เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1607 เรื่องที่นางไม่รู้ ตอนที่ 1608 คารวะแม่บุญธรรม
ตอนที่ 1607 เรื่องที่นางไม่รู้ / ตอนที่ 1608 คารวะแม่บุญธรรม
ตอนที่ 1607 เรื่องที่นางไม่รู้
หากเขาได้ยาที่ช่วยทะลวงขั้นมาหนึ่งเม็ด ขอเพียงเขาทะลวงขั้นสำเร็จ เขาก็จะมีโอกาสชิงตำแหน่งนายน้อยของตระกูลมาครองแล้ว!
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ ก็ได้ยินเสียงคนข้างกายบอกว่า
“ป้ายคำสั่งนั่นได้ยินมาว่ามาจากตลาดประมูล เพราะมีจำนวนจำกัด แม้จะประมูลได้มาก็ไม่มีใครเอาไปขายเก็งกำไรต่อ ส่วนมากมักเก็บไว้เอง อีกอย่าง คนที่ได้มาครองก็มีน้อยมาก ท่านพ่อของข้าได้มาสองแผ่นก็เพราะลงทุนลงแรงไปมากกว่าจะได้มา เพียงแต่น่าเสียดาย พอซื้อยาป้ายคำสั่งสองแผ่นนั้นก็ถูกเก็บกลับไปแล้ว”
“สถานที่เช่นนี้ อย่าว่าแต่ตระกูลจ้าวไม่กล้ามีเรื่องด้วยเลย แม้แต่ตระกูลใหญ่ในเมืองเราก็ยังไม่กล้าไปหาเรื่องส่งเดชเลยกระมัง!” ชายคนหนึ่งพึมพำ นึกไม่ถึงจริงๆ ร้านค้าที่ไม่มีอะไรสะดุดตา กลับมีอำนาจอย่างนี้ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
ในอีกด้าน ตู้ฝานพากวนสีหลิ่นเข้าไปในห้องข้างในพูดคุยกันครู่หนึ่ง ก็รู้ว่าเขาได้พบกับนายท่านแล้ว จึงยิ้มบอก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะพาท่านไปพบฮูหยินก่อนก็แล้วกัน!”
“ได้ ที่ข้ามาคราวนี้ก็เพราะอยากมาพบท่านแม่บุญธรรม ถือโอกาสบอกนางด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วงเสี่ยวจิ่ว ก่อนที่นางจะกลับมา ข้าจะอยู่ที่นี่” กวนสีหลิ่นบอก พลางเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับเขา
ตู้ฝานบอกให้เขารอครู่หนึ่ง หลังกำชับคนงานในร้านขายยาเสร็จ ก็พากวนสีหลิ่นออกจากร้านขายยา มุ่งหน้าไปยังเรือนที่พักของพวกเขา
ในเรือนที่พัก เหลิ่งซวงคอยดูแลซั่งกวนหวั่นหรงไม่ห่าง ส่วนเหลิ่งหวานอกจากดูแลเรื่องรวในบ้าน บางครั้งก็ยังสลับกับตู้ฝานไปดูร้านขายยา เพราะนายท่านของพวกเขาก็จากไปได้ช่วงหนึ่งแล้ว ไม่มีนางอยู่ พวกเขามักรู้สึกเงียบเหงาและว้าเหว่
“ฮูหยิน อากาศหนาวแล้ว ท่านห่มเสื้อกันลมหน่อยเถิดเจ้าค่ะ!” เหลิ่งซวงเป็นห่วงว่านางจะหนาว จึงหยิบเสื้อคลุมกันลมมาห่มให้ซั่งกวนหวั่นหรง
ซั่งกวนหวั่นหรงกระชับเสื้อคลุม แล้วยิ้มให้เหลิ่งซวงอย่างอ่อนโยน “เหลิ่งซวง นั่งเถิด คุยเป็นเพื่อนข้าหน่อย”
ได้ยินอย่างนั้น เหลิ่งซวงรับคำ แล้วนั่งลงข้างๆ เพียงแต่นางพูดไม่ค่อยเก่ง จึงไม่รู้จะพูดคุยกับซั่งกวนหวั่นหรงอย่างไร ด้วยเหตุนี้ จึงถามว่า “ฮูหยิน ท่านอยากคุยเรื่องอะไรเจ้าคะ?”
