เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1477 วิญญาณต้นถือกำเนิด + ตอนที่ 1478 ใช้ได้เสียที่ไหน
ตอนที่ 1477 วิญญาณต้นถือกำเนิด + ตอนที่ 1478 ใช้ได้เสียที่ไหน
ตอนที่ 1477 วิญญาณต้นถือกำเนิด
“ได้ยินว่านางฝึกวิชาการต่อสู้ด้วย ไม่เหมือนนักเล่นแร่แปรธาตุส่วนใหญ่ในสำนักเราที่มักฝึกแค่พลังวิญญาณ อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน มีนักเล่นแร่แปรธาตุที่เก่งด้านต่อสู้เพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง คนพวกนั้นจะได้เลิกพูดกันว่านักเล่นแร่แปรธาตุอย่างเราหลอมเป็นแค่ยา ต่อสู้ไม่เป็น”
“นั่นสิ ได้ยินมาว่าซั่งกวนหวั่นหรงถูกพามาจากแคว้นระดับล่าง พลังต่อสู้ของนางเดิมก็น่าคาดหวังมากอยู่แล้ว ดูท่าพวกเราต้องส่งของขวัญให้ซานหยางจื่อเพื่อแสดงความยินดีกับเขาที่ได้ศิษย์ดีๆ แล้วก็แสดงความยินดีที่ศิษย์ของเขาทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณเสียแล้ว!”
“ฮ่าๆๆๆ เรื่องนี้ต้องทำอยู่แล้ว ต้องทำอยู่แล้ว”
เหล่าเจ้าเขาต่างพูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะ ตั้งใจจะส่งของขวัญไปยังยอดเขาซานหยาง
ขณะเดียวกัน ณ ยอดเขาซานหยาง
เฟิ่งจิ่วที่เฝ้าอยู่หน้าถ้ำของท่านแม่ของเธอกำลังนั่งพิงอยู่บนต้นไม้ใหญ่กิ่งก้านดำหนา เห็นสายอสนีบาตสามเส้นฟาดลงมา เธอลอบดีใจ แต่ก็กังวลใจด้วย
ในที่สุดก็ทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณแล้ว
สามเดือนที่ผ่านมานี้เธอเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอด คนอื่นเข้าถ้ำไม่ได้ แต่เธอกลับเข้าออกได้ตลอด อีกทั้งในช่วงที่ท่านแม่ของเธอเก็บตัว เธอเคยเอายาน้ำที่ช่วยทะลวงขั้นมอบให้นาง แล้วก็กำหนดให้นางทะลวงขั้นภายในสามเดือน
เพราะเธอรู้ว่าทันทีที่ท่านแม่ของเธอทะลวงขั้นสำเร็จ พวกเธอก็จะต้องตั้งสติให้มั่นเพื่อที่จะรับมือเรื่องราวหลังจากนั้น ซานหยางจื่อจะต้องหาโอกาสทำให้ท่านแม่ของเธอหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแน่นอน!
ขณะกำลังคิด ก็เห็นพวกต้วนมู่ไป๋ตามเสียงมา ทั้งสี่คนสาวเท้าเร็วๆ เดินมาที่หน้าถ้ำท่านแม่ของเธอ มองเห็นกลิ่นอายพลังวิญญาณและแรงกดดันมหาศาลที่แผ่กระจายรอบๆ
“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์น้องทะลวงขั้นแล้วจริงๆ! ใช้เวลาเพียงสามเดือนเท่านั้น!”
“นึกไม่ถึงจริงๆ ว่านางจะทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณได้ภายในสามเดือน เหลือเชื่อ น่าเหลือเชื่อจริงๆ!”
“แต่ก่อนข้าทะลวงขั้นจากผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นวิญญาณเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ แม้จะมียาช่วยแต่ก็ต้องใช้เวลาอยู่หลายปี แต่ศิษย์น้องกลับใช้เวลาเพียงสามเดือน หรือท่านอาจารย์มอบยาวิเศษอะไรให้นาง?”
