เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1717 พลังและวรยุทธ์ของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ตอนที่ 1718 รอเพียงโอกาส
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1717 พลังและวรยุทธ์ของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ตอนที่ 1718 รอเพียงโอกาส
ตอนที่ 1717 พลังและวรยุทธ์ของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ / ตอนที่ 1718 รอเพียงโอกาส
ตอนที่ 1717 พลังและวรยุทธ์ของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเงียบไม่พูดอะไร ในใจรู้ดีว่าทำได้เพียงรอนางมาถึง
ทว่า เรื่องที่เขาไม่รู้ก็คือ แม้พวกเฟิ่งจิ่วจะมุ่งหน้ามาแปดจักรวรรดิใหญ่ แต่กลับไม่ได้มุ่งหน้ามายังจักรวรรดิเซวียนหยวน ทว่ามุ่งหน้าไปยังราชวงศ์ชื่อสุ่ยแห่งจักรวรรดินทีแดง
จักรวรรดินทีแดงตั้งแต่ที่แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไม่สำเร็จแล้วกลับไปอย่างอัปยศ ก็แค้นจักรวรรดิเซวียนหยวนมาโดยตลอด โดยเฉพาะเซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิ่งจิ่ว รัชทายาทและองค์หญิงสามแห่งจักรวรรดินทีแดงที่พลาดท่าถูกพวกเขาเล่นงานจดจำมาตลอด ด้วยเหตุนี้ ครั้นบอกว่าจะเล่นงานจักรวรรดิเซวียนหยวน จักรวรรดินทีแดงเรียกได้ว่าออกตัวแรงที่สุด
ด้วยเหตุนี้ หลังจากเดินทางมาประมาณหนึ่งเดือน กลุ่มของเฟิ่งจิ่วที่มาถึงจักรวรรดินทีแดงก่อนลักลอบเข้าไปในราชวงศ์ชื่อสุ่ย แล้วแฝงตัวสืบข่าวอยู่ในนั้น ด้านหนึ่งก็รอกวนสีหลิ่นกับตู้ฝานมาถึงด้วย
ในราชวงศ์ชื่อสุ่ย รัชทายาทชื่อสุ่ยและองค์หญิงสามกำลังหารือกับเสด็จพ่อของพวกเขาอยู่ในตำหนักใหญ่
“เสด็จพ่อ ยามนี้จักรวรรดิเซวียนหยวนถูกโจมตีจากทุกทิศ เหตุใดพวกเราไม่ฉวยโอกาสทำลายพวกเขาเสีย?” รัชทายาทชื่อสุ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“นั่นสิเพคะ เสด็จพ่อ นี่เป็นเวลาที่จะแสดงให้เห็นถึงบารมีของราชวงศ์ชื่อสุ่ยเรา ตาเฒ่าเซวียนหยวนนั่นเป็นแค่คนไร้ค่าคนหนึ่งไปแล้ว ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเขาแล้ว ตอนนี้คนที่รับมือยากที่สุดก็มีแค่เซวียนหยวนโม่เจ๋อ แต่ด้วยพลังของจักรวรรดิเรา บวกกับอีกสามจักรวรรดิ รวมถึงผู้อยู่เบื้องหลังเรา ลูกว่าโอกาสตรงหน้าไม่ควรพลาดนะเพคะ”
นึกถึงความอัปยศที่ถูกยกเลิกงานแต่งในอดีต นางก็โกรธแค้น เฟิ่งจิ่วผู้นั้น ได้ยินมาว่าเป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์เฟิ่งหวง ยามนี้ ราชวงศ์เฟิ่งหวงถูกผู้อยู่เบื้องหลังของพวกเขาล้มล้างไปแล้ว วังหลวงถล่มราบคาบ แม้แต่ตัวเฟิ่งจิ่วก็ไม่รู้หนีไปซ่อนตัวที่ใดแล้ว
ความแค้นนี้ถือว่าได้ชำระบ้างแล้ว เพียงแต่ เซวียนหยวนโม่เจ๋อผู้นั้น!
นึกถึงเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่ยังนั่งประจำการอยู่ในวังจักรวรรดิเซวียนหยวน ใจนางทั้งรู้สึกคับแค้น และชื่นชมในเวลาเดียวกัน ชายผู้นั้นไม่เพียงมีท่าทางดุจเทพเซียน ยิ่งมีความสามารถโดดเด่นเหนือคน เพียงน่าเสียดาย เขาเป็นคนตาบอด! ปล่อยโฉมสะคราญที่เพียบพร้อมทั้งฐานะตำแหน่งอย่างนางไว้ไม่ยอมคว้า กลับไปรักเฟิ่งจิ่วที่เป็นเพียงองค์หญิงของแคว้นระดับล่าง!
