เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1645 เตรียมตัวออกเดินทาง ตอนที่ 1646 เป็นพ่อแท้ๆ ดังคาด
ตอนที่ 1645 เตรียมตัวออกเดินทาง / ตอนที่ 1646 เป็นพ่อแท้ๆ ดังคาด
ตอนที่ 1645 เตรียมตัวออกเดินทาง
“ต้วนมู่ไป๋ผู้นั้นมาแล้ว ข้าจะมาถามว่าเสี่ยวจิ่วจะไปดูหรือไม่? แต่ในเมื่อนางยังไม่ตื่น เช่นนั้นก็ช่างเถิด!” เขาบอก โบกมือหมุนตัวจากไป ตั้งใจจะไปหาของกินที่ห้องครัว
ต้วนมู่ไป๋? เหลิ่งซวงชะงัก นั่นเจ้าเขาซานหยางแห่งสำนักโอสถตะวันไม่ใช่หรือ? ได้ยินพวกเฉินเต้าบอกว่า หลังจากซานหยางจื่อตาย ต้วนมู่ไป๋ก็ถูกคนส่วนใหญ่ผลักดันและเลือกให้เป็นเจ้าเขาซานหยาง
เขามาที่นี่ เดาว่าคงมาพบฮูหยินกระมัง!
เหลิ่งซวงไม่ได้ปลุกเฟิ่งจิ่ว ส่วนเฟิ่งจิ่วก็นอนจนถึงเที่ยงจึงเพิ่งตื่น พอเธอเปิดประตูออกมาบิดขี้เกียจข้างนอก ก็เห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อกับกวนสีหลิ่นกำลังเดินหมากกันอยู่
“ไม่เล่นแล้ว ข้าเดินหมากกับท่านก็ไม่ชนะท่านอยู่ดี” กวนสีหลิ่นถอนหายใจ รู้สึกว่าตนเองหาเรื่อง เห็นๆ อยู่ว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่ก็ยังจะเล่นกับเขาอีก นี่เล่นตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยชนะสักตาเดียว
เซวียนหยวนโม่เจ๋อหยักยิ้มมุมปาก เขาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ เป็นเชิงบอกให้เหลิ่งซวงเก็บหมากและกระดาน แล้วมองเฟิ่งจิ่วที่กำลังเดินเข้ามา “ตื่นแล้วหรือ? หิวหรือยัง?”
“ข้าตื่นก็เพราะหิวนี่แหละ” พูดจบ เฟิ่งจิ่วก็อดหัวเราะไม่ได้
“ข้าเดาถูกว่าภูตหมอน่าจะตื่นแล้ว ดูสิ ข้าเตรียมของกินมาหมดแล้ว” ฮุยหลางเดินเข้ามาจากข้างนอก ในมือถือถาดไว้ จากนั้นก็ยกของในถาดวางบนโต๊ะให้พวกเขา
“คนอื่นเขากินมื้อเที่ยง ภูตหมอกินมื้อเช้า นายท่านสั่งไว้ว่าภูตหมอเพิ่งตื่นคงกินข้าวไม่ลง ฉะนั้นจึงสั่งให้ต้มข้าวต้มแทน” เขายิ้มบอก จากนั้นก็ถอยไปยืนด้านหนึ่ง
“ขอบใจมาก” เธอขยิบตาให้ฮุยหลาง แต่กลับได้ยินเสียงของเซวียนหยวนโม่เจ๋อดังมา
“เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เขาสมควรทำ มีอะไรให้ขอบคุณกัน”
ได้ยินอย่างนั้น ฮุยหลางรีบพยักหน้า “ถูกต้องๆ เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำ ภูตหมอเป็นนายหญิงของข้า รับใช้นายหญิงก็ถือเป็นหน้าที่ของพวกเราเช่นกัน”
คำว่านายหญิง ทำให้สีหน้าของเซวียนหยวนโม่เจ๋ออ่อนลงหลายส่วน เหมือนพึงพอใจกับคำเรียกขานนี้มาก เขาตักข้าวต้มให้เฟิ่งจิ่วแล้ววางตรงหน้าเธอ “รีบกินตอนร้อนๆ เถิด!”