“ใช่แล้ว เร็วเกินไปจริงๆ เร็วจนไม่น่าเชื่อ”
ได้ยินพวกเขาพูดอย่างนั้น สายตาของต้วนมู่ไป๋มองไปที่ถ้ำซึ่งปิดสนิทอยู่ แล้วกล่าวว่า “พรสวรรค์เดิมของศิษย์น้องโดดเด่นอยู่แล้ว ไม่ใช่หรือ? หากไม่ใช่เพราะอย่างนี้ ท่านอาจารย์ก็ไม่มีทางรับนางเป็นศิษย์ปิดสำนักหรอก ยิ่งไปกว่านั้น ใช่ว่าจะไม่เคยมีคนทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณเสียหน่อย ไม่เห็นมีเรื่องใดต้องตื่นตระหนก”
ขณะเดียวกัน บนยอดเขาชั้นที่เก้า ยามเห็นสายอสนีบาต ซานหยางจื่อที่อยู่ในเรือนไม้ไผ่ดวงตาเป็นประกาย ความตื่นเต้นดีใจในดวงตาปิดไว้ไม่มิด “สำเร็จแล้ว! ในที่สุดนางก็ทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณสำเร็จแล้ว! วิญญาณต้นถือกำเนิดแล้ว! ฮ่าๆๆๆ!”
ท่ามกลางเสียงหัวใจเราะด้วยความดีใจ เขารีบลุกขึ้นแล้วตรงไปยังยอดเขาชั้นแปด อยากไปดูซั่งกวนหวั่นหรงที่เพิ่งทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณจนแทบอดใจรอไม่ไหว
ยามเขามาถึงยอดเขาชั้นแปด ก็เห็นคนไม่น้อยรุมล้อมอยู่หน้าเขา มีศิษย์หลายคนเข้าไปในยอดเขา แล้วยืนพูดคุยถกเถียงกันอยู่หน้าถ้ำของซั่งกวนหวั่นหรง
และด้านหน้าสุดนั่น ก็คือพวกต้วนมู่ไป๋ซึ่งเป็นศิษย์ปิดสำนักใต้อาณัติเขา เห็นภาพนั้น เขาปรับสีหน้า กระแอมเบาๆ แล้วควบคุมความตื่นเต้นดีใจก่อนจะก้าวเข้าไป น้ำเสียงทุ้มเข้มไม่พอใจเปล่งออกมาจากปากของเขา
“มายืนล้อมอะไรกันอยู่ตรงนี้? ไม่ต้องทำงานแล้วหรือ? ยังไม่รีบแยกย้ายกันไปอีก!”
“คารวะท่านเจ้าเขา” เหล่าลูกศิษย์รีบคารวะ แล้วถอยห่างออกไปเล็กน้อย
“คารวะท่านอาจารย์” พวกต้วนมู่ไป๋หันไปคารวะเขา
ซานหยางจื่อกำลังจะพยักหน้ารับ แต่พลันนั้นก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องเขาอยู่…
………………………………….
ตอนที่ 1478 ใช้ได้เสียที่ไหน
ใครกำลังจ้องมองเขาอยู่?
สีหน้าเขาเคร่งเครียด ตวัดสายตามองรอบๆ แต่กลับพบว่าสายตาคู่นั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว ราวกับเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบของเขาเท่านั้น
เขาคิดไปเองงั้นหรือ?
นัยน์ตาของเขาขรึมลงเหมือนกำลังครุ่นคิด แต่ก็ได้ยินเสียงของพวกต้วนมู่ไป๋ดังมาก่อน
“ท่านอาจารย์ เป็นอะไรไปขอรับ?”
ไม่เพียงพวกเขาที่กำลังมองเขาอยู่ แม้แต่บรรดาศิษย์ที่อยู่รอบๆ ต่างก็กำลังมองซานหยางจื่อด้วย รู้สึกเหมือนท่าทางเขาแปลกๆ
ซานหยางจื่อเก็บงำความคิด มองพวกเขาแวบหนึ่ง แล้วตอบว่า “ไม่มีอะไร” เขามองไปที่ถ้ำ แล้วถามว่า “ศิษย์น้องของพวกเจ้าน่าจะหมดช่วงเก็บตัวแล้ว”
“ขอรับ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าศิษย์น้องใช้เวลาเพียงสามเดือนก็ทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณได้แล้ว ศิษย์น้องช่างมีพรสวรรค์ยิ่งนัก”
ได้ยินอย่างนั้น ซานหยางจื่อลูบหนวดแล้วยิ้ม คล้ายเบิกบานใจมาก
“ท่านปรมาจารย์ขอรับ เจ้าเขาจากยอดเขาอื่นส่งศิษย์มา ยามนี้กำลังรอท่านอยู่ที่ยอดเขาชั้นเก้าขอรับ” ศิษย์คนหนึ่งเข้ามารายงานด้วยท่าทางเร่งรีบ
ได้ยินอย่างนั้น ซานหยางจื่อชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “อืม ข้ารู้แล้ว” สิ้นเสียง ก็หันไปกำชับพวกต้วนมู่ไป๋ “พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ก็แล้วกัน! รอศิษย์น้องของพวกเจ้าออกจากการเก็บตัวเมื่อใด ให้ขึ้นไปที่ยอดเขาชั้นเก้าด้วยกัน ข้ามีเรื่องจะมอบหมายให้พวกเจ้าไปทำ”
“ขอรับ” พวกต้วนมู่ไป๋รับคำ มองดูเขาเดินฝ่าฝูงชนออกไป ก่อนไป เขาหยุดเดินครู่หนึ่งแล้วกวาดมองรอบๆ ก่อนจะเดินจากไป
เห็นภาพนั้น ต้วนมู่ไป๋เองก็มองรอบๆ ด้วยความสงสัย ลอบคิดในใจ ท่านอาจารย์กำลังมองหาอะไร? รอบๆ นี้มีอะไรอยู่กัน?
เฟิ่งจิ่วที่อยู่บนต้นไม้ใหญ่ ยามนี้กำลังเอนตัวนั่ง สายตาจับจ้องไปยังซานหยางจื่อที่กำลังเดินออกไป กระทั่งเงาร่างของเขาหายลับไป จึงค่อยละสายตากลับมา
ท่านแม่ของเธอทะลวงขั้นแล้ว เขามาที่นี่แล้ว มอบหมาย? มอบหมายอะไรกัน? เธออยากรู้นักว่าหลังจากนี้เขาคิดจะเล่นไม้ไหน
ขณะละสายตากลับมา ก็เห็นต้วนมู่ไป๋มองมายังทิศที่เธออยู่ และกำลังเดินมาทางเธอ เห็นอย่างนั้น มุมปากเธอกระตุก เธอไม่ได้ลงไปแต่กลับนั่งอยู่บนต้นไม้มองดูเขาเดินเข้ามาใกล้
“เจ้ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้?”
ต้วนมู่ไป๋ขมวดคิ้ว จ้องเงาร่างสีเขียวที่กำลังเอนกายนั่งอยู่บนต้นไม้อย่างสบายอารมณ์ เงาร่างสีเขียวเล็กๆ นั่นกำลังซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางกิ่งไม้แน่นหนา เงียบเชียบไร้เสียงสังเกตเห็นได้ยาก
หากไม่ใช่ว่าเขามองดูรอบๆ แล้วพบว่าศิษย์ชั้นล่างที่สนใจศิษย์น้องของเขาเป็นพิเศษไม่ได้รวมอยู่ในกลุ่มคนด้วย เดาว่าเขาก็คงไม่สังเกตต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ห่างจากถ้ำต้นนี้แล้ว
เพียงแต่ เด็กหนุ่มมาตั้งแต่เมื่อใดกัน? แล้วเหตุใดจึงซ่อนกลิ่นอายได้ดีถึงเพียงนี้? เมื่อกี้คนที่ท่านอาจารย์กำลังมองหา ใช่เขาหรือไม่?
มองดูต้วนมู่ไป๋ที่อยู่ใต้ต้นไม้ เฟิ่งจิ่วที่อยู่บนต้นไม้ยิ้มร่า ดวงตาทั้งสองข้างโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว “คารวะอาจารย์อาต้วน! ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ตรงนี้? ท่านร้ายกาจจริงๆ”
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? แล้วเจ้ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้?” ต้วนมู่ไป๋ถามอีกครั้ง สีหน้าเริ่มดูไม่ดี
“อาจารย์อาซั่งกวนทะลวงขั้นแล้วไม่ใช่หรือขอรับ? ข้าก็มาดูเรื่องคึกคักที่นี่ แล้วก็มารออาจารย์อาซั่งกวนออกมาที่นี่! อาจารย์อาต้วนก็กำลังรออาจารย์อาซั่งกวนไม่ใช่หรือขอรับ? คนที่นี่ก็ล้วนมาดูเรื่องคึกคักกันไม่ใช่หรือ?”
ต้วนมู่ไป๋แหงนหน้ามองเด็กหนุ่มที่กำลังยิ้มด้วยใบหน้าไร้พิษภัยอยู่บนต้นไม้ แม้รู้ว่าเขาพูดไม่ผิด แต่ก็มักรู้สึกไม่ชอบมาพากล ยิ่งเมื่อนึกได้ว่าตนเองกำลังแหงนหน้าคุยกับศิษย์ชั้นล่าง ก็อดทำหน้าเครียดไม่ได้
“ลงมาคุยกันข้างล่าง นั่งข้างบนอย่างนั้นใช้ได้เสียที่ไหน!”
เฟิ่งจิ่วชะงักเล็กน้อย รับคำว่า “อ้อ” จากนั้นก็กระโดดลงจากต้นไม้ ทิ้งตัวลงตรงหน้าเขาอย่างว่าง่าย
………………………………….