เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1467 เตาหลอมมนุษย์ + ตอนที่ 1468 ทำอย่างไรดี
ตอนที่ 1467 เตาหลอมมนุษย์ + ตอนที่ 1468 ทำอย่างไรดี
ตอนที่ 1467 เตาหลอมมนุษย์
“ไม่ได้!”
ซั่งกวนหวั่นหรงปฏิเสธทันที นางพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ทำอย่างนี้อันตรายเกินไป อีกอย่าง หลอกเขาไม่ได้หรอก”
“เหตุใดจึงหลอกเขาไม่ได้? ท่านแม่ ข้าเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณแล้ว พลังในตอนนี้ ข้าเพียงแค่กดทับไว้ หากข้าอยู่ต่อ ข้ามีกำลังที่จะปกป้องตนเองได้ ข้าไม่เป็นอะไรแน่นอนเจ้าค่ะ แล้วก็ไม่มีทางทำให้เขาจับได้ว่าเราสลับตัวกันแน่นอน”
ซั่งกวนหวั่นหรงส่ายหน้า “ไม่ได้” เห็นใบหน้าสงสัยของบุตรสาว นางชะงักไปเล็กน้อย ครุ่นคิดด้วยความลังเล แล้วจึงบอกว่า “เขาวางยาข้า ร่างกายข้าไม่ค่อยปกติ”
“อะไรนะ?”
เฟิ่งจิ่วตะลึง คว้ามือนางขึ้นมาจับชีพจร ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็พูดด้วยความสงสัย “ร่างกายท่านไม่เป็นอะไรนี่เจ้าคะ! ในร่างกายไม่มีพิษใด”
“มือข้างนี้”
นางยื่นมืออีกข้างออกมาแล้วแบมือให้เฟิ่งจิ่วดู “เจ้าดู ตรงนิ้วกลางมีเส้นสีแดงปรากฏขึ้นมาหนึ่งเส้น ถึงจะไม่ชัดมาก แต่เส้นสีแดงเลือดเส้นนี้ลากยาวจากนิ้วกลางขึ้นไปข้างบน ตอนนี้ลามไปถึงแขนแล้ว เพียงแต่มันอยู่ใต้ผิวหนัง หากไม่สังเกตก็จะดูไม่ออก”
มองดูเส้นเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนังเส้นนั้น นัยน์ตาของเฟิ่งจิ่วตึงเครียด ไม่น่าเล่าเธอตรวจชีพจรแล้วก็ยังไม่เจออะไร ที่แท้ก็ซ่อนมันไว้ที่แขนข้างนั้นนั่นเอง
เธอเอื้อมไปจับชีพจรที่ข้อมือนาง แล้วตรวจสอบอย่างละเอียด เมื่อตรวจดู สีหน้ากลับดูแปลกขึ้นมา
“นี่ไม่ใช่พิษ แต่เป็นยา” เธอพึมพำเบาๆ มองหน้าท่านแม่ของเธอ แล้วบอกว่า “ข้าคิดว่าข้ารู้แล้วว่าซานหยางจื่อคิดจะทำอะไร”
“เขาคิดจะทำอะไรหรือ?” ซั่งกวนหวั่นหรงถามเสียงเบา
เฟิ่งจิ่วมองนาง แล้วถามด้วยสีหน้าแปลกๆ “ท่านแม่ ท่านรู้หรือไม่ว่าตนเองเป็นร่างรวมพลังวิญญาณ?”
นางส่ายหน้า แล้วถามว่า “ร่างรวมพลังวิญญาณ? เป็นร่างเช่นใดกัน? มีประโยชน์อันใด?” นอกจากถูกขังไว้ในตระกูลซั่งกวนมาโดยตลอด นางก็ถูกพาตัวมาที่นี่ ขลุกอยู่แต่กับเรื่องยา เรื่องร่างรวมพลังวิญญาณอะไรนี่กลับไม่รู้เรื่องเลยสักนิด
“ร่างรวมพลังวิญญาณก็คือภาชนะกักเก็บพลังวิญญาณที่เคลื่อนที่ได้ ซานหยางจื่อต้องการให้ท่านทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ เพราะหลังจากที่ท่านรวบรวมวิญญาณต้นได้เขาก็จะนำวิญญาณต้นของท่านไปกลั่นยา”
เธอมองหน้านางที่กำลังตกตะลึง แล้วพูดต่อว่า “วิญญาณต้นที่เพิ่งถือกำเนิดจากร่างรวมพลังวิญญาณนั้นบริสุทธิ์ที่สุด วิญญาณต้นที่บริสุทธิ์ดุจทารกแรกเกิดผสมผสานกับเลือดจิงชี่ในกายของท่าน ยาเหล่านั้นที่อยู่ในแขนของท่านก็ล้วนเตรียมไว้เพื่อรอให้ท่านกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณแล้วมากลั่นนำยา พูดง่ายๆ ก็คือ เขาต้องการใช้ท่านเป็นเตาหลอมมนุษย์เพื่อกลั่นยาที่จะทำให้เขาไม่ตาย”
“เตาหลอมมนุษย์หรือ?”
