เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1761 พลังทำนายสะท้อนกลับ ตอนที่ 1762 เป็นวาสนา มิใช่คราวเคราะห์
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1761 พลังทำนายสะท้อนกลับ ตอนที่ 1762 เป็นวาสนา มิใช่คราวเคราะห์
ตอนที่ 1761 พลังทำนายสะท้อนกลับ / ตอนที่ 1762 เป็นวาสนา มิใช่คราวเคราะห์
ตอนที่ 1761 พลังทำนายสะท้อนกลับ
ทว่า ในตอนนี้เอง ใบหน้างดงามดุจเทพเซียนของเขาค่อยๆ ซีดขาว บนหน้าผากมีเหงื่อเท่าเม็ดถั่วผุดพราย ลมปราณไม่ค่อยมั่นคง เขาพยายามฝืนทน กระทั่ง เขากางมืออีกข้างออก แล้วเทเหรียญทองแดงในกระดองเต่าดำออกกระจายทั่วพื้น เขาก็กระอักเลือดออกมา
“ผุบ!”
ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน เกือบเสียหลักล้มลงไป เขายื่นมือสองข้างออกไปยันโต๊ะ เพื่อประคองร่างกายไว้ให้มั่น ยามมองเหรียญทองแดงบนโต๊ะที่เปื้อนเลือด ก็อดตื่นตะลึงไม่ได้ เขาเบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อ…
ครั้นฟ้ามืด เหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวาเชิญทุกคนไปที่ตำหนักใหญ่ด้านหน้า คืนนี้ เพราะการมาถึงของผู้เฒ่าเฟิ่ง เซวียนหยวนโม่เจ๋อจัดงานเลี้ยง เชิญทุกคนมาร่วมครื้นเครงด้วยกัน
ซู่ซีที่หมดสติไปฟื้นหลังจากกินยา ร่างกายค่อยๆ ดีขึ้น กอปรกับเฟิ่งจิ่วบอกนางว่าพวกเสี่ยวเย่เอ๋อร์ปลอดภัยดี ในใจหมดกังวล ครั้นร่างกายผ่อนคลาย จิตใจเบิกบาน หน้าตาจึงดูสดชื่น
เฟิ่งซานหยวนมาที่นี่เป็นครั้งแรก โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเสด็จพ่อของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ จึงอยากจะฉวยโอกาสนี้ถามไถ่ ด้วยเหตุนี้ งานเลี้ยงในคืนนี้