เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1699 หวาดกลัวสุดขีด ตอนที่ 1700 ฝีมือผู้ใด
ตอนที่ 1699 หวาดกลัวสุดขีด / ตอนที่ 1700 ฝีมือผู้ใด
ตอนที่ 1699 หวาดกลัวสุดขีด
“เดาว่าอะไร?” ผู้อาวุโสเหอยิ้มถาม เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน!
ผู้อาวุโสคนนั้นมองผู้อาวุโสเหอ แล้วตอบว่า “ไม่ตายก็ต้องถูกถลกหนังหนึ่งชั้น”
ครั้นพูดประโยคนี้จบ ทั้งสองมองหน้ากันยิ้มๆ มีเรื่องกับภูตหมอ ไม่ต้องให้พวกเขาลงมือ พวกนั้นก็รับผลกรรมไม่ไหวแล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วที่จัดการคนเฝ้ายามหน้าหอเก็บยาพวกนั้นเรียบร้อยแล้ว เก็บยาที่เธอต้องใช้ใส่ห้วงมิติจนหมด ยาอย่างอื่นกลับไม่ได้เอาไปด้วย ถึงอย่างไรเธอก็เพียงอยากจะให้บทเรียนผู้ดูแลตลาดมืดคนนี้ ไม่ได้จะเป็นศัตรูกับนายแห่งตลาดมืด
หลังออกจากหอเก็บยา เธอรีบไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะมาที่ด้านหลังแล้วจับตัวทหารคนหนึ่งมาถาม “เรือนของผู้ดูแลของพวกเจ้าอยู่ที่ใด?”
ทหารคนนั้นตกใจ รู้สึกเพียงลำคอถูกบีบ ตัวลอยกลางอากาศ ทำให้เขาต้องเขย่งปลายเท่าเพื่อบรรเทาอาการหายใจไม่ออก สีหน้าหวาดกลัวและตกตะลึง
ตลาดมืดเป็นสถานที่แบบใดกัน? ไม่นึกเลยว่าจะมีคนกล้าบุกเข้ามายามวิกาล? คนคนนี้เป็นใครกัน? เขาไม่กลัวถูกตลาดมืดเอาคืนหรือ?
“บอกมา!” เฟิ่งจิ่วขู่เสียงเย็น และบีบคอเขาแน่นกว่าเดิม
คนคนนั้นหน้าแดง หัวใจเต้นแรง ชั่วพริบตา รู้สึกว่ากลิ่นอายความตายมาเยือน เขาจึงทำได้เพียงชี้ไปข้างหน้าโดยสัญชาตญาณ “เรือนที่อยู่ข้างหน้า ละ เลี้ยวซ้าย”
สิ้นเสียง ก็ถูกตีต้นคออย่างแรง ก่อนจะล้มพับลงไปกับพื้น
เฟิ่งจิ่วลากเขาเข้าไปในมุม ก่อนจะไหวกายไปข้างหน้า ไม่รู้ว่าคนในตลาดมืดมั่นใจเกินไปหรือคิดว่าไม่มีใครกล้าเข้ามาในตลาดมืดตอนกลางคืน นอกจากทหารที่เฝ้ายามอยู่ข้างหน้า เรือนที่พักตรงนี้เรียกได้ว่าแทบไม่เห็นทหารเลยสักคน
ก็จริง คนที่พักอยู่ในเรือนข้างในนี้ได้ มีใครบ้างไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งระดับหลอมแก่นพลังขึ้นไป? แม้แต่ผู้ดูแลซุนนั่นก็ยังเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้อาวุโสสองคนนั้น
เธอเก็บซ่อนกลิ่นอาย แล้วไหลกายเข้าไปในเรือนผ่านหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ เธอไม่ได้เดินตรงไปที่เตียง แต่กลับนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างจากเตียงมาก แล้วเคาะนิ้วกับที่พักแขนเก้าอี้ด้วยท่าทางไม่ยี่หระ
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก…”
ท่ามกลางค่ำคืนเงียบสงบ เสียงเคาะนั้นชัดเจนกว่าปกติ แทบจะในขณะที่เสียงนั้นดังขึ้น ผู้ดูแลซุนที่อยู่บนเตียงพลันตื่นขึ้นมา ขณะเดียวกับที่ลุกขึ้น เขาเปิดผ้าห่มออกแล้วตะโกนเสียงดัง “ใครน่ะ!”
