ้ำไป ตั้งใจว่าจะพักผ่อนสักครู่แล้วค่อยเข้าไปอาบน้ำตอนไม่มีคน ที่นี่ การอาบน้ำเป็นเรื่องที่ไม่สะดวกสำหรับเธอมาก ในถ้ำไม่มีห้องอาบน้ำ ทำได้เพียงรอให้ค่ำก่อนแล้วเธอค่อยเข้าไปอาบตอนไม่มีคน
ทว่า ประมาณช่วงหัวค่ำ ขณะที่เธอยังพักผ่อนอยู่ในถ้ำ ก็ได้ยินเสียงของลั่วเหิงดังเข้ามาจากข้างนอก
“เฟิ่งจิ่ว? เฟิ่งจิ่ว?”
ลั่วเหิงตะโกนเรียกอยู่ข้างนอก แล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”
ได้ยินประโยคนี้ เธอกระเด้งตัวลุกจากเตียง หยิบเสื้อคลุมมาสวมแล้วเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นคนที่ยืนตะโกนอยู่ข้างนอก ก็บอกว่า “ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่นี่หมายความว่าอย่างไรกันขอรับ? หรือท่านเห็นว่าข้าในยามนี้ไม่ใช่ข้า แต่เป็นผี?”
เขาตะลึง โบกไม้โบกมือ “เปล่าๆๆ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าเพียงแต่อยากแวะมาดูว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่?” ลั่วเหิงอธิบาย แล้วถามว่า “คลื่นฝูงสัตว์ร้ายในตอนนั้นเจ้าไม่เจอหรือ? เจ้าอยู่ในส่วนลึกของป่า เหตุใดจึงไม่บาดเจ็บสักนิดเลยเล่า?”
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า ตอบว่า “ข้าเจอขอรับ ตอนนั้นข้าอยู่บนยอดเขา มองเห็นสัตว์ร้ายนับหมื่นกำลังวิ่งออกไปข้างนอกจากที่ไกลๆ ใช่แล้ว ศิษย์พี่เฉินเล่า? เขาไม่เป็นไรกระมัง?”
ได้ยินอย่างนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าลั่วเหิงพลันหุบลง “ศิษย์พี่เฉินเขา เขา…”
“เขาเป็นอะไรขอรับ?” เห็นสีหน้าเขาแปลกไป แม้จะพยายามปกปิด แต่กลับถูกเธอจับสังเกตได้
“เขาเป็นอะไรขอรับ? ท่านบอกมาสิ!” เฟิ่งจิ่วเร่งเร้า หัวใจหนักอึ้ง ลอบคิดในใจ หรือว่าเฉินเต้าตายแล้ว? หากปะทะกับคลื่นฝูงสัตว์ร้ายตรงๆ เช่นนั้นอัตราการตายก็สูงมากทีเดียว
เห็นเฟิ่งจิ่วจี้ถามไม่หยุด ลั่วเหิงถอนหายใจ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นให้เขาฟังอย่างละเอียด
“พอข้าพาเขากลับมาก็ให้คนในยอดเขารักษาเขา แต่พวกเขาทำเป็นแค่หลอมยา สมานกระดูกไม่เป็น ยิ่งมีหมอและนักเล่นแร่แปรธาตุคนหนึ่งบอกว่า เกรงว่าศิษย์พี่เฉินจะยืนไม่ได้อีกตลอดชีวิต เพราะเขาบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังส่วนเอว อีกอย่างพวกเขาบอกว่าพลาดช่วงเวลาสำคัญในการรักษาไปแล้วด้วย”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วขมวดคิ้ว “ตอนนี้เขาอยู่ไหน? ข้าจะไปดูเขาหน่อย”
“ข้าเพิ่งส่งเขากลับถ้ำ เพียงแต่ ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่มั่นคงมาก ยังทำใจรับเรื่องที่ตนเองไม่อาจลุกขึ้นยืนตลอดชีวิตไม่ได้ กำลังพังข้าวของอยู่ในถ้ำ ข้าเกลี้ยกล่อมอย่างไรเขาก็ไม่ฟัง ข้าว่าเจ้าอย่าไปดีกว่า ไม่เช่นนั้นอาจเจ็บตัวได้”
ลั่วเหิงเตือน พลางถอนหายใจ “รู้อย่างนี้ไม่เข้าไปแต่แรกเสียดีกว่า เข้าไปครั้งนี้มีเวลาน้อยมาก แค่ประเดี๋ยวก็ต้องออกมา ซ้ำยังกลายเป็นเช่นนี้อีก ไม่คุ้มค่าเสียเลย”
………………………………….
ตอนที่ 1460 ป้ายหยกห้อยเอวแผ่นหนึ่ง
เฟิ่งจิ่วนัยน์ตาไหวระริก ไม่พูดอะไรอีกเพียงมุ่งหน้าไปยังถ้ำของเฉินเต้า
ในยอดเขาซานหยางแห่งนี้ เฉินเต้าช่วยเธอไว้มากมาย ถ้าหากเขาลุกขึ้นยืนไม่ได้ ผลลัพธ์เช่นนั้นอย่าว่าแต่ตัวเขารับไม่ได้ แม้แต่เธอก็จะไม่ยอมให้เหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด
“โธ่เอ๋ย เฟิ่งจิ่วๆ เจ้าจะไปทำอะไร?” ลั่วเหิงเห็นเขาสาวเท้าออกเดินทันที ก็อดเดินตามไปด้วยแล้วเตือนด้วยความหวังดีไม่ได้ “เจ้าอย่าไปหาเฉินเต้าเลย ตอนนี้เขาไม่ยอมเจอใครทั้งนั้น ไม่ว่าใครไปก็ไม่มีประโยชน์”
“ไม่ลองไปดูแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่มีประโยชน์?”
