เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1737 เข้าทางประตูวัง ตอนที่ 1738 สงครามของบุริมฉาย
ตอนที่ 1737 เข้าทางประตูวัง / ตอนที่ 1738 สงครามของบุริมฉาย
ตอนที่ 1737 เข้าทางประตูวัง
“เหอะ! กลุ่มอำนาจแถบเหนือแม่น้ำจะเห็นจักรวรรดิของพวกเขาอยู่ในสายตาได้อย่างไรกัน? ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะขอความช่วยเหลือ ก็เกรงว่าจะไม่ทันแล้ว”
“ดูท่า บุริมฉายคงยากจะพ้นเคราะห์กรรมครั้งนี้ไปได้” พวกเขาพากันทอดถอนใจ มองหน้ากันแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไรอีก
ในวังหลวง
ผู้ครองแคว้นบุริมฉายสีหน้าเคร่งเครียดยืนเอามือไพล่หลังอยู่กลางตำหนักใหญ่ ฟังรายงานจากองครักษ์ชุดดำ เรียกได้ว่าสีหน้าดำทะมึนเหมือนถ่านก็ไม่ปาน ตาแก่พวกนั้นกลับเกี่ยงกัน ไม่มีใครยอมมาช่วยสักคน ดูท่าคงกลัวเพราะเรื่องที่เฟิ่งจิ่วทำในช่วงที่ผ่าน
ก็ช่างเถิด ในเมื่อพวกเขาไม่ยอมช่วย อย่างนั้นเขาก็คงต้องพึ่งพาตนเองแล้ว!
“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป! เคลื่อนพลทหารวังหลวง รักษาเมืองหลวงไว้ให้มั่น! เตรียมตัวรับศึก!”
ในเมื่อคนอื่นช่วยไม่ได้ อย่างนั้นเขาก็จะใช้กำลังพลทั้งหมดในวังหลวงเตรียมตัวรับศึก! เขาไม่เชื่อ ด้วยกำลังของจักรวรรดิบุริมฉายของเขาจะสู้กับผู้หญิงคนเดียวไม่ได้!
“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์ชุดดำรับคำ จากนั้นก็รีบออกไป
“ฝ่าบาทอย่าทรงกังวล ในเมื่อคนขากตระกูลเหล่านั้นไม่ยอมช่วยเหลือ รอจัดการพวกเฟิ่งจิ่วแล้วทำลายจักรวรรดิเซวียนหยวน ขยายอำนาจของจักรวรรดิบุริมฉายเราสำเร็จเมื่อใด ค่อยลดทอนอำนาจของตระกูลเหล่านั้นก็ยังไม่สาย” ชายชราผู้หนึ่งเดินออกมาจากข้างหลัง เขาก็คือผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหินอีกคนที่คอยติดตามผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายนั่นเอง
“ถูกต้องแล้ว! วันนี้ตาแก่พวกนั้นเอาแต่นิ่งดูดาย วันหน้าพวกเขาต้องได้รับกรรม!” ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายกล่าวเสียงเข้ม
ทว่าในตอนนี้เอง ได้ยินเสียงดังสนั่นมาจากข้างนอก ราวกับมีบางสิ่งระเบิด ทั่วทั้งวังหลวงสั่นสะเทือน ผู้ครองแคว้นบุริมฉายตะลึงพรึงเพริด
“เกิดอะไรขึ้น?” เขาตวาดถามเสียงเกรี้ยว เห็นทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างลนลาน
“ทูลฝ่าบาท กำแพงประตูวังทิศเหนือที่อยู่ติดกับภูเขาด้านหลังถูกระเบิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ เศษหินกลิ้งลงมา บนพื้นมีหลุมขนาดใหญ่หลุมหนึ่งปรากฏ กวนสีหลิ่นพากำลังคนบุกเข้ามา แล้วยังมีสัตว์คู่พันธสัญญาอีกสองสามตัว สถานการณ์อยู่เหนือการควบคุมแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“ภูตหมอเฟิ่งจิ่วตัวดี! กวนสีหลิ่นตัวดี! พวกองครักษ์เฟิ่งตัวดี!” เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ขบกรามด้วยความโมโห รีบสั่งการ “ไปกับข้า! ข้าจะทำให้พวกเขาชดใช้ด้วยชีวิต!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายเดินนำ ด้านหลังมีชายชราชุดเทาเดินตาม ยังมีทหารและองครักษ์จำนวนมากตามมาด้วย กำลังคนนับร้อยมุ่งหน้าไปยังประตูทิศเหนือ