ทว่า พอเขาอาศัยแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาในห้อง ก็มองเห็นเด็กหนุ่มชุดแดงท่าทางชั่วร้ายคนหนึ่งนั่งพิงเก้าอี้อยู่ ก็อดตะลึงไม่ได้ “ภะ ภูตหมอ!”
“หึๆ ข้านึกว่าเจ้าจะบอกว่าข้าเป็นผีเสียอีก!” เธอยิ้มหยัน มองคนที่หน้าซีดขาวอยู่ตรงหน้า
ทว่า ครั้นผู้ดูแลซุนได้ยินเสียง ก็พลันอึ้ง แล้วชี้ไปที่เฟิ่งจิ่วอย่างไม่อยากเชื่อ “จะ เจ้าคือคุณชายชุดขาวเมื่อตอนกลางวันนี่! จะ เจ้ามาทำอะไร?”
“เพิ่งรู้หรือ?” เธอเลิกคิ้ว แล้วหยักยิ้มมุมปาก เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ? หากเจอข้าอีกครั้ง เจ้าก็จะรู้ว่าข้าเป็นใคร”
ได้ยินอย่างนั้น ผู้ดูแลซุนถอยหลังด้วยความกลัว หมายจะตะโกนเรียกคน ทว่า เพิ่งจะอ้าปาก ยังไม่ทันเปล่งเสียง ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันแข็งแกร่งปะทะเข้ามาตรงหน้า ทำให้เลือดลมของเขาป่วนพล่าน จนกระอักเลือดออกมา
“อึก!”
ร่างกายของเขาโงนเงน เสียหลักล้มนั่งลงไปบนเตียง มองเด็กหนุ่มชุดแดงที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความหวาดกลัว น่ากลัวเกินไปแล้ว! น่ากลัวเกินไปจริงๆ! นี่หรือพลังของภูตหมอ? เขาอยากตะโกนเรียกคนมาช่วย แต่ความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเช่นนั้นกลับทำให้เขาเปล่งเสียงไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
………………………………….
ตอนที่ 1700 ฝีมือผู้ใด
“ข้าเล่นงานง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?” เฟิ่งจิ่วม้วนผมเล่น พูดด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน “หาเรื่องข้า เจ้าก็ต้องคิดถึงผลที่จะตามมาด้วย ใช่หรือไม่เล่า ผู้ดูแลซุน?”
เธอลุกขึ้น สะบัดชายเสื้อเบาๆ แล้วเดินมาที่เตียงทีละก้าวๆ มองคนที่นั่งอยู่บนเตียง ก่อนจะคว้าคางของเขาขึ้นมา “เจ้าว่า ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างไรดี?”
ผู้ดูแลซุนเบิกตากว้าง มองเธอด้วยความกลัว อยากส่ายหน้าแต่ก็ทำไม่ได้ ร่างกายของเขาราวกับถูกสะกด ขยับเขยื้อนไม่ได้ เขารู้ ว่านี่เกิดจากแรงกดดันของผู้แข็งแกร่งทำให้เขาอกสั่นขวัญหาย นาทีนี้ เขาได้แต่นึกเสียใจ
หากรู้แต่แรกว่าภูตหมอรับมือยากขนาดนี้ หากรู้แต่แรกว่าภูตหมอน่ากลัวขนาดนี้ เขาไม่มีทางเป็นศัตรูกับนางแน่…
“อืม ข้ามียาแปลกๆ ในมือไม่น้อย ถ้าอย่างไร ข้ามอบให้เจ้าเม็ดหนึ่งเป็นรางวัลดีหรือไม่?” เธอเผยยิ้มไม่ประสงค์ดี พลางพลิกข้อมือ ยาสีเขียวดำเม็ดหนึ่งก็ปรากฏกลางฝ่ามือ
