เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1635 ท่าทางสดชื่น ตอนที่ 1636 มือข้างนี้ขัดหูขัดตายิ่งนัก
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1635 ท่าทางสดชื่น ตอนที่ 1636 มือข้างนี้ขัดหูขัดตายิ่งนัก
ตอนที่ 1635 ท่าทางสดชื่น / ตอนที่ 1636 มือข้างนี้ขัดหูขัดตายิ่งนัก
ตอนที่ 1635 ท่าทางสดชื่น
เซวียนหยวนโม่เจ๋อในชุดคลุมสีดำหน้าตาสดชื่นยืนเอามือไพล่หลัง มือข้างหนึ่งวางไว้ด้านหน้าท้องสาวเดินออกมาด้วยฝีเท้ามั่นคง ยามเขาเห็นสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู แล้วถามว่า “มีเรื่องใดหรือ?”
น้ำเสียงของเขาแฝงแววเกลียดคร้านและมีเสน่ห์ดึงดูด ราวกับเพิ่งตื่นนอน แล้วก็เหมือนคนที่เพิ่งผ่านการลิ้มรสชาติหอมหวานมา ร่องรอยความอิ่มเอมใจตรงหว่างคิ้วยากปกปิด
เห็นหน้าตาของเขา ฮุยหลางกับอิ่งอีรวมถึงเหลิ่งซวงล้วนมีสีหน้าแตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะเหลิ่งซวงที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทว่านางไม่ได้สงสัยอะไร เพียงเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ แล้วรายงานว่า “ฮูหยินเตรียมอาหารเย็นไว้แล้ว เชิญเจ้าตำหนักยมราชกับนายท่านไปกินข้าวได้แล้วเจ้าค่ะ”
“เสี่ยวจิ่วยังไม่ตื่น ปล่อยให้นางนอนต่ออีกสักหน่อยเถิด!” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเพิ่งจะพูดจบ ก็ได้ยินเสียงของเฟิ่งจิ่วดังมาจากข้างหลัง
“ข้าตื่นแล้ว ไปพร้อมกันเลยเถิด!” เฟิ่งจิ่วเดินออกมาจากห้องด้วยท่าทางเกียจคร้าน พลางนวดมือที่รู้สึกปวดเมื่อย ขณะเดียวกันก็ถลึงตาจ้องชายหนุ่มที่ยิ้มให้เธอ
ผู้ชายคนนี้ เธอนึกว่าเขาจะทนไม่ไหวถือปืนออกรบเสียแล้ว! นึกไม่ถึงสุดท้ายสิ่งที่ต้องเหนื่อยที่สุดกลับเป็นเพียงนิ้วมือทั้งห้าของเธอ เธอนวดคลึงมือด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
หากเป็นผู้ชายคนอื่น เดาว่าข้าวสารคงกลายเป็นข้าวสุกไปนานแล้ว แต่เขามีความคิด มีความปรารถนาแล้ว สุดท้ายกลับไม่ยอมก้าวข้ามปราการด่านสุดท้าย เธอรู้ว่าเขาทะนุถนอมเธอ เพียงแต่เห็นท่าทางอดกลั้นของเขาแล้วก็รู้สึกใจอ่อน ไม่เช่นนั้น วันนี้เธอก็คงไม่ยอมปล่อยให้นิ้วมือทั้งห้าของเธอต้องเมื่อยล้าเช่นนี้หรอก
“ไม่เหนื่อยหรือ? ให้ข้าบอกพวกเขาให้ยกอาหารมาดีหรือไม่?” เขาเดินเข้ามาโอบเธอ มองชุดกระโปรงสีแดงของเธอ เส้นผมสีหมึกสยายกลางหลัง กลางหว่างคิ้วสะท้อนแววเกียจคร้านดูมีเสน่ห์น่าดึงดูด อดไม่ได้ที่จะนึกอยากเอาเธอไปซ่อน ไม่ให้ใครเห็น
“ท่านก็รู้ด้วยหรือว่าข้าเหนื่อย? ข้าปวดมือจะแย่แล้ว” เธอปล่อยตัวตามแรงดึงเข้าไปในอ้อมกอดเขา พลางบ่นเสียงเบา
ได้ยินอย่างนั้น รอยยิ้มพาดผ่านดวงตาของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ กระซิบเสียงเบาข้างหูเธอ “นั่นหมายความว่าความสามารถของผู้ชายของเจ้าไม่ธรรมดา ต่อไปเจ้าจะมีแต่ความสุขสมไร้ความกังวล”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ ก็อดหน้าแดงไม่ได้ กลอกตาใส่เขาแล้วผลักเขาออก “เหลิ่งซวง พวกเราไปกันเถิด!” สิ้นเสียง ก็พาเหลิ่งซวงเดินนำออกไปก่อน
มองดูเธอเดินออกไป เซวียนหยวนโม่เจ๋อเปล่งเสียงหัวเราะทุ้มหนามีเสน่ห์น่าดึงดูด สายตาลึกล้ำแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มและแววอ่อนโยนจับจ้องไปที่เงาร่างสีแดง ชะงักหยุดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอามือไพล่หลังเดินตามเธอไป
บทสนทนาเมื่อครู่ของทั้งสองถูกลดเสียงให้เบาลง ฮุยหลางกับอิ่งอีก็ได้ยินเพียงประโยคสองประโยค เพียงแต่เห็นสีหน้าอิ่มเอมของนายท่านแล้ว พวกเขาก็อดคาดเดาไม่ได้ หรือว่านายท่านกำราบภูตหมอได้แล้วจริงๆ?
พวกเขาไปกินข้าวที่ด้านหน้า ระหว่างนั้น ซั่งกวนหวั่นหรงเห็นมือเธอสั่นน้อยๆ จึงถามด้วยความเป็นห่วง ทำเอาเฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อต่างทำตัวไม่ถูก
สุดท้ายก็เพียงหาข้ออ้างส่งเดชไป หลังมื้ออาหาร ทั้งสองออกไปอย่างรีบร้อน เตรียมตัวจะออกไปเดินเที่ยว
สำหรับเรื่องนี้ ซั่งกวนหวั่นหรงย่อมยินดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อเห็นทั้งสองรักใคร่กันเช่นนี้ นางที่เป็นมารดาก็ต้องรู้สึกปลาบปลื้มอยู่แล้ว
ครั้นออกจากประตู เดินอยู่บนถนนใหญ่ เฟิ่งจิ่วอดพ่นลมหายใจไม่ได้ พูดอย่างไม่พอใจว่า “รอได้พบท่านพ่อของข้าเมื่อใด พวกเราก็รีบจัดการเรื่องแต่งงานเถิด! หากต้องทำอย่างนี้อีก ถึงข้าจะรับไหว มือของข้าก็รับไม่ไหวหรอก”
………………………………….
ตอนที่ 1636 มือข้างนี้ขัดหูขัดตายิ่งนัก
เมื่อได้ยิน เซวียนหยวนโม่เจ๋อหัวเราะเบาๆ “ดี”
ยิ่งตกดึกโคมไฟบนถนนก็สว่างเจิดจ้า ผู้คนสัญจรไปมาคึกคักอย่างยิ่ง และเมื่อทั้งสองเดินเข้าไปอยู่ท่ามกลางฝูงชน ผู้คนรอบด้านไม่ว่าหญิงหรือชาย ล้วนหันมาจับจ้องที่ทั้งสองโดยไม่รู้ตัว
ไม่ใช่เหตุผลใด เพียงเพราะชายหญิงคู่หนึ่ง ชายหนุ่มดูเผด็จการทรงอำนาจ หญิงสาวงดงามไม่มีใครเทียม เงาร่างหนึ่งดำหนึ่งแดงเดินเคียงคู่กัน เหมาะสมกันถึงเพียงนั้น ราวกับเทวดาที่เดินลงมาจากสวรรค์ชั้นฟ้า ไม่เหมือนคนที่มีตัวตนอยู่บนโลกมนุษย์
เพราะสายตาของคนพวกนั้นมองตามมาตลอด พวกเขาสองคนจึงไม่ได้เดินเที่ยวนานนัก เพียงเดินในเมืองรอบหนึ่ง ก็ไปเดินชมฐานกลุ่มอำนาจของตำหนักยมราชหนึ่งรอบ
หลายวันต่อมาก็ยังไม่ได้ข่าวคราวของเฟิ่งเซียว ทำให้เฟิ่งจิ่วอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
เหตุใดจึงไม่มีข่าวอะไรเลยเล่า? หรือยังไม่เข้ามาในเมือง? ไม่น่าจะเป็นไปได้กระมัง?
กระทั่งยามบ่ายของวันนี้ เธอกำลังหรี่ตาพักผ่อนอยู่บนหลังคา ก็เห็นเงาร่างที่สวมชุดคลุมสีดำคนหนึ่งเดินออกมาจากถนนใหญ่ มาหยุดยืนหน้าประตูบ้าน
ตอนเห็นคนคนนั้น เธอหรี่ตา เห็นเพียงชายหนุ่มอายุยี่สิบสามสิบปี ร่างกายกำยำแข็งแรง สภาพเหมือนคนเดินทางมาไกล บนไหล่มีนกน้อยลายจุดสีแดงเกาะอยู่หนึ่งตัว ยิ่งมอง ก็ยิ่งรู้สึกคุ้น โดยเฉพาะนกน้อยตัวนั้น…
“หงส์ไฟ?”
เธอพึมพำเบาๆ รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย รีบลุกขึ้นเขย่งปลายเท้า กระโดดข้ามกำแพงลานบ้านออกไปข้างนอก ทิ้งตัวลงตรงหน้าชายคนนั้น จ้องมองเขาที่กำลังยิ้มอยู่ ครั้นเห็นคิ้วและดวงตาอันคุ้นเคยนั่น เธอก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างอย่างเหนือความคาดหมาย
“ท่านพ่อ?”
“เสี่ยวจิ่ว นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะจำพ่อได้ทันที ฮ่าๆๆๆ สมแล้วที่เป็นลูกสาวพ่อ” เฟิ่งเซียวหัวเราะเสียงดัง เสียงทุ้มหนาระคนเสียงหัวเราะเปล่งออกมา
“ตลอดทางเขายังเอาแต่บอกว่าเจ้าต้องจำเขาไม่ได้แน่ๆ!” หงส์ไฟที่อยู่ข้างๆ กระพือปีกบินมาเกาะไหล่เฟิ่งจิ่ว ถูไถพวงแก้มของเธอด้วยท่าทางสนิทชิดเชื้อ
เฟิ่งจิ่วยกมือลูบขนหงส์ไฟเบาๆ ยิ้มบอกว่า “ขอบใจเจ้ามากหงส์ไฟ ที่คุ้มกันท่านพ่อของข้าจนมาถึงที่นี่อย่างปลอดภัย”
“ไม่เป็นไร ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำทั้งนั้น” หงส์ไฟตอบพร้อมเชิดหัวเกาะอยู่บนไหล่ของเธอ ถามว่า “ข้าไม่เชื่อฟังเจ้าที่ให้อยู่เป็นสัตว์ผู้พิทักษ์คอยปกป้องราชวงศ์เฟิ่งหวง เจ้าคงไม่ตำหนิข้ากระมัง?”
“จะตำหนิได้อย่างไร? มาแล้วก็มาแล้ว ทางนั้นยังมีพวกท่านปู่ของข้า ไม่เป็นไรหรอก” เธอยิ้มๆ แล้วหันไปมองท่านพ่อของเธอ ถามว่า “ท่านพ่อ ท่านทะลวงขั้นกลายเป็นเทพนักรบตั้งแต่เมื่อใดกัน? ไม่น่าเล่าคนของเจ้าตำหนักยมราชจึงบอกว่าไม่ได้ข่าวของท่านเลย”
“ฮ่าๆๆ ใช่แล้ว พลังของพ่อทะลวงขั้นเป็นเทพนักรบแล้ว รูปร่างหน้าตาจึงเปลี่ยนไป พวกเขาย่อมจำไม่ได้อยู่แล้ว” เขาหัวเราะเสียงดัง พลางเล่าเรื่องระหว่างทางให้เธอฟัง พลางถามว่า “ใช่แล้ว ท่านแม่ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้? นาง สบายดีใช่หรือไม่?”
“ท่านพ่อวางใจ ท่านแม่ไม่เป็นไร เดิมทีพวกข้าตั้งใจจะกลับแล้ว แต่ได้ยินข่าวที่ท่านเดินทางมา จึงรอท่านอยู่ที่นี่ หลายวันนี้ไม่ได้ข่าวของท่านเลย ท่านแม่เป็นห่วงท่านอยู่ตลอดเลยนะเจ้าคะ! อีกประเดี๋ยวหากนางได้พบท่าน จะต้องดีใจมากแน่เลยเจ้าค่ะ”
ทางนี้เฟิ่งจิ่วกับเฟิ่งเซียวกำลังพูดคุยกันพลางเดินไปที่ลานบ้าน ส่วนข้างใน เซวียนหยวนโม่เจ๋อกำลังเดินออกมาพอดี ครั้นเห็นเฟิ่งจิ่วกอดแขนชายคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างสนิทสนม ก็อดขมวดคิ้ว จ้องมือของชายหนุ่มคนนั้นโอบไหล่ของเธอเขม็ง
มือข้างนั้น เขารู้สึกขัดหูขัดตายิ่งนัก แวบหนึ่งคิดอยากจะฟันมันให้ขาดไปเสีย
………………………………….