ทว่าฝนกลุ่มคนที่เข้ามาในวังกลับไม่มีกวนสีหลิ่นกับตู้ฝาน มีเพียงหัวหน้าองครักษ์เฟิ่งทั้งแปดพาเหล่าองครักษ์ของพวกเขาและพวกหงส์ไฟเข้ามา พวกเขาบุกเข้ามารบราฆ่าฟันกับทหารที่เฝ้าอยู่ในวัง
ชั่วขณะนั้น เสียงดาบและกระบี่กระทบกัน รวมถึงเสียงคำรามของสัตว์วิญญาณดังก้องไปทั่วบริเวณ
ทว่า ในขณะที่ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายพากำลังคนมุ่งหน้าไปทางประตูทิศเหนือ ตำหนักของเขากลับถูกไฟไหม้ทั่วทิศ กวนสีหลิ่นกับตู้ฝานเก็บกวาดยาและของมีค่าในคลังเก็บของจนเกลี้ยงแล้วจุดไฟเผา เปลวเพลิงลุกลามใหญ่โต ควันดำพวยพุ่งขึ้นฟ้า
ยามผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายเห็นเปลวเพลิงและควันไฟที่สูงเสียดฟ้านั้น เขาโกรธจนตัวสั่น “เฟิ่งจิ่วบัดซบ! กล้าเผาวังบุริมฉายของข้า ข้าจะสับร่างนางให้แหลกเป็นหมื่นชิ้น!”
ในเวลานี้เอง เฟิ่งจิ่วที่สวมชุดสีแดงสะดุดตาพาฮุยหลางกับเหลิ่งหวาและเหลิ่งซวงเข้ามาทางประตูใหญ่วังหลวง แหงนหน้ามองเปลวไฟที่ลุกโชติช่วง แล้วหันไปพูดกับเหล่าทหารข้างหลัง “ลงมือเถิด!”
“ขอรับ!” เหล่าทหารรับคำ มีฮุยหลางนำกลุ่มแยกตัวออกไป มุ่งหน้าไปยังตำหนักด้านหลัง
มีเพียงเหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวาที่ติดตามเฟิ่งจิ่ว รวมพลังลอยตัว เหยียบสายลมยามค่ำคืนเหาะตามเธอไป…
………………………………….
ตอนที่ 1738 สงครามของบุริมฉาย
แม้จะเป็นเวลากลางคืน แต่ชุดสีแดงของเธอก็ยังคงสะดุดตามาก ท่าทางผึ่งผายเป็นอิสระแฝงไว้ด้วยความเย่อหยิ่งและอวดดี ชุดสีแดงส่งเสียงสวบสาบกลางสายลม ดูราวเทพเซียนบนสวรรค์ชั้นเก้าเหยียบสายลมเหาะเหินมา
ราวกับสัมผัสได้ ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายกับชายชราชุดเทาที่กำลังมุ่งหน้าไปยังประตูวังทิศเหนือพากันชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับไปมองข้างหลังอย่างไม่ได้นัดหมาย ครั้นหันกลับไป ก็เห็นเงาร่างสีแดงที่เหาะเหินเข้ามา
เด็กหนุ่มเหาะเหินเข้ามาเหนือท้องฟ้ายามราตรี ชุดสีแดงสะดุดตา เส้นผมสีหมึกปลิวไสว งดงามจนชวนให้ผู้พบเห็นตะลึงลาน ยากแยกแยะว่าเป็นชายหรือหญิง กลิ่นอายเลือนรางแต่กลับทำให้ไม่กล้ามองข้าม
ดูแล้วอายุก็ไม่เกินยี่สิบ แต่แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวนาง กลับพาให้ผู้พบเห็นอกสั่นขวัญหาย นัยน์ตากวาดมอง แฝงไว้ด้วยแรงกดดัน ทำให้ชั่ววูบหนึ่งพวกเขารู้สึกเหมือนไร้ที่ซ่อนตัว
คนคนนี้ก็คือภูตหมอเฟิ่งจิ่ว!
ได้ยินมาว่า ภูตหมอเฟิ่งจิ่วชอบสวมชุดสีแดง แม้ตัวเป็นหญิงกลับชอบแต่งกายเป็นชาย ดวงหน้างดงามล่มเมือง วรยุทธ์ลึกล้ำยากคาดเดา! หากไม่ใช่คนตรงหน้า แล้วจะเป็นใครได้อีก?
เพียงแต่ เดิมทีนึกว่าข่าวลือพวกนั้นล้วนเป็นเรื่องเกินจริง ยามนี้เห็นกับตาจึงเพิ่งรู้ เหตุใดชื่อเสียงของภูตหมอเฟิ่งจิ่วจึงได้แพร่กระจายเร็วเช่นนี้!