ซั่งกวนหวั่นหรงหน้าซีด คลื่นลมแรงก่อตัวลึกๆ ข้างใน นางรู้อยู่แล้วว่าโลกนี้ไม่มีเรื่องดีๆ ที่ได้มาง่ายๆ หากไม่ใช่เพราะนางมีประโยชน์ ซานหยางจื่อจะพานางมาที่นี่ แล้วบอกว่าจะรับนางเป็นศิษย์ปิดสำนักทำไมกัน?
ที่แท้ สิ่งที่เขาหมายตาไว้ ก็คือใช้นางเป็นเตาหลอมมนุษย์เพื่อกลั่นยาอมตะให้ตนเองนี่เอง!
“อืม ท่านแม่ ยาที่สะสมไว้ในแขนข้างนี้ของท่านล้วนเป็นยาชั้นดี แต่ละชนิดล้วนมีอายุห้าร้อยปี ไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีใดทำให้ประสิทธิภาพของยายังคงอยู่ไม่สลายไป แต่มั่นใจได้ว่าของเหล่านี้เมื่ออยู่ในร่างของท่านจะไม่มีโทษ เพียงแต่ ยาเหล่านี้ไม่ได้กลั่นเป็นเม็ด แม้อยู่ในตัวท่าน แต่ร่างกายของท่านก็ไม่อาจดูดซึมได้”
ซั่งกวนหวั่นหรงดึงสติกลับมา ถามว่า “เช่นนั้นก็หมายความว่ายาเหล่านี้อยู่ในร่างกายของข้าจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดงั้นหรือ?”
………………………………….
ตอนที่ 1468 ทำอย่างไรดี
“ไม่ ที่ไม่มีโทษกับท่านเพราะตอนนี้ยาเหล่านี้ยังถูกผนึกไว้ที่แขนข้างนี้ของท่าน หากประสิทธิภาพของยากระจายไปทั่วก็จะต่างกัน” เฟิ่งจิ่วขมวดคิ้ว ครุ่นคิด แล้วอธิบายว่า “การยืนยันตอนนี้ยังเป็นเรื่องที่ยากเกินไป ถึงข้าจะปลอมตัวเป็นท่านได้ เลียนแบบท่านให้เหมือนทุกประการก็ไม่มีประโยชน์ ต้องถูกเขาจับได้ทันทีแน่ อีกอย่าง ในยาเหล่านี้ยังมียาชนิดหนึ่งที่ป้องกันท่านไม่ให้หนีไป ชื่อว่าทองม่วงหอมเจ็ดลี้”
เธอเดินไปเดินมาภายในถ้ำ พลางคิดหาวิธี ผ่านไปครู่หนึ่ง เธออธิบายว่า “ยาตัวอื่นนั้นไม่เท่าไร หาเวลาถ่ายเลือดเพื่อกำจัดประสิทธิภาพของยาพวกนั้นก็ได้แล้ว แต่ทองม่วงหอมเจ็ดลี้กลับเป็นยาที่มีประสิทธิภาพแฝง หากท่านออกจากยอดเขาซานหยางไกลเกินไป ทองม่วงหอมเจ็ดลี้ก็จะกลายเป็นยาพิษ และสิ่งเดียวที่แก้พิษของทองม่วงหอมเจ็ดลี้นี้ได้ก็มีเพียงหญ้าทองม่วงสามแฉก ซึ่งเป็นสมุนไพรคู่กันของทองม่วงหอมเจ็ดลี้
“เช่นนั้นตอนที่ข้าเข้าไปในดินแดนลับ เหตุใดทองม่วงหอมเจ็ดลี้จึงไม่กลายเป็นพิษเล่า?” ซั่งกวนหวั่นหรงถามด้วยความสงสัย
“นั่นต้องเป็นเพราะบนตัวท่านมีกลิ่นอายของหญ้าทองม่วงสามแฉกอยู่แน่นอน”
ซั่งกวนหวั่นหรงส่ายหน้า “แต่ข้าไม่มีของสิ่งนั้นติดตัวเลยนะ หากมี ข้าจะต้องรู้แน่นอน”
