เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1639 คารวะทั้งสองท่าน ตอนที่ 1640 ทุกฝ่ายจับตามอง
ตอนที่ 1639 คารวะทั้งสองท่าน / ตอนที่ 1640 ทุกฝ่ายจับตามอง
ตอนที่ 1639 คารวะทั้งสองท่าน
ได้ยินอย่างนั้น เขาพยักหน้า ยิ้มบอกว่า “มาถึงก็ดีแล้ว คราวนี้แม่บุญธรรมกับเสี่ยวจิ่วก็วางใจได้แล้ว” เขาครุ่นคิด บอกว่า “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน! วันนี้ไม่ต้องกินข้าวที่บ้านแล้ว ข้าจะออกไปจองหอสุรา คืนนี้พวกเราออกไปเลี้ยงฉลองกันข้างนอกดีๆ สักหน”
“ข้าไปเองขอรับ!” เหลิ่งหวาบอก แล้วพูดกับกวนสีหลิ่นว่า “ท่านเพิ่งกลับมาพักก่อนเถิดขอรับ อีกเดี๋ยวก็ไปเจอท่านผู้นำตระกูลได้ด้วย” อยู่ที่นี่ เขาเปลี่ยนการขานเรียกจากท่านผู้ครองแคว้นเป็นท่านผู้นำตระกูล ถึงอย่างไรเรียกขานเช่นนี้ก็เหมาะสมกว่า
“ก็ดีเหมือนกัน” กวนสีหลิ่นรับคำ แล้วปล่อยให้เขาไป พลางบอกกับเหลิ่งซวงว่า “พวกเสี่ยวจิ่วอยู่ด้านหน้า พวกเราไปบอกพวกเขาสักหน่อยดีกว่า!”
ด้วยเหตุนี้ จึงสาวเดินไปยังลานหน้าบ้านที่พวกเฟิ่งจิ่วอยู่
เมื่อท้องฟ้ามืด เฟิ่งเซียวโอบไหล่ซั่งกวนหวั่นหรงเดินออกมาจากในสวน มารวมตัวกับพวกเฟิ่งจิ่วที่ลานหน้าบ้าน หลังจากพบและพูดคุยกับทุกคน พวกเขาจึงค่อยนั่งรถม้าไปยังหอสุรา
เหลิ่งหวาจองหอสุราที่เป็นกิจการภายใต้อำนาจของตำหนักยมราช เพื่อไม่ให้คนรบกวน พวกเขาจองชั้นสองทั้งชั้น พวกเขาไม่ได้เข้าไปกินข้าวในห้องส่วนตัว แต่เลือกนั่งโต๊ะข้างหน้าต่างบนชั้นสอง จะได้ชมทิวทัศน์อันคึกคักบนท้องถนนไปด้วย
สุราและอาหารถูกทยอยนำมาวางบนโต๊ะ พวกเขาดื่มสุราไปพลาง กินอาหารและพูดคุยกันไปพลาง ถามไถ่ถึงสถานการณ์ทางบ้าน รวมถึงสถานการณ์ช่วงนี้ในราชวงศ์เฟิ่งหวง
เฟิ่งเซียวตอบครบถ้วนทุกคำถาม บอกพวกเขาว่าที่บ้านสงบสุขดีทุกอย่าง บอกพวกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วง
“ท่านลุงเซียว ข้าอยากเชิญท่านกับป้าหรงไปพบเสด็จพ่อของข้าที่วังหลวง เพื่อหารือเรื่องแต่งงาน พวกท่านคิดเห็นอย่างไรขอรับ?” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเห็นว่าบรรยากาศไม่เลว จึงถามออกไปตรงๆ
เขาคิดว่ายามนี้พ่อแม่ของเฟิ่งจิ่วก็อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว เช่นนั้นหลังจากนี้ก็ควรถึงเวลาจัดการเรื่องแต่งงานของพวกเขาแล้ว ถึงอย่างไรทั้งสองก็รู้จักกันมาหลายปี แม้จะหมั้นหมายได้ไม่นาน แต่พวกเขาสองคนหัวใจเป็นหนึ่งเดียว ในเมื่อตั้งใจแล้วว่าจะไม่ปล่อยมืออีกฝ่ายไปตลอดชีวิต เช่นนั้นรีบแต่งงานกันพวกเขาจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันให้มากขึ้น
“เรื่องนี้ต้องทำอยู่แล้ว เจ้าเคยไปเยือนราชวงศ์ของเราแล้ว แล้วก็เคยพบผู้อาวุโสฝ่ายเราแล้ว แต่เรากลับไม่เคยมีโอกาสได้มาเยี่ยมบิดาเจ้าเลย ยามนี้ในเมื่อเดินทางมาถึงนี่แล้ว ย่อมต้องไปพบบิดาของเจ้า หารือเรื่องแต่งงานของเจ้ากับเสี่ยวจิ่ว”
พูดมาถึงตรงนี้ เฟิ่งเซียวเงียบไปครู่หนึ่ง มองเซวียนหยวนโม่เจ๋อแล้วถามว่า “เสด็จพ่อของเจ้า คงไม่ได้คัดค้านการแต่งงานของเจ้ากับเสี่ยวจิ่วกระมัง?” ถึงอย่างไร ราชวงศ์เซวียนหยวนก็ไม่ธรรมดา มิใช่ระดับที่ราชวงศ์เล็กๆ อย่างพวกเขาจะเทียบได้ หากเขาดูแคลนพวกเขา ก็พอเข้าใจได้
