เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1677 สั่นสะท้านไปทั้งวัง ตอนที่ 1678 ตำหนักอี้หวาในอดีต
ตอนที่ 1677 สั่นสะท้านไปทั้งวัง / ตอนที่ 1678 ตำหนักอี้หวาในอดีต
ตอนที่ 1677 สั่นสะท้านไปทั้งวัง
สุดท้าย สายตาจับจ้องไปที่ทหารอารักขาสิบกว่าคน น้ำเสียงเย็นเยียบ “ใครอนุญาตให้พวกเจ้าทหารอารักขาวังหลวงพกดาบเข้าวัง?”
ทหารสิบกว่าคนนั้นได้ยิน พลันใจสั่น รีบคุกเข่าทันที “องค์รัชทายาทโปรดทรงอภัย!”
เฉิงอ๋องที่อยู่ข้างๆ เห็นก็รีบเอ่ยปาก “โม่เจ๋อเอ๋ย คืออย่างนี้ ข้า…” เขายังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเซวียนหยวนโม่เจ๋อตัดบทก่อน
“ฮุยหลาง อิ่งอี ตัดแขนซ้ายของพวกเขาเสีย!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ฮุยหลางกับอิ่งอีที่ได้รับคำสั่งรีบรับคำ ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันตั้งตัว พวกเขาลงมือในพริบตา เห็นเพียงประกายแสงเยือกเย็นพาดผ่าน เสียงกรีดร้องเสียงแล้วเสียงเล่าดังลั่น ก้องกังวานทั่วท้องฟ้าเหนือวังหลวง พาให้คนอกสั่นขวัญหาย
องค์รัชทายาทหวนกลับ วังหลวงกลับมาอยู่ในกฎเกณฑ์ ผู้ใดยังกล้าเหิมเกริมอีก?
เฉิงอ๋องเห็นแขนสิบกว่าข้างลอยกลางอากาศ แล้วตกลงพื้นทีละข้าง เลือดสีแดงอาบไปทั่วพื้นพาให้ขาอ่อนทั้งสองข้าง ร่างกายสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม
เขากลัวเซวียนหยวนโม่เจ๋อคนนี้จริงๆ เขาเป็นคนจิตใจเหี้ยมเกรียม และเลือดเย็นไร้ความปราณี เป็นปีศาจที่ฆ่าคนได้อย่างไม่กระพริบตา! หากเขาจะฆ่าใคร ขอเพียงขยับปากไม่กี่ทีก็ทำได้แล้ว กระทั่ง ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เขาถึงขั้นมั่นใจว่าหากตนเองไปลองดีกับเขา เกรงว่าคราวนี้คนที่ต้องถูกตัดแขนคงไม่ใช่ทหารอารักขาพวกนี้ แต่คงเป็นเขานี่แหละ…
นึกถึงตรงนี้ ก็อดรู้สึกขนลุกไม่ได้ ใบหน้าก็ยิ่งซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เขาไม่ควรเข้าวังมาเลย เขานึกว่าเซวียนหยวนโม่เจ๋อยังไม่กลับมา กลับไม่รู้ว่าอยู่ในวังหลวงตั้งแต่เมื่อใดแล้ว?
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองข้ามเหล่าทหารอารักขาที่ร้องโหยหวนอยู่บนพื้น และมองข้ามแขนที่ถูกตัดกองอยู่ตรงหน้าเฉิงอ๋องด้วยเช่นกัน เขาเดินเข้ามาทีละก้าวๆ หยุดยืนตรงหน้าเฉิงอ๋อง “ก่อนหน้านี้ ท่านบอกว่าพวกท่านเข้ามาทำอะไรนะ?”
เฉิงอ๋องกลืนน้ำลาย ยกแขนเสื้อขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ปะ เปล่า ขะ ข้าแค่ แค่จะเข้ามาเยี่ยม เยี่ยมเสด็จพ่อของเจ้า ชะ เช่นนี้ข้าก็กลับไปอย่างวางใจได้แล้วล่ะ”
“อย่างนั้นก็ดี” เซวียนหยวนโม่เจ๋อยืนเอามือไพล่หลัง สายตาลึกล้ำคมปลาบจับจ้องเฉิงอ๋องตรงหน้า แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “ข้าไม่อยากเห็นคนฉวยโอกาสจับปลาตอนน้ำขุ่น หากผู้ใดกล้าคิดไม่ซื่อใต้จมูกข้า คนผู้นั้นจะต้องประสบกับจุดจบที่อยู่ไม่สู้ตายแน่นอน!”