“คุยเรื่องเสี่ยวจิ่วก็แล้วกัน! เจ้าบอกข้าหน่อย พวกเจ้าพี่น้องพบนางได้อย่างไร?” นางยิ้มถาม มองเหลิ่งซวงที่นั่งอยู่ข้างกาย ในใจลอบคาดหวัง
ไม่ได้คอยเฝ้าดูลูกสาวนางเติบโต เป็นเรื่องที่นางเสียใจที่สุด นางทำได้เพียงรับรู้เรื่องราวที่เฟิ่งจิ่วเคยพบเจอ และเคยทำในตลอดหลายปีที่ผ่านมาจากปากของคนรอบกายเธอ และจากปากตัวเธอเองเท่านั้น
เหลิ่งซวงครุ่นคิดอย่างละเอียด ว่าตอนนั้นพวกนางพี่น้องมาติดตามนายท่านได้อย่างไร ทว่า เรื่องหนึ่งเกี่ยวโยงกับอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อเล่าเรื่องหนึ่งจบ นางก็พบว่าฮูหยินจะถามต่อว่า “จากนั้นเล่า?”
ด้วยเหตุนนี้ ในเวลาสองชั่วยามที่ผ่านมา ล้วนเป็นนางที่พูด ฮูหยินเป็นฝ่ายฟัง เรียกไม่ได้ว่าเป็นการพูดคุยกันเลยสักนิด
นางพูดไม่เก่งจริงๆ ทำได้เพียงเล่าเรื่องที่ฮูหยินถามเท่านั้น ยามนางเล่าถึงตอนที่นายท่านถูกคนสวมรอยแทน ใบหน้าเสียโฉมมีบ้านแต่กลับไม่ได้ นางเห็นฮูหยินร้องไห้ตาแดง จึงรีบหยุดเล่า
“ฮูหยิน เรื่องก็ผ่านไปแล้ว ท่านอย่าเสียใจเลย” นางปลอบใจด้วยคำพูดแข็งทื่อ
ซั่งกวนหวั่นหรงส่ายหน้า เช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมา พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น “เสี่ยวจิ่วเด็กคนนี้ เล่าแต่เรื่องดีๆ และเรื่องที่มีความสุขให้ข้าฟัง วันนี้ได้ยินเจ้าเล่าอย่างนี้ ข้าถึงเพิ่งรู้ว่านางแบกรับความทุกข์และความลำบากมามากมายขนาดนี้”
………………………………….
ตอนที่ 1608 คารวะแม่บุญธรรม
เหลิ่งหวาเดินเข้ามาจากข้างใน เห็นฮูหยินที่อยู่ในเรือนตาแดงและมีน้ำตา ก็อดตะลึงไม่ได้ เขาถามว่า “ฮูหยิน เป็นอะไรไปขอรับ? ไม่สบายตรงที่ใดหรือเปล่า?” ขณะเดียวกัน ก็หันไปมองพี่สาวของเขาด้วยสายตาไถ่ถาม
“ไม่เป็นไร” ซั่งกวนหวั่นหรงส่ายหน้า
เหลิ่งซวงลุกขึ้นยืน บอกว่า “ความผิดข้าเอง ข้าเล่าเรื่องในอดีตของนายท่าน ทำให้ฮูหยินปวดใจและหลั่งน้ำตา”
ได้ยินอย่างนั้น เหลิ่งหวาจึงคลายใจ เผยรอยยิ้มอ่อนโยน “ฮูหยิน เรื่องในอดีตก็ผ่านไปแล้ว ท่านอย่าเสียใจอีกเลย ตอนนี้นายท่านสบายดี ข้าคิดว่านางเองก็คงไม่อยากให้ท่านเจ็บปวดเพราะเรื่องในอดีตของนางนะขอรับ”
“อืม ข้ารู้” ซั่งกวนหวั่นหรงรับคำ แล้วเช็ดน้ำตา
เหลิ่งหวาก้าวเข้ามา แล้วบอกว่า “ใช่แล้วขอรับฮูหยิน พี่ชายบุญธรรมของนายท่านมาแล้ว เขาชื่อกวนสีหลิ่น นายท่านน่าจะเคยบอกฮูหยินแล้วกระมัง!”
“เป็นเขาหรือ? เขามาแล้วหรือ?” ซั่งกวนหวั่นหรงอึ้งงัน จากนั้นก็ลุกขึ้น “เสี่ยวจิ่วเคยเล่าเรื่องพี่ชายคนนี้ของนางให้ข้าฟัง เขาอยู่ที่ใด?”