“เรื่องนี้ท่านลุงเซียววางใจได้ เสด็จพ่อของข้าเคยพบเฟิ่งจิ่วตั้งนานแล้ว และก็พึงพอใจในตัวนางมาก การแต่งงานครั้งนี้เขาไม่ขัดขวางแน่นอน” เซวียนหยวนโม่เจ๋ออธิบาย หันมองเฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างกายแวบหนึ่ง
ถึงเสด็จพ่อของเขาจะขัดขวาง เขาก็จะสู่ขอเฟิ่งจิ่วให้ได้ ที่อยากให้พวกเขาไปพบเสด็จพ่อสักครั้ง มิใช่เพราะเหตุผลอื่นใด แต่เป็นเพราะเขาให้ความสำคัญกับเฟิ่งจิ่ว หวังว่าการแต่งงานของพวกเข้าจะมีคำอวยพรจากญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย หวังว่าจะมอบธรรมเนียมที่คนทั่วไปเขาทำกันเมื่อแต่งงานให้นางได้อย่างครบถ้วน
“เช่นนั้นก็ดี” เฟิ่งเซียวพยักหน้า บอกว่า “หากเรื่องทางนี้พวกเจ้าสะสางเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นอีกสองสามวันพวกเราก็เตรียมตัวไปเยี่ยมเสด็จพ่อของเจ้าได้”
“ขอรับ เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเผยรอยยิ้ม เห็นถ้วยสุราตรงหน้าถูกเฟิ่งจิ่วรินสุราจนเต็มถ้วย
“เอาล่ะ เรื่องนี้ไม่ต้องเร่งรีบ วันนี้พวกเรามาฉลองที่ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าได้อยู่กันพร้อมหน้านะ” เธอยกถ้วยสุราขึ้น ยิ้มตาหยีมองพ่อแม่ของเธอ “แก้วนี้ ขอคารวะให้ท่านพ่อกับท่านแม่”
………………………………….
ตอนที่ 1640 ทุกฝ่ายจับตามอง
“คารวะท่านลุงเซียวกับท่านป้าหรง” เซวียนหยวนโม่เจ๋อกล่าว พอเฟิ่งจิ่วลุกขึ้น เขาก็ลุกขึ้นตาม
“คารวะพ่อบุญธรรมกับแม่บุญธรรม” กวนสีหลิ่นหัวเราะเสียงดัง แล้วยกถ้วยสุรายืนขึ้นตาม
“คารวะท่านผู้นำตระกูลกับฮูหยิน” พวกตู้ฝานกับเหลิ่งหวาเองก็ยกถ้วยสุราแล้วยืนขึ้น แม้แต่ฮุยหลางกับอิ่งอีก็ยกถ้วยสุราขึ้นแล้วมองไปที่ทั้งสองคน
“ตลอดทางมานี้ ขอบคุณทุกท่านมาก” เฟิ่งเซียวบอก แล้วสบตากับซั่งกวนหวั่นหรง ทั้งสองยกถ้วยสุราหันไปทางทุกคน แล้วเอ่ยปากเชิญ จากนั้นก็ยกสุราดื่มรวดเดียว
“นั่ง นั่งกันเถิด! วันนี้ทุกคนกินดื่มให้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจ” เขายิ้มบอก แล้วบอกให้ทุกคนนั่งลง กินดื่มให้เต็มที่
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านชิมนี่ดูสิเจ้าคะ” เฟิ่งจิ่วคีบอาหารวางในถ้วยด้านหน้าพวกเขา “แล้วก็ยังมีนี่ ท่านพ่อ ตลอดการเดินทางท่านต้องไม่ได้กินของดีๆ กระมัง? มา กินมากหน่อย”
มองดูผักและเนื้อที่กองล้นชาม เฟิ่งเซียวหัวเราะเสียงดัง “ได้ๆๆ พ่อจะกินเยอะๆ เจ้าวางใจได้เลย!” ขณะพูด เขาก็คีบอาหารรสไม่จัดให้ซั่งกวนหวั่นหรงที่นั่งอยู่ข้างๆ “มา อาหารพวกนี้รสไม่จัด เจ้าชิมดู”
เห็นอย่างนี้ เฟิ่งจิ่วอดแอบยิ้มไม่ได้ เธอเห็นความสุขที่สะท้อนอยู่กลางหว่างคิ้วของท่านพ่อเธอ เห็นความสุขและเปรมปรีที่ล้นออกมาจากก้นบึ้งหัวใจล้อมอยู่รอบกายพวกเขา เห็นพวกเขาสบตากันอย่างหวานชื่นจนปิดไม่มิด
แม้พวกเขาสองคนก็ผ่านเรื่องยากลำบากมามากมาย แต่สุดท้ายก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้ว่าในอดีตจะเคยลำบากมามากมายขนาดไหน ก็ล้วนถือว่าคุ้มค่าทั้งนั้น
“มัวมองอย่างนี้จะทำให้อิ่มท้องได้หรือ?”
