เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1603 เจ้าเป็นใครมาจากไหน ตอนที่ 1604 จากไปเองอย่างรู้จักดูทิศทางลม
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1603 เจ้าเป็นใครมาจากไหน ตอนที่ 1604 จากไปเองอย่างรู้จักดูทิศทางลม
ตอนที่ 1603 เจ้าเป็นใครมาจากไหน / ตอนที่ 1604 จากไปเองอย่างรู้จักดูทิศทางลม
ตอนที่ 1603 เจ้าเป็นใครมาจากไหน
ได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อกุมมือเธอ แล้วปลอบว่า “ไม่ต้องสนใจเขา เขาก็เป็นแค่ตาเฒ่าสติไม่ดีคนหนึ่ง เก็บคำพูดเขามาคิดจริงจังไม่ได้”
“แต่ข้ารู้สึกไม่สบายใจตลอดเลย รู้สึกราวกับจะมีเรื่องที่ไม่อาจควบคุมได้เกิดขึ้น” เธอขมวดคิ้ว บอกว่า “ท่านไม่รู้หรอก เขามีความลึกลับอะไรบางอย่างอยู่จริงๆ ข้าจะไม่เชื่อก็ไม่ได้”
“วางใจเถิด! ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ข้าก็จะเผชิญมันไปพร้อมกับเจ้า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เหมือนที่ตาเฒ่าว่า เป็นบุญมิใช่เคราะห์กรรม หากเป็นเคราะห์กรรมก็เลี่ยงไม่พ้น”
“อืม” เธอรับคำ แล้วเอนตัวซบในอ้อมอกของเขา
เช้าตรู่วันต่อมา พวกเขาออกเดินทางทันทีที่ฟ้าสาง หลังสะสางธุระเสร็จก็อยากรีบกลับบ้านเร็วหน่อย แล้วก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง เซวียนหยวนโม่เจ๋อกำลังคำนวณ หากท่านแม่ของเฟิ่งจิ่วกำจัดพิษในตัวหมดเมื่อใด เขาก็จะให้คนส่งพวกนางกลับราชวงศ์เฟิ่งหวงไปก่อน จากนั้นเขาก็จะกลับไปเตรียมพร้อมเรื่องส่งของกำนัล
หลังจากปีนั้นที่ตัดสินใจจะสู่ขอนาง เขาก็เริ่มให้คนสะสมของมีค่าแปลกใหม่ เตรียมสินสอดร้อยกล่อง รอเพียงถึงเวลาที่เหมาะสม เขาจะพาคนยกสินสอดไปสู่ขอที่ราชวงศ์เฟิ่งหวง และรับนางกลับมา
ตอนนี้ เมื่อเรื่องนี้ใกล้เข้ามา หัวใจของเขาก็ยิ่งรู้สึกคาดหวัง อีกไม่นานเขาก็จะสู่ขอนางได้แล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง กวนสีหลิ่นที่สวมชุดเสวียน มือถือดาบเล่มใหญ่ เดินฝ่าฝูงชนกลางถนน มองหาร้านค้าของพวกเหลิงซวงตามที่น้องสาวของเขาบอก
ทว่า เมื่อเขาถามคนข้างทางจนมาถึงที่แห่งนั้น กลับเห็นว่ามีทหารยืนล้อมอยู่หน้าร้านมากมาย เสียงเดือดดาลดังแว่วมาจากข้างใน ได้ยินเสียงนั้น เขามั่นใจได้ว่านั่นไม่ใช่เสียงที่เขาคุ้นเคย
ด้วยเหตุนั้น เขาจึงถามผู้ชายข้างกาย “เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่หรือ?”
ผู้ชายคนนั้นถูกตบไหล่โดยไม่ทันตั้งตัว ตั้งใจจะหันกลับไปด่า แต่พอเห็นชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำล่ำสั่นทั่วร่างอาบไปด้วยไอพิฆาต ก็อดหดหัวไม่ได้ รีบตอบว่า “คนในตระกูลเมืองข้างๆ บอกว่าซื้อยาปลอมไปจากที่นี่ จึงมาขอคำอธิบายจากพวกเขา”
“ยาปลอม?” กวนสีหลิ่นย้อนถามเสียงสูง หลุดหัวเราะ แล้วสาวเท้าตั้งใจจะเดินเข้าไป ทว่าเพิ่งยกเท้ายังไม่ทันก้าวเข้าไป ก็เห็นชายอ้วนอายุประมาณสามสิบปีถูกโยนออกมา
“ไสหัวไป! หากยังกล้ามาหาเรื่องที่นี่อีก เจ้าจะต้องได้รับผลกรรมที่ตามมา!” ตู้ฝานมือข้างหนึ่งถือพัด เดินออกมาพร้อมกับหรี่ตา จ้องชายอ้วนที่ถูกโยนออกมาด้วยแววตาเตือนภัย
“จะ เจ้าช่างบังอาจ! กล้าใช้กำลังกับข้าเชียวหรือ? ได้! หทาร! พังร้านนี้ให้ยับเยิน!” ชายอ้วนคนนั้นลุกขึ้น จับสายคาดเอว พลางชี้ไปที่ร้านค้า แล้วหันไปตะโกนสั่งเหล่าทหาร
“บึ้ม!”