อายุยังน้อยก็มีวรยุทธ์อย่างนี้แล้ว ฝีมือและเสน่ห์เช่นนี้ อย่าว่าแต่หญิงสาวเลย แม้แต่ผู้ชายสมัยนี้ก็ยังมีไม่กี่คนที่เทียบกับนางได้
จักรวรรดินทีแดงล่มสลายด้วยน้ำมือนาง พูดได้ว่าไม่แปลกใจเลยจริงๆ!
ทว่า แม้จักรวรรดินทีแดงล่มสลายแล้ว แต่จักรวรรดิบุริมฉายของพวกเขาจะไม่มีวันล่มสลายเด็ดขาด! ถึงภูตหมอเฟิ่งจิ่วจะร้ายกาจอีกเพียงใด คืนนี้ เขาก็จะสังหารนางให้ได้แม้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!
“พวกเจ้าสองคนถอยไป” เฟิ่งจิ่วที่หยุดอยู่กลางอากาศหันไปบอกเหลิ่งซวงกับเหลิ่งที่อยู่ข้างหลัง เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหิน พวกเขาสองคนยังคงทนรับแรงกดดันไม่ไหว
“เจ้าค่ะ / ขอรับ” ทั้งสองรับคำ แล้วถอยไปหลบอยู่ห่างๆ ทันที
สายตาของชายชราชุดเทาจับจ้องไปที่เฟิ่งจิ่ว ดวงจิตกวาดสำรวจ แล้วหันไปพูดกับผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายว่า “ฝ่าบาท เฟิ่งจิ่วผู้นี้เป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินขั้นกลาง หากเราสองคนรวมพลังกัน จะต้องสังหารนางได้แน่!”
“ดี! เช่นนั้นก็สังหารนางให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน!” ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายตัดสินใจแน่วแน่ พลังที่กระจายอยู่รอบตัวเป็นพลังของผู้ฝึกตนระดับเซียนเหิน ในเมื่อเป็นเซียนเหินเหมือนกัน เช่นนั้นสองต่อหนึ่งย่อมต้องชนะอยู่แล้ว!
ด้วยเหตุฉะนี้ หลังจากสั่งการเหล่าทหารที่เหลือให้ไปสังหารองครักษ์เฟิ่งที่ประตูทิศเหนือเสร็จ ทั้งสองก็รวบรวมพลังลอยตัวขึ้น ขวางทางเฟิ่งจิ่วทั้งทางซ้ายขวา
“เฟิ่งจิ่ว! สวรรค์มีหนทางเจ้าไม่เดิน กลับเลือกเดินเส้นทางนรก! วันนี้ ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะเก่งกาจสักเพียงใด!” สิ้นเสียง กลางฝ่ามือของผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายปรากฏกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง หลังถ่ายเทกลิ่นอายพลังวิญญาณเข้าไปก็พุ่งจู่โจมเฟิ่งจิ่วทันที
ชายชราชุดเทาเห็นอย่างนั้น ก็รีบยกมือสองข้างรวบรวมกระแสพลังขุมหนึ่ง แล้วเหาะขึ้นกลางอากาศพุ่งเข้าไปหาเฟิ่งจิ่ว ตั้งใจจะโจมตีเธอจากสองทางซ้ายขวา!
แต่ทว่า เฟิ่งจิ่วที่มองดูสองคนนั้นประกบเข้ามาทั้งทางซ้ายและขวากลับหยักยิ้มมุมปากเบาๆ เผยรอยยิ้มชั่วร้าย “งั้นหรือ? ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน พวกเจ้าจะรับการโจมตีจากข้าได้สักกี่กระบวนท่ากัน”
มือของเธอพลิกขยับ กระบี่คมพยับที่ส่องประกายแสงสีเขียวปรากฏกลางฝ่ามือ หนำซ้ำนาทีถัดมา กลิ่นอายบนตัวกระจายออกมาอย่างไม่คิดซ่อนเร้นอีกต่อไป ปลดปล่อยแรงกดดันและพลังที่แท้จริงของเธอออกมาทันใด
แรงกดดันของปราชญ์เซียนอันแข็งแกร่งระเบิดออกมา แทบจะแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งวังหลวง กลิ่นอายปราชญ์เซียนที่ทำให้หายใจไม่ออกกระจายไปทั่ว ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิบุริมฉายและชายชราชุดเทาต่างพากันตกตะลึง เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ…
………………………………….
————————