เสียงกระซิบน่าดึงดูดของเซวียนหยวนโม่เจ๋อดังขึ้นที่ข้างหู เธอได้สติ ก็เห็นชามตรงหน้าพูนไปด้วยอาหารที่เธอชอบกิน หนำซ้ำตะเกียบคู่นั้นที่คีบอาหารให้เธอยังคงคีบมาเติมอย่างต่อเนื่อง ดูจนเธออดยิ้มไม่ได้
ดวงตาเอียงมองคนข้างๆ สบกับแววตาลึกซึ้งคู่นั้นที่จ้องมองมาพอดี เห็นอย่างนั้น เธอจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารกิน ยิ้มบอกว่า “แค่มองดูย่อมทำให้อิ่มท้องไม่ได้ แต่กินนั้นทำได้”
ขณะพูด เธอคีบอาหารขึ้นมากินหนึ่งค่ำ เห็นคนอื่นต่างหันมามองพวกเขา เธอจึงยิ้มตาหยีแล้วบอกว่า “อย่ามัวมองกันอยู่ กินเถิด”
ด้วยเหตุนั้น ทุกคนจึงหัวเราะ แล้วก็เริ่มกินข้าวและพูดคุยกัน บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นครื้นเครงและผ่อนคลายในพริบตา
เรื่องที่พวกเขาจองชั้นสองของหอสุราชื่อดังในเมืองทั้งชั้น ก็ถูกกลุ่มอำนาจบางกลุ่มให้ความสนใจมากเช่นกัน เพราะอย่างไรชื่อเสียงของภูตหมอก็เริ่มเป็นที่รู้จักที่นี่แล้ว กลุ่มอำนาจหลายกลุ่มในเมือง ย่อมต้องจับตามองคนที่ชื่อเฟิ่งจิ่วตั้งนานแล้ว
ที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงมากกว่าก็คือ หลังจากสืบดู เฟิ่งจิ่วผู้ที่เล่นงานสำนักโอสถตะวันจนโกลาหลวุ่นวายคนนั้น ก็คือ ภูตหมอ เจ้าของร้านยาในเมืองแห่งนี้
อีกทั้ง คนของพวกเขายังสืบเจอเรื่องหนึ่งมาด้วย นั่นก็คือเฟิ่งจิ่วคนนี้เป็นผู้หญิง
การเคลื่อนไหวของพวกเขายามอยู่ในเมือง เรียกได้ว่าเป็นที่จับตามองของคนจากแทบทุกกลุ่มอำนาจ เพียงแต่คนรอบกายเฟิ่งจิ่ว พวกเขาก็ยังสืบไม่พบที่มาที่ไป
ไม่ใช่เพียงพวกเขา ที่จริงกลุ่มอำนาจต่างๆ ที่มีพลังแข็งแกร่งในแปดจักรวรรดิใหญ่เองก็เริ่มให้ความสนใจกับภูตหมอคนนี้แล้ว เพียงแต่ได้ยินมาว่าภูตหมอมีสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับคนในตลาดมืด ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่กล้าทำอะไรส่งเดช ไม่เช่นนั้น นักเล่นแร่แปรธาตุและนักปรุงยาระดับนี้อาจถูกแย่งตัวไปก็ได้
แต่เวลานี้ พวกเขาไม่รู้เลย หลังจากที่เฉินเต้ากับลั่วเหิงกลับไปรายงานข่าวให้ต้วนมู่ไป๋ ต้วนมู่ไป๋ที่ผ่านมาทางนี้ ได้เดินทางมาถึงในเมืองแล้ว…
………………………………….