“ทองม่วงหอมเจ็ดลี้ไม่มีกลิ่นหอม ถึงจะอยู่บนร่างก็ไม่รู้ตัว แต่สมุนไพรที่เป็นคู่ของมันกลับรับรู้ถึงกันได้ ทองม่วงหอมเจ็ดลี้ที่อยู่ห่างจากสมุนไพรคู่กันของมันจะกลายเป็นพิษ ขณะเดียวกันหญ้าทองม่วงสามแฉกที่อยู่ห่างจากทองม่วงหอมเจ็ดลี้จะแห้งเหี่ยวหลังผ่านไปเจ็ดวัน อีกอย่าง”
ได้ยินอย่างนั้น ซั่งกวนหวั่นหรงเสนอว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าก็จะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรและฝึกบำเพ็ญตนต่อไป รอให้หาหญ้าทองม่วงสามแฉกเจอเมื่อใดค่อยไปจากที่นี่”
“เพียงแต่หากทำเช่นนี้ สถานการณ์ของท่านก็จะ…” เฟิ่งจิ่วค่อนข้างกังวัล
“ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก” นางยิ้มบอกว่า “กลับเป็นเจ้า อยู่ในนี้ก็ดูแลตัวเองดีๆ เล่า พักนี้ข้าจะไม่มาหาเจ้าแล้ว จะได้ไม่มีใครสงสัย”
“เจ้าค่ะ ข้าจะแอบไปหาท่านเอง” เฟิ่งจิ่วปรับอารมณ์ ยิ้มตาหยีแล้วปลอบใจนาง “ท่านแม่ไม่ต้องกลัว ท่านไม่ได้ตัวคนเดียว”
“อืม ข้ารู้” นางดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย เอื้อมมือคว้าเธอไปกอดแน่นๆ
สองแม่ลูกพูดคุยกันต่ออีกพักหนึ่ง กระทั่งใกล้เที่ยง ซั่งกวนหวั่นหรงจึงค่อยลุกขึ้นจากไป ตั้งใจจะกลับไปฝึกบำเพ็ญต่อที่ถ้ำ เวลาสามเดือนแม้จะเร็วไปหน่อย แต่มียาช่วย หากจะทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
หลายวันหลังจากนั้น นอกจากเฝ้าระวังสถานการณ์ของท่านแม่ของเธอแล้ว เฟิ่งจิ่วยังหาเวลาไปดูเฉินเต้าด้วย สามวันผ่านไปตัดไหมออก ทายาแล้วห่อผ้าเอาไว้ เพียงแต่ เฉินเต้าในตอนนี้ยังคงไม่ฟื้น
เพราะรู้สึกว่าเฉินเต้าหมดสติจะเป็นผลดีต่อการพักฟื้นอาการบาดเจ็บมากกว่า อย่างน้อยเขาก็ไม่คลุ้มคลั่ง เฟิ่งจิ่วจึงให้เขานอนหลับอยู่อย่างนั้น ตั้งใจว่ารอให้กระดูกสันหลังส่วนเอวของเขาใกล้หายดีแล้วค่อยทำให้เขาตื่น เมื่อถึงตอนนั้นแล้วเขาเห็นผลลัพธ์ ก็จะไม่ขยับร่างกายตนเองส่งเดชทำให้แผลฉีกอีกครั้ง
วันนี้ เฟิ่งจิ่วมาที่หน้าถ้ำของเฉินเต้าอีกครั้ง ยังไม่ทันเข้าใกล้ ก็ได้ยินเสียงของลั่วเหิงดังออกมาจากในถ้ำ
“เฟิ่งจิ่วๆ เจ้ามาแล้วหรือ? รีบเข้ามาเร็ว ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”
เธอจึงเดินเข้าไปถาม “เรื่องอะไรหรือ?”
“เมื่อเช้าผู้อาวุโสมาที่นี่ บอกว่าคนในตระกูลใกล้มาถึงแล้ว จะมารับศิษย์พี่เฉินกลับไป เจ้าว่าควรทำเช่นไรดี? อาการบาดเจ็บของศิษย์พี่เฉินยังไม่หายดีไม่ใช่หรือ? หากปล่อยให้พวกเขาเคลื่อนย้ายเขากลับไป เดาว่าแผลจะต้องฉีกอีกแน่ๆ”
………………………………….