“ใช่ๆๆ ข้ารู้ ข้าจะป่าวประกาศออกไปให้รู้เอง อย่าว่าแต่เจ้าจะไม่ปล่อยพวกคนที่คิดไม่ซื่อ แม้แต่ข้าหากเจอตัวก็จะไม่ละเว้นแน่นอน!” เฉิงอ๋องรีบรับคำ แสร้งวางท่าจริงจังขึงขัง
ได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แล้วบอกว่า “กลับไปเถิด!”
“ได้ เช่นนั้นข้ากลับก่อน ฝากเจ้าทักทายเสด็จพ่อของเจ้าแทนข้าด้วย วันหลัง หากวันหลังข้ามีเวลาจะมาเยี่ยมเขาแน่นอน” เฉิงอ๋องบอก จากนั้นก็รีบกลับไป ทหารเหล่านั้นที่กำลังอดทนต่อความเจ็บปวดจากการถูกตัดแขนก็รีบตามกลับไปเช่นกัน
ส่วนแขนที่ถูกตัดกองอยู่บนพื้นก็ถูกทหารในวังจัดการเก็บกวาดอย่างรวดเร็ว แม้แต่คราบเลือดก็ไม่ทิ้งไว้ให้เห็นสักนิด กระทั่งทุกอย่างกลับเป็นปกติ เซวียนหยวนโม่เจ๋อจึงเพิ่งหมุนตัวเดินกลับตำหนัก
ข่าวที่เซวียนหยวนโม่เจ๋อกลับมาแล้วกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่เรื่องที่เขาขู่ขวัญเฉิงอ๋องก็กระจายออกไปด้วย ทำให้บางคนที่คิดจะฉวยโอกาสต่างต้องหยุดความตั้งใจไปก่อน ไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือ
ส่วนเซวียนหยวนโม่เจ๋อก็ฉวยโอกาสในช่วงนี้ จัดการเรื่องทั้งภายนอกและภายใน…
………………………………….
ตอนที่ 1678 ตำหนักอี้หวาในอดีต
ขณะเดียวกัน ราชวงศ์เฟิ่งหวงที่อยู่อีกฟากหนึ่ง ในที่สุดพวกเฟิ่งจิ่วก็กลับมาถึงวังหลวงแล้ว
เรือบินบินเข้าไปโดยตรง ก่อนจะลงจอดหน้าประตูวัง เมื่อข่าวที่พวกเขากลับมาแล้วกระจายออกไป ผู้ดูแลจากกลุ่มอำนาจต่างๆ ในเมืองหลวงและผู้นำตระกูลของแต่ละตระกูลต่างก็ส่งคนมาจับตาดู
ที่จริงคนของตระกูลเฟิ่งดีกับพวกเขามาก เพียงแต่ ไม่รู้ว่าครั้งนี้พวกเขาไปล่วงเกินผู้แข็งแกร่งคนใดเข้า? ถึงได้นำภัยพิบัติครั้งใหญ่มาสู่ตระกูลพวกเขาเช่นนี้ได้ ถึงพวกเขามีใจอยากช่วย แต่กลับไม่กล้า
ยามนี้ได้ยินว่าเฟิ่งจิ่วกับเฟิ่งเซียวล้วนกลับมาแล้ว ชั่วขณะหนึ่ง ความสนใจทั้งหมดต่างถูกดึงดูดมาที่วังหลวง
ผู้เฒ่าเกิ่งเมื่อทราบเข้าก็มุ่งหน้าเข้าวังหลวงมาเป็นคนแรก ขณะเดียวกันองครักษ์ประจำตระกูลเฟิ่งและคนของตำหนักยมราชก็ออกมาต้อนรับพวกเขาที่ประตูวังด้วยเช่นกัน ครั้นหัวหน้าองครักษ์ประจำตระกูลเฟิ่งทั้งแปดเห็นเฟิ่งจิ่วซึ่งเป็นนายท่านของพวกเขากลับมาแล้ว ต่างก็ขอบตาร้อนผ่าวอย่างอดไม่ได้
“คารวะนายท่าน!”
ทั้งแปดก้าวเข้ามาคารวะเฟิ่งจิ่ว จากนั้นก็หันไปทำความเคารพเฟิ่งเซียว “ผู้นำตระกูล”
“ภูตหมอ” เริ่นเสียงก้าวเข้ามาคารวะ บอกว่า “ข้ารับคำสั่งจากนายท่านให้มาช่วยท่าน หากมีเรื่องใดให้ช่วยบอกข้าได้ตลอด ข้าจะช่วยจัดการทุกอย่าง”
สายตาของเฟิ่งจิ่วมองข้ามไหล่องครักษ์ประจำตระกูลเฟิ่งไป เห็นพวกหลัวอวี่ ฟ่านหลิน ฉีคังและคนอื่นๆ ต่างก็ยังอยู่ดี เพียงแต่แววตาล้วนเจ็บปวดอย่างปิดไม่มิด
ส่วนเริ่นเสียงที่อยู่อีกด้าน เขาเป็นหัวหน้าหอสายลมหนาว เป็นคนที่เซวียนหยวนโม่เจ๋อมอบหมายให้ดูแลอำนาจตำหนักยมราชของที่นี่ โชคดีที่เขาส่งยอดฝีมือมาลอบสังหารพวกคนที่แอบซุ่มอยู่ที่นี่
“พวกท่านปู่ของข้าถูกเผาอยู่ที่ใด?” เธอถาม สายตาจับจ้องไปที่หลัวอวี่
หลัวอวี่ก้มหน้า บอกว่า “ข้อจะนำทางนายท่านไปเองขอรับ” เขาเดินนำข้างหน้า พาเฟิ่งจิ่วและคนอื่นๆ ไปยังจุดที่เฟิ่งซานหยวนและซูซีถูกเปลวไฟแผดเผาในคืนนั้น
ทุกคนเดินเข้าวังไปอย่างเงียบๆ เห็นวังหลวงที่ผ่านการถูกฟื้นฟูมาอย่างชัดเจน รวมถึงองครักษ์ประจำตระกูลเฟิ่งที่หายไปเกือบครึ่ง บอกไม่ถูกว่าในใจรู้สึกเช่นไร โดยเฉพาะเฟิ่งเซียว ตั้งแต่เหยียบเข้ามาในวังหลวงเขาก็ไม่พูดอะไรเลย เพียงสาวเท้าเดินไปเงียบๆ แต่ละฝีก้าวช่างหนักอึ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“นายท่าน เป็นตำหนักนี้ขอรับ”
หลัวอวี่หยุดเดิน มองเธอและเฟิ่งเซียว “คืนนั้น นอกจากเสี่ยวเฟิ่งเย่กับจ้าวหยางก็ไม่มีใครรอดเลย ตอนที่พวกข้าเข้ามาจากเส้นทางลับ ก็เห็นองค์จักรพรรดิหลวงกับคนอื่นในสภาพเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลถูกผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหินสองคนทำร้ายจากข้างหลัง พวกเขาตัวปลิวเข้าไปในเปลวไฟที่กำลังโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง”
เล่ามาถึงตรงนี้ เขาก็หยุด ก้มหน้าก้มตา “ตอนแรกพวกข้าคิดจะเข้าไปช่วย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ พวกข้าสมควรตายนัก!” พวกเขาทั้งแปดคนคุกเข่ากันอย่างพร้อมเพรียง
เฟิ่งจิ่วสูดหายใจลึกๆ แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา มองดูซากตำหนักตรงหน้า รู้สึกเพียงหัวใจบีบรัดเจ็บปวด ตัวตำหนักถูกเผาจนกลายเป็นซากขนาดนี้ พวกท่านปู่เกรงว่าถึงสิ้นใจไปแล้วก็คงไม่เหลือให้เห็นแม่แต่กระดูก
จุดอื่นๆ ในวังหลวงผ่านการจัดระเบียบไปบ้างบางส่วนแล้ว แต่ตรงนี้ ยังคงเป็นซากปรักหักพังเช่นเดิม เธอก้าวเข้าไป ขณะที่สายตาสะดุดที่ป้ายตำหนัก เธอก็ได้แต่เหม่อมองอักษรบนป้ายที่ถูกเผาจนเหลืออยู่เพียงไม่กี่ตัว
อี้หวา? ที่นี่คือตำหนักอี้หวางั้นหรือ? ตำหนักที่มู่หรงอี้เซวียนเคยอยู่ในอดีต
ตำหนักอี้หวาแห่งนี้ตั้งอยู่ค่อนข้างห่างไกลจากตำหนักใหญ่ นึกไม่ถึงว่าพวกท่านปู่จะถูกไล่ล่ามาจนถึงที่นี่ สุดท้ายก็ต้องถูกฝังร่างอยู่ที่ตำหนักอี้หวาแห่งนี้ ไฟไหม้ครั้งใหญ่ ได้แผดเผาทุกสิ่งจนกลายเป็นผุยผง…
“ท่านพ่อ! ลูกมาแล้ว!”
เสียงสะอื้นดังมา ดึงสติเฟิ่งจิ่วให้กลับมา เห็นเพียงท่านพ่อของเธอคุกเข่าลงไปกับพื้น แล้วโขกหัวไปยังซากตำหนักหลังนั้น
………………………………….