“จะมีประโยชน์อะไรได้อีก? เจ้าไม่รู้หรอก หลังเกิดเรื่องกับเฉินเต้า ผู้อาวุโสสูงสุดเคยไปเยี่ยมเขาแล้ว เฉินเต้ากับผู้อาวุโสสูงสุดเป็นญาติกัน หลังตรวจอาการเฉินเต้าเสร็จ ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวประโยคหนึ่ง นั่นแหละเป็นประโยคที่สะเทือนใจที่สุด”
ได้ยินอย่างนั้น เธอชะงักเท้า ถามว่า “พูดว่าอะไรขอรับ?”
ลั่วเหิงหยุดเดิน แล้วตอบว่า “หลังจากที่ผู้อาวุโสสูงสุดให้หมอหลายคนและเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุตรวจอาการของเฉินเต้า แล้วรู้ว่าเขาบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังส่วนเอวไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีกตลอดชีวิต จึงบอกว่าจะแจ้งคนที่ตระกูลให้มารับเฉินเต้ากลับ ให้เขากลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่ตระกูลเฉิน”
พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็ถอนหายใจอีก “เจ้าว่า สภาพเฉินเต้าตอนนี้หากถูกส่งตัวกลับไปที่ตระกูล จะเรียกว่าใช้ชีวิตบั้นปลายได้เสียที่ไหน? นั่นไม่ต่างอะไรจากการกลับไปรอความตายเลย แต่ตอนนี้จะทำอะไรได้อีกเล่า? แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดยังทอดทิ้งเขาแล้ว อีกอย่าง พอเรื่องนี้แพร่ออกไป พวกคนที่เคยสนิทกับเขาก็เริ่มตีตัวออกห่าง กลับมาจากดินแดนลับครั้งนี้ไม่มีใครไปเยี่ยมเขาเลยสักคน
นึกถึงช่วงที่เขากำลังรุ่งโรจน์ที่สุด คนพวกนั้นต่างพากันร้องเรียกเขาว่าศิษย์พี่เฉินๆ ขอร้องให้เขาชี้แนะเกี่ยวกับการหลอมยา ขอร้องให้เขาแลกยากัน ตอนนี้คนพวกนั้นกลับหลบหน้าเขา ก็มีแต่ข้าที่ยังพอมีคุณธรรมอยู่บ้าง”
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็ทำหน้าไม่ยี่หระ กล่าวว่า “ผู้คนที่เพิ่มลายดอกไม้ลงบนผ้าดิ้นนั้นหาง่าย แต่คนที่จะส่งถ่านให้กลางหิมะนั้นหายาก นี่เป็นธรรมชาติของคน” สิ้นเสียง ก็ออกเดินต่อ
“แต่เจ้าไปก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดีนะ! เจ้าเป็นเพียงศิษย์ชั้นล่างคนหนึ่ง หลอมยาก็ไม่เป็น วิชาแพทย์ก็ไม่มี ไปแล้วก็มีแต่จะทำให้เขาปวดใจเปล่าๆ”
ตลอดทาง ลั่วเหิงเอาแต่พูดเจื้อยแจ้วอยู่ข้างๆ เหมือนนกกระจอกน้อยไม่มีผิด เฟิ่งจิ่วทนไม่ไหวจึงเหลือบมองเขา “ท่านพอได้แล้วหรือยัง? พูดมาตลอดทางยังไม่พออีกหรือ? ท่านไม่ไปก็เรื่องของท่าน ข้าจะไปก็เรื่องของข้า ท่านจะมาขัดขวางข้าทำไมกัน?”
ลั่วเหิงถูกขึ้นเสียงใส่จนตะลึง เขามองเฟิ่งจิ่วที่หยุดเดินแล้วตะคอกใส่เขาเสียงดังก่อนจะออกเดินอีกครั้ง แล้วเกาหัวด้วยความอึ้ง “เจ้าเด็กคนนี้ ทำเอาข้าตกใจไม่ทันตั้งตัว หรือเขาไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นแค่ศิษย์ชั้นล่าง? พูดเสียงดังขนาดนี้ทำไมกัน? ข้าตกใจแทบตาย?”
หน้าถ้ำของเฉินเต้า เฟิ่งจิ่วหยุดเดิน มองถ้ำที่ถูกเขตอาคมคุ้มกันอยู่ ลอบทอดถอนใจ ยังจำตอนที่กำลังจะเข้าไปในดินแดนลับได้ เขามอบป้ายหยกห้อยเอวให้เธอหนึ่งแผ่น ป้ายหยกที่ทำให้นางเข้าออกถ้ำของเขาได้อย่างอิสระ นึกไม่ถึง สุดท้ายป้ายหยกแผ่นนี้จะถูกนำมาใช้ประโยชน์ในสถานการณ์อย่างนี้
ขณะที่เธอกำลังจะเดินเข้าไป ก็ถูกลั่วเหิงรั้งแขนไว้
“เจ้าโง่หรือไร? ไม่เห็นเขตอาคมหรือ? หากเขาไม่เปิดพวกเราก็เข้าไปไม่ได้ หลังจากข้ามาส่งเขาก็เคยมาหาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ทำได้เพียงตะโกนเรียกอยู่ข้างนอก แล้วก็เข้าไปพร้อมกับผู้อาวุโสสูงสุดแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น”
เธอหันไปมองลั่วเหิง แล้วอธิบายว่า “ศิษย์พี่เฉินเคยให้ป้ายหยกแก่ข้าอันหนึ่ง ให้ข้าเข้าออกถ้ำของเขาได้อย่างอิสระ ฉะนั้นแม้เขตอาคมของเขาจะไม่เปิด ข้าก็เข้าออกที่นี่ได้ตามต้องการ”
………………………………….