เสียงแข็งแกร่งทรงพลังหนึ่งดังมา สั่นสะท้านจนแม้แต่ผืนดินยังสะเทือน ฝูงชนพากันถอยกรูดด้วยความตกใจ
“ข้าจะดูว่าใครหน้าไหนจะกล้า!”
น้ำเสียงทุ้มต่ำเกรี้ยวกราดแฝงไอพิฆาตกระหายเลือดดังมา กวนสีหลิ่นที่สวมชุดเสวียนตวัดสายตามองทหารเหล่านั้น สายตาตวัดผ่านที่ใด ทหารเหล่านั้นพากันก้มหน้า ไม่กล้าสบตากับแววตาเหี้ยมโหดกระหายเลือดตรงๆ
ส่วนตู้ฝานเมื่อเห็นกวนสีหลิ่น ก็ดวงตาเป็นประกายทันที เพราะคนเยอะ เขาจึงไม่ได้เข้าไปทักทาย เพียงพยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น
“เจ้าเป็นใครมาจากไหนอีก? กล้าเข้ามาสอดเรื่องของข้า?” ชายอ้วนหันไปตวาดใส่กวนสีหลิ่น ทว่าเมื่อเห็นกวนสีหลิ่นถือดาบเล่มใหญ่ย่างกรายเข้ามา เขาก็หน้าซีดเผือดไปทันที
………………………………….
ตอนที่ 1604 จากไปเองอย่างรู้จักดูทิศทางลม
โดยเฉพาะเมื่อเห็นอีกฝ่ายร่างกายกำยำสูงใหญ่ ดูน่ากริ่งเกรง ส่วนเขาร่างกายมีแต่ไขมัน ทั้งเตี้ยและตัน ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายและถอยหลังไปสองก้าว ไม่กล้าเข้าใกล้อีกฝ่ายมากนัก
“เจ้าถามว่าข้าเป็นใครมาจากไหน? หือ?” กวนสีหลิ่นแค่นเสียง พลังเร้นลับถูกปลดปล่อยออกมาทั่วร่าง แรงกดดันอันแข็งแกร่งบีบคั้นชายอ้วน ทำให้เขาเหงื่อท่วมไปทั้งตัว
“นี่เป็นเรื่องระหว่างตระกูลเจ้าของข้ากับร้านของพวกเขา ท่านเป็นใคร? เหตุใดต้องออกหน้า?”
เสียงทุ้มต่ำหนึ่งพลันดังมาจากข้างหลังฝูงคน ได้ยินเสียงนั้น ชายอ้วนพลันลิงโลด ประกายดีใจพาดผ่านดวงตา “พี่ใหญ่! พี่ใหญ่ข้าอยู่นี่!”