“อยู่ที่ห้องโถงข้างหน้า วันนี้เขาเดินทางมาถึงเมืองของเรา บอกว่าไปพบนายท่านมาแล้ว รู้ว่าฮูหยินอยู่ที่นี่จึงมาคารวะท่านขอรับ” เหลิ่งหวารายงาน แล้วพูดเสริมอีกว่า “เขายังเอาข่าวของนายท่านมาบอกด้วยขอรับ”
ได้ยินอย่างนั้น ซั่งกวนหวั่นหรงรีบบอก “เช่นนั้นก็รีบพาข้าไปพบเขาเถิด” ด้วยเหตุนี้ นางให้เหลิ่งหวากับเหลิ่งซวงไปที่ห้องโถงด้านหน้าด้วยกัน
ในห้องโถง กวนสีหลิ่นนั่งรอและจิบชาไปพลาง ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก จึงหันมองไป เห็นผู้มาก็รีบวางถ้วยชาในมือลง แล้วลุกขึ้น
“สีหลิ่นคารวะแม่บุญธรรม” เขาเดินเข้าไปหา ครั้นซั่งกวนหวั่นหรงเดินเข้ามาในห้องโถงก็คุกเข่าข้างเดียวเพื่อคำนับนาง
ได้ยินเขาเรียกว่าแม่บุญธรรม ซั่งกวนหวั่นหรงรีบประคองเขาลุกขึ้น “รีบลุกขึ้นเร็วเข้า” นางประคองเขาขึ้นมา แล้วมองพินิจเขา มองดูชายร่างกายกำยำแข็งแรงตรงหน้า ซั่งกวนหวั่นหรงพยักหน้า
“ข้าได้ยินเสี่ยวจิ่วพูดถึงพี่ชายคนนี้มาตลอด ในที่สุดวันนี้ก็ได้พบแล้ว มา นั่งลงคุยกันเถิด” นางพยักพเยิดให้เขานั่งลง ขณะเดียวกันนางก็เดินไปนั่งที่กลางห้องโถงด้วย
“ขอบพระคุณแม่บุญธรรม” กวนสีหลิ่นยิ้มรับคำ แล้วจึงมองคนที่นั่งอยู่ตำแหน่งเจ้าบ้าน ครั้นเห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ของนาง ก็อดยิ้มไม่ได้ “แม่บุญธรรม เสี่ยวจิ่วตามหาท่านนานขนาดนี้ ในที่สุดก็หาเจอเสียที หากพ่อบุญธรรมรู้ จะต้องดีใจมากแน่ๆ”
“ใช่ เด็กคนนั้นก็เหนื่อยมามาก หลายปีมานี้ข้าไม่ได้อยู่ข้างกายนางเลย แล้วยังทำให้นางต้องลำบากขนาดนี้อีก” นางพูดอย่างทอดถอนใจ มองกวนสีหลิ่นแล้วบอกว่า “แต่โชคดีที่นางมีพี่ชายเช่นเจ้าคอยดูแล นางเคยบอกข้าว่าเจ้าดีกับนางมาก และคอยดูแลนางเสมอ ต้องขอบคุณเจ้ามากจริงๆ”
“เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ข้าควรทำอยู่แล้ว อีกอย่างจะว่าไปแล้วนางช่วยข้าไว้มากกว่าอีก” กวนสีหลิ่นละอายใจเล็กน้อย เพราะถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่เคยช่วยอะไรน้องสาวเขาเลย ตรงกันข้าม นางกลับช่วยเหลือเขามามากมาย
ได้ยินอย่างนั้น ซั่งกวนหวั่นหรงกล่าวว่า “ครอบครอบเดียวกันอย่าพูดจาห่างเหินกันเช่นนั้น พี่น้องก็ต้องช่วยกันส่งเสริมและดูแลกัน พวกเจ้าสองพี่น้องแม้เป็นเพียงพี่น้องร่วมสาบาน แต่กลับรักกันยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆ พอรู้ว่าเสี่ยวจิ่วมีพี่ชายเช่นเจ้าอยู่ ข้าก็ดีใจยิ่งนัก
เจ้าก็เดินทางมาเหนื่อยๆ ข้าจะให้เหลิ่งหวาเก็บกวาดห้องให้เจ้า อีกเดี๋ยวกินอะไรรองท้องหน่อย แล้วค่อยไปพักผ่อน”
“ขอบพระคุณแม่บุญธรรมมากขอรับ” เขาพยักหน้ายิ้มๆ บอกว่า “ก่อนมาที่นี่ข้าเจอเสี่ยวจิ่วแล้ว นางให้ข้ามาบอกท่านว่าไม่ต้องเป็นห่วงนาง นางมีเซวียนหยวนโม่เจ๋ออยู่ข้างกายไม่มีอันตรายอะไรแน่นอน หากเสร็จธุระเมื่อใดจะรีบกลับมา”
………………………………….
————————————–