“ท่านพี่ ท่านไม่กินหรือ?” ขณะเฟิ่งจิ่วกำลังจะกิน ก็เห็นกวนสีหลิ่นนั่งยิ้มมองพวกเขาอยู่ข้างๆ จึงถามขึ้น
“ข้าใช้แรงค่อนข้างเยอะ ตอนเที่ยงข้าต้องกินข้าว ข้าวต้มพวกนี้เติมท้องข้าให้อิ่มไม่ได้หรอก เจ้ากินเถิด! อีกเดี๋ยวข้าค่อยไปกินข้าว” เขายิ้มๆ แล้วเสริมอีกว่า “ใช่สิ ยังมีอีกเรื่องต้องบอกเจ้า ต้วนมู่ไป๋มาที่นี่ แต่เพิ่งกลับไปเมื่อครึ่งชั่วยามที่แล้ว พ่อบุญธรรมกับแม่บุญธรรมเป็นคนต้อนรับเขา”
“อ้อ? เขามาทำอะไร?” เธอสงสัย จึงกินข้าวต้มพลางถาม
“ยังจะอะไรอีกเล่า? ก็ต้องมาพบแม่บุญธรรมน่ะสิ!”
เขาหัวเราะเสียงดัง บอกอีกว่า “แต่พ่อบุญธรรมอยู่ด้วยตลอด ข้าถามเหลิ่งหวาแล้ว บอกว่าคุยกันต่อหน้าพวกเขาครู่หนึ่ง ต่อมาต้วนมู่ไป๋ก็ขอตัวกลับสำนักโอสถตะวันไปแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ดูท่าต้วนมู่ไป๋คงอยากมาเยี่ยมท่านแม่ของเธอ แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะได้พบท่านแม่ของเธอ ฉะนั้นจึงไม่ได้รั้งอยู่นานมาก
ก็ดีเหมือนกัน ให้เขาได้พบท่านพ่อของเธอ เขาจะได้ตัดใจเสีย ไม่เช่นนั้นเขาคงจะยังอาลัยอาวรณ์ท่านแม่อีก
“วันนี้จัดการเรื่องทางนี้ให้เสร็จเสีย พรุ่งนี้พวกเราเดินทางกลับราชวงศ์เซวียนหยวนกันเถิด!” เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่นั่งข้างๆ บอก พลางช่วยเฟิ่งจิ่วคีบอาหารไปด้วย
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า “อืม ทางนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะให้เหลิ่งหวากับตู้ฝานจัดการเรื่องในร้านยาสักหน่อยก็ได้แล้ว”
………………………………….
ตอนที่ 1646 เป็นพ่อแท้ๆ ดังคาด
ขณะที่ทางนี้กำลังเตรียมตัว ด้านราชวงศ์เฟิ่งหวงที่อยู่ไกลออกไป ผู้อาวุโสเฟิ่งกำลังหยอกเล่นกับลูกชายตัวน้อยของเขาอยู่ในสวน!
“เสี่ยวเย่เอ๋อร์ ไปเก็บของเล่นกลับมาเร็ว”
เฟิ่งซานหยวนขว้างลูกบอลในมือออกไป จากนั้นก็ให้ลูกชายตัวน้อยของเขาไปเก็บกลับมา ท่าทางเหมือนกำลังแกล้งสุนัขเล่น ทำให้เหล่าองครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับลอบส่ายหน้าอย่างทนดูไม่ได้
นี่ต้องเป็นพ่อแท้ๆ ไม่ผิดแน่ มีแต่พ่อแท้ๆ เท่านั้นถึงหยอกเล่นกับลูกชายตัวเองเหมือนสุนัขได้เช่นนี้ โดยเฉพาะเสี่ยวเย่เอ๋อร์ ไม่รู้เรื่องเลยว่าพ่อของเขากำลังหยอกตนเองเล่นเพื่อความสนุก ยังยิ้มกว้างน้ำลายไหลแล้วคลานไปเก็บลูกบอลวิ่งกลับมายื่นให้พ่อของเขาอีก
“ท่านพ่อ เอ้า”
เด็กน้อยยิ้มตาหยีเหมือนดอกท้อ ดวงหน้าเล็กและขาวนุ่มเนียนละเอียดน่าเอ็นดู เสี่ยวเย่เอ๋อร์ที่อายุสามขวบมีน้ำมีนวลสมวัยเด็ก ตัวอวบอิ่มสมบูรณ์น่ารักน่าชัง พาให้ผู้พบเห็นต่างยิ้มกว้าง
“เสี่ยวเย่เอ๋อร์เป็นเด็กดีจริงๆ “เฟิ่งซานหยวนหัวเราะเสียงดัง อุ้มเขาขึ้นมานั่งบนตัก หยิกแก้มนิ่มๆ ของเขา ขณะเดียวกันก็หยิบขนมว่างที่อยู่ข้างๆ ยื่นไปที่ปากของเขา “มา ขนมดอกไม้ชิ้นนี้ให้เจ้า”
แต่เด็กน้อยกลับไม่กิน เขานับขนมดอกไม้ชิ้นนั้นไปแล้วคลานลงจากตักของพ่อเขา สาวเท้าสั้นๆ วิ่งไปหาเด็กชายอายุประมาณเจ็ดแปดขวบคนหนึ่ง
“เสี่ยวหยางหยาง กิน” เด็กตัวน้อยเขย่งปลาบเท้าแล้วยื่นขนมไปที่ปากของเจ้าหยาง “เสี่ยวหยางหยาง ขนมดอกไม้ กิน”
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งซานหยางพยักหน้าอย่างปลื้มใจ ยังเด็กขนาดนี้แท้ๆ แต่กลับรู้จักแบ่งปัน นี่เป็นเรื่องดี
เจ้าหยางยืนอยู่ตรงนั้นมองเสี่ยวเฟิ่งเย่ที่สูงไม่ถึงครึ่งเอวของเขา ดวงหน้าเล็กและนุ่มนิ่มมีแววสุขุมที่ไม่สมกับอายุ “ข้าไม่กิน นายท่านกินเถิดขอรับ!”
เขาที่อายุใกล้แปดขวบเข้าใจเรื่องราวไม่น้อยแล้ว ปีนั้นเขาถูกเฟิ่งจิ่วพากลับมา ให้คนสอนเขาเรียนหนังสือและฝึกวรยุทธ์ เขาตั้งใจเรียนมาโดยตลอด เฟิ่งจิ่วองค์หญิงแห่งราชวงศ์เฟิ่งหวง เป็นคนที่เขานับถือมาโดยตลอด นางช่วยเขา ทำให้ผู้ครองแคว้นเลี้ยงดูเขา และให้เขามาอยู่ข้างกายนายท่าน เพื่อให้เขากับนายท่านเติบโตพร้อมกัน
แม้เขาจะเป็นองครักษ์ประจำตัวของนายน้อยเฟิ่งเย่ แต่สำหรับเขา ไม่ว่าจะเป็นท่านผู้ครองแคว้นหรือจักรพรรดิหลวงล้วนเป็นเหมือนครอบครัว สิ่งใดที่นายน้อยมี เขาล้วนมีหมด
เขาเองก็พยามยามเพื่อไม่ให้พวกเขาผิดหวัง ไม่ทำให้องค์หญิงผิดหวัง เขาตั้งใจฝึกวรยุทธ์เสมอมา เขารับปากองค์หญิงแล้ว รับปากท่านผู้ครองแคว้นกับองค์จักรพรรดิหลวงแล้วว่าจะไม่ห่างและจะคอยปกป้องนายน้อยเฟิ่งเย่อย่างดี
อีกอย่าง ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านปู่และท่านย่าของเขา ล้วนได้รับความช่วยเหลือเพราะองค์หญิง เพราะนาง พวกเขาที่เป็นวิญญาณผู้ฝึกตนไร้ที่พึ่งพาถึงได้ฝึกวรยุทธ์จนสามารถปรากฏตัวตอนกลางวันได้ บุญคุณยิ่งใหญ่ครั้งนี้ เขาจะจดจำไว้ตลอดไป
“เสี่ยวหยางหยาง กิน กิน” เด็กน้อยไม่ยอมลดละ ยื่นมือเล็กๆ และเขย่งปลายเท้าทิ้งน้ำหนักพิงตัวเขา เพื่อให้เขากินขนมดอกไม้ชิ้นนั้น
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งซานหยวนยิ้มๆ “เสี่ยวหยางหยาง เจ้าก็กินเถิด! เจ้าเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าเสี่ยวเย่เอ๋อร์รั้นแค่ไหน ในเมื่อเขาตั้งใจให้เจ้า ก็จะต้องให้เจ้ากินให้ได้”
ได้ยินอย่างนั้น เจ้าหยางครุ่นคิด แล้วจึงรับขนมไปกิน
เด็กน้อยเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มออกในที่สุด วิ่งตุปัดตุเป๋กลับไปตรงหน้าพ่อของเขาแล้วอ้าปากเล็กๆ “ท่านพ่อ ขนมดอกไม้”
“ฮ่ะๆๆ ได้ๆๆ พ่อจะป้อนเจ้าเอง” เขาหยิบอีกหนึ่งชิ้นป้อนใส่ปากเด็กน้อย คราวนี้ เด็กน้อยก็กินขนมอย่างมีความสุขในที่สุด
………………………………….