มองดูยาสีเขียวดำแปลกประหลาดเม็ดนั้น เหงื่อบนหน้าผากของผู้ดูแลซุนไหลเป็นทาง เขาฝืนตัวอยากจะถอยหลัง แต่กลับถูกบีบคางไว้แน่น
“กินเถิด! ไม่ต้องเกรงใจ ยาเม็ดนี้ถือว่ามอบให้เจ้าเป็นของขวัญก็แล้วกัน” เธอยัดยาเม็ดนั้นใส่ปากเขา พลางบอกว่า “อ้อ ลืมบอกเจ้าไป ยาในหอเก็บยาพวกนั้นข้าเก็บมาแล้ว พรุ่งนี้เจ้าไม่ต้องรอข้ามาเอายาแล้วล่ะ ถือว่าหมดเรื่องยุ่งยากไปหนึ่งเรื่อง”
เธอปล่อยคางเขา แล้วถอยหลังสองสามก้าว หรี่ตาเล็กน้อย แล้วยิ้มชั่วร้าย “วางใจ ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก ข้าจะเก็บเจ้าไว้ให้คนข้างบนไปลงโทษเจ้าเอง ส่วนเรื่องฤทธิ์ยา ข้าคิดว่าอีกไม่นานเจ้าก็จะได้รู้เอง”
สิ้นเสียง เงาร่างสีแดงโฉบไหวกระโดดออกจากหน้าต่าง ผ่านไปไม่นาน ก็หายไปในความมืดยามกลางคืน
ครั้นเธอจากไป แรงกดดันในห้องก็หายไปด้วย พลังที่บีบคั้นเขาไว้ก็หายไปเช่นกัน เพียงแต่ เมื่อนึกถึงยาที่เขากินลงไป หน้าก็ซีดอย่างไม่อาจควบคุม เขานอนหมดแรงอยู่บนเตียงแล้วตะโกนออกไปข้างนอก
“ข้างนอกมีใครอยู่บ้าง! เข้ามาเร็ว!”
เพียงแต่ ลานบ้านทางนี้ไม่มีใครเฝ้ายาม และคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ถูกเฟิ่งจิ่วจัดการไปแล้ว ชั่วขณะหนึ่งจึงไม่มีใครได้ยิน กระทั่งเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป
ทหารเฝ้ายามหอเก็บของที่ล้มอยู่บนพื้นถูกทหารลาดตระเวนพบเข้า ไฟถูกจุดอย่างรวดเร็ว แต่ละคนรีบแยกย้ายกันไปรายงานเจ้านายของตนเอง
บ้างก็วิ่งไปรายงานให้ผู้อาวุโสสองคนทราบ บ้างก็วิ่งไปรายงานผู้ดูแลซุน
“แย่แล้ว แย่แล้วขอรับท่านผู้อาวุโส เกิดเรื่องแล้ว!” ทหารนายหนึ่งเคาะประตูร้องเรียกด้วยความร้อนใจ
สองคนที่กำลังเดินหมากพูดคุยกันอยู่พลันชะงัก สบตากันแวบหนึ่ง ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น?”
“มีคนบุกเข้าไปในหอเก็บยา แล้วขโมยยาส่วนมาในนั้นไปขอรับ” ทหารที่อยู่ข้างนอกรายงาน
ประตูห้องเปิดออก คนข้างในเดินออกมาหนึ่งคน “อ้อ? ถูกขโมยได้อย่างไร? ที่นั่นมีคนเฝ้ายามอยู่ตลอดมิใช่หรือ?”
“ขอรับ แต่ยาที่เพิ่งเข้ามาวันนี้หายไปหมดเลย ตอนนี้กำลังสั่งให้คนคำนวณว่าเสียหายไปเท่าใดแล้ว แล้วก็มีคนไปรายงานผู้ดูแลซุนต่างหากแล้วด้วยขอรับ” ทหารคนนั้นรายงาน
ได้ยินอย่างนั้น ผู้อาวุโสทั้งสองตกตะลึงสงสัย อดสบตากันไม่ได้ ทั้งสองลุกขึ้นแล้วพร้อมใจกันเดินออกมา พอเปิดประตู ก็เห็นทหารคนนั้นยืนอยู่ ผู้อาวุโสเหอถามว่า “รู้หรือไม่ว่าเป็นฝีมือผู้ใด? ที่นี่มีทหารเฝ้ายามหอเก็บยาตั้งมากมาย จะไม่มีใครรู้ตัวเลยได้อย่างไร?”
………………………………….