เขาช่วยนางลบหลู่เกียรติของพวกเขา เหยียบพวกเขาจมดิน ตั้งแต่บัดนั้น นางก็รู้แล้วว่าจักรวรรดินทีแดงของพวกเขากับจักรวรรดิเซวียนหยวนไม่อาจร่วมทางกัน! รอดูเพียงว่าใครจะเป็นฝ่ายหยัดยืนได้จนถึงตอนสุดท้าย และกลายเป็นผู้นำแปดจักรวรรดิใหญ่
ทว่าตอนนี้ พวกเขามีผู้อยู่เบื้องหลังคอยช่วยเหลือ ต้องการเป็นผู้นำแปดจักรวรรดิใหญ่ นึกดูแล้วก็คงเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
“หึๆ พวกเจ้าคิดว่าเซวียนหยวนโม่เจ๋อเป็นคนธรรมดาหรือ?” ผู้ครองแคว้นจักรวรรดินทีแดงหัวเราะในลำคอ มองโอรสและธิดาทั้งสองที่อยู่เบื้องล่ง “ตั้งแต่ที่จักรวรรดิเซวียนหยวนเกิดความขัดแย้งภายในตั้งแต่แรกๆ อ๋องหลายคนแก่งแย่งชิงดีมาจนถึงตอนนี้ พวกเจ้าดู มีใครเหลือรอดมาได้สักกี่คนกัน?”
เขาลุกขึ้นยืน สาวเดินไปกลางตำหนักใหญ่ เอามือไพล่หลังแล้วบอกว่า “อีกอย่าง ตัดเรื่องพลังและวรยุทธ์ของเขาออกไป แค่เรื่องที่เขาถูกพิษเหมันต์พันปียังอยู่มาได้จนถึงป่านนี้ พวกเจ้าน่าจะดูออกแล้ว ว่าเซวียนหยวนโม่เจ๋อผู้นี้ต่างหากคืนคนที่จัดการได้ยากที่สุด”
สองพี่น้องได้ยิน ก็อดมองหน้ากันไม่ได้ พวกเขาไม่พูดอะไร
“คนปกติหากถูกพิษเหมันต์พันปีเข้าไป พิษกำเริบสามครั้งก็ต้องตาย แต่พิษเหมันต์พันปีของเขา มาถึงตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาสั้นๆ แล้ว เขายังแก้พิษได้ พวกเจ้าว่า คนอย่างนี้ ใช่คนที่เราอยากฆ่าก็ฆ่าได้เลยเสียที่ไหน?”
ผู้ครองแคว้นจักรวรรดินทีแดงมองพวกเขาทั้งสองแวบหนึ่ง แล้วพูดต่อว่า “อีกอย่าง พวกเจ้ารู้ระดับวรยุทธ์ของเซวียนหยวนโม่เจ๋อผู้นี้หรือไม่?”
………………………………….
ตอนที่ 1718 รอเพียงโอกาส
“ระดับวรยุทธ์ของเขาหรือท”
สองพี่น้องมองหน้ากัน แล้วตอบว่า “ดูจากอายุและพรสวรรค์ของเขา เขาน่าจะอยู่ระดับเซียนเหินกระมัง!”
“ระดับเซียนเหินหรือ? หึๆๆๆ” ผู้ครองแคว้นหัวเราะเสียงต่ำ พลางส่ายหน้า “พวกเจ้าไม่รู้กระทั่งระดับวรยุทธ์ของเขา ยังคิดจะฆ่าเขา?”
ไม่รู้งั้นหรือ? นางคิดมาตลอดว่าเซวียนหยวนโม่เจ๋อเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเหิน ถึงอย่างไร ผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหินก็เป็นระดับที่สูงที่สุดที่นางเคยเจอแล้ว
“เสด็จพ่อ หรือว่าเขาไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหินหรือพ่ะย่ะค่ะ?” รัชทายาทชื่อสุ่ยกำหมัด ในใจคับแค้นและไม่อยากยอมรับ
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเป็นรัชทายาท เขาก็เป็นรัชทยาท แต่ทั้งสองแตกต่างกันมาก ราวกับว่าเขาถูกเซวียนหยวนโม่เจ๋อข่มมาตลอด จึงรู้สึกเจ็บใจนัก
“จากที่ข้ารู้มา วรยุทธ์ของเซวียนหยวนโม่เจ๋อไม่ใช่เพียงระดับเซียนเหินแน่นอน” เสียงของเขาหยุดหายไปครู่หนึ่ง แล้วบอกอีกว่า “แต่หากไม่ใช่ระดับเซียนเหิน เช่นนั้นก็อาจเป็นระดับปราชญ์เซียน เพียงแต่แม้แต่ข้าก็ยังไม่เคยเห็นปราชญ์เซียนมาก่อน”
เขาพูดอย่างทอดถอนใจ “หากฝึกวรยุทธ์จนถึงระดับปราชญ์เซียน เช่นนั้นก็ถือได้ว่าก้าวเท้าเข้าไปในแดนเซียนข้างหนึ่งแล้ว พลังของปราชญ์เซียนหนึ่งคน เทียบเท่ากับเซียนเหินถึงร้อยคนเลยทีเดียว และพลังของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ก็เป็นสิ่งที่พวกเราหวาดกลัวมาโดยตลอด เจ้าคิดว่าถึงเรามีกลุ่มอำนาจแถบเหนือแม่น้ำเป็นผู้หนุนหลัง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายจริงๆ กลุ่มอำนาจแถบเหนือแม่น้ำจะช่วยพวกเราหรือ?”
เขาส่ายหน้า บอกว่า “ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว พวกเจ้าช่างไร้เดียงสาจริงๆ พวกเรากับอีกสามจักรวรรดิร่วมมือกัน แต่ไม่มีใครกล้าลงมือจริงๆ ไม่ว่าจักรวรรดิใดลงมือ จักรวรรดินั้นจะต้องเป็นฝ่ายเสียหายมากที่สุดอย่างแน่นอน หากเราชิงลงมือก่อน จักรวรรดิของเราจะต้องเสียหายร้ายแรงที่สุด เช่นนั้นหากจักรวรรดิอื่นฉวยโอกาสลงมือ ไม่เท่ากับเราเสียแรงเปล่าเพื่อคนอื่นหรอกหรือ?”
เขาเป็นจักรพรรดิ เป็นผู้ครองแคว้น คิดได้กว้างไกลกว่าพวกเขา พวกเขามองเพียงสถานการณ์ตรงหน้า แต่เขากลับคิดถึงอนาคต
คนในกลุ่มอำนาจแถบเหนือแม่น้ำไม่ลงมือ กลับให้พวกเขาเป็นคนลงมือ สี่จักรวรรดิเองต่างฝ่ายก็ต่างเกี่ยงกัน นั่นก็เพราะไม่ต้องการสู้กับคนของตำหนักยมราชซึ่งๆ หน้า ใครที่ออกตัวคนแรก จะต้องเป็นฝ่ายตายมากที่สุดอย่างแน่นอน
“เช่นนั้นเราจะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ? หรือจะรออย่างนี้ไปตลอด?” รัชทายาทชื่อสุ่ยถามอย่างเจ็บใจ
“แน่นอนว่าไม่” ผู้ครองแคว้นจักรวรรดินทีแดงตอบ “ข้าส่งสารให้อีกสามจักรวรรดิในนามของกลุ่มกำลังแถบเหนือแม่น้ำแล้ว บอกพวกเขาว่า ให้พวกเขาแต่ละคนส่งทหารม้ามาหนึ่งกองทัพ เมื่อถึงตอนนั้น สี่จักรวรรดิเคลื่อนย้ายกองทัพโจมตีจักรวรรดิเซวียนหยวนพร้อมกัน แล้วแบ่งเขตปกครองของพวกเขาเสียเลย!”
ได้ยินอย่างนั้น รัชทายาทชื่อสุ่ยกับองค์หญิงสามลิงโลด “เสด็จพ่อ เช่นนั้นมีเรื่องอะไรให้พวกลูกทำหรือไม่? โปรดรับสั่งมาได้เลย”
ผู้ครองแคว้นจักรวรรดินทีแดงยิ้ม โบกมือ “รอไปก่อนเถิด! เมื่อถึงเวลา ย่อมต้องให้พวกเจ้าช่วยอยู่แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ / เพคะ!” ทั้งสองรับคำพร้อมกัน เห็นเสด็จพ่อเดินออกไป จึงเดินตามไปด้วย
บนกิ่งไม้เหนือตำหนัก หงส์ไฟที่แปลงร่างเป็นนกตัวน้อยเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาทั้งหมด หลังเห็นพวกเขาเดินออกไปไกล จึงกระพือปีกบินจากไป ตั้งใจจะกลับไปรายงานเฟิ่งจิ่ว
ในป่าผืนเล็กเขตชานเมืองนอกวังหลวง พวกเฟิ่งจิ่วตั้งรกรากพักผ่อนอยู่ที่นั่น กลืนเมฆาที่อยู่ข้างเฟิ่งจิ่วหรี่ตาครึ่งหนึ่ง ส่วนเหล่าไป๋ก็แปลงร่างเป็นงูขาวตัวเล็ก เลื้อยรอบกิ่งไม้และหลับอยู่บนนั้น
พวกเขาพักผ่อน รออีกสองกลุ่มที่เหลือมาถึง ทว่าในเวลานี้เอง หงส์ไฟที่แปลงร่างเป็นนกน้อยขนาดเท่ากำปั้นกระพือปีกบินกลับมา…
………………………………….