กวนสีหลิ่นกับตู้ฝานหันไปมองที่ต้นเสียง เห็นฝูงคนที่ตอนแรกล้อมวงอยู่ถูกทหารกลุ่มหนึ่งแหวกทาง ทหารเหล่านั้นคุ้มกันชายวัยกลางคนที่สวมชุดหรูหราคนหนึ่งเดินเข้ามา
“ท่านผู้นำตระกูล” ทหารนายหนึ่งที่อยู่ทางนี้พอเห็นชายวัยกลางคน ก็รีบก้มหัวคารวะอย่างนอบน้อม
ในตอนนี้เอง กวนสีหลิ่นและตู้ฝานแอบมองพิจารณาคนคนนี้เงียบๆ เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินขั้นเริ่มต้น รัศมีแข็งแกร่งกระจายทั่วร่าง ดุดันน่าเกรงขาม ยามเขาเดินเข้ามา สายตาคู่นั้นจับจ้องมาที่กวนสีหลิ่นเขม็ง
“พี่ใหญ่ คนพวกนี้รังแกคนเกินไปแล้ว! ท่านต้องสั่งสอนพวกเขานะ ไม่เช่นนั้นชื่อเสียงของตระกูลจ้าวเราต้องเสื่อมเสียแน่!” ชายอ้วนราดน้ำมันลงในกองไฟอยู่ข้างๆ ราวกับกลัวว่าเรื่องราวยังเอิกเกริกไม่มากพอ
“ตู้ฝาน เจ้ามาบอกพวกเขาที ว่าข้าเป็นใคร? ข้ามีสิทธิ์ที่จะยุ่งเรื่องของที่นี่หรือไม่?” กวนสีหลิ่นพูดกับตู้ฝานที่อยู่ข้างหลังโดยไม่หันมอง
“ขอรับ” ตู้ฝานรับคำ ก้าวเข้ามา แล้วบอกว่า “ท่านนี้คือคุณชายใหญ่ของเรา หากเขาไม่มีสิทธิ์ยุ่งเรื่องที่นี่ แล้วใครจะมีสิทธิ์อีก?”
“อ้อ? เป็นคุณชายใหญ่ของร้านนี้เองหรือ? เป็นเจ้างั้นหรือ?” ผู้นำตระกูลคนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาคมปลาบคู่นั้นมองพิจารณากวนสีหลิ่นอย่างแนบเนียน ก่อนจะยิ้มบอกว่า “ท่านเป็นทหารรับจ้างหรือ? กลิ่นอายนี้กลับเหมือนทหารรับจ้างกระหายเลือดเหล่านั้นที่ระหกระเหินร่อนเร่อยู่ข้างนอกเพื่อรับภารกิจมาทำมากทีเดียว”
ความหมายในคำพูด คือเขาเห็นว่ากวนสีหลิ่นเป็นผู้ฝึกฝนพลังเร้นลับ จึงไม่เห็นกวนสีหลิ่นอยู่ในสายตา เพราะในสายตาผู้ฝึกบำเพ็ญเซียน ผู้ฝึกพลังเร้นลับนั้นด้อยกว่า คนพวกนั้นใช้เป็นแต่กำลัง ไม่ได้น่ากลัวแม้แต่น้อย แม้จะโดดเด่นอีกแค่ไหน พลังเร้นลับก็ยากจะเทียบกับผู้ฝึกเซียนอย่างพวกเขาได้
แม้เห็นว่ารอบกายของกวนสีหลิ่นจะเต็มไปด้วยไอพิฆาต แต่เขาก็ยังดูแคลน ด้วยเหตุนี้ วาจาจึงเต็มไปด้วยแววเหยียดหยาม ซ้ำยังบอกว่ากวนสีหลิ่นเป็นทหารรับจ้างที่ระหกระเหินร่อนเร่อยู่ข้างนอก รับภารกิจมาทำเพื่อหาเลี้ยงชีพอีกต่างหาก
กวนสีหลิ่นสัมผัสได้ถึงแววดูแคลนของเขา ด้วยเหตุนี้จึงแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆๆๆ!”
ผู้นำตระกูลคนนั้นเห็นก็ขมวดคิ้ว ถามอย่างไม่เข้าใจ “ท่านหัวเราะอะไร?” คนผู้นี้ช่างเหิมเกริมนัก เป็นเพียงผู้ฝึกพลังเร้นลับ กลับกล้ากำเริบเสิบสานยามอยู่ต่อหน้าผู้ฝึกบำเพ็ญระดับเซียนเหินเช่นเขา ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงดินต่ำเสียเลย
กวนสีหลิ่นหยุดหัวเราะ แล้วชำเลืองมองผู้นำตระกูลคนนั้นพร้อมกับยิ้มหยัน บอกว่า “ข้าหัวเราะ แม้ไม่รู้ว่าพวกท่านเป็นคนจากตระกูลใด แต่ดูจากสายตาและการวางตัวของพวกท่านแล้ว คงจะไม่ใช่ตระกูลสูงส่งอะไรแน่นอน”
เขาหยุดพูดครู่หนึ่ง เห็นผู้นำตระกูลคนนั้นใบหน้าถมึงทึง เหมือนเดือดดาลมาก รัศมีรอบกายเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม เขายิ้มๆ แล้วบอกว่า “ข้าขอเตือนพวกท่าน รีบไปจากที่นี่เสียอย่างรู้จักดูทิศทางลม อย่ามาหาเรื่องที่นี่ ไม่เช่นนั้น…”
………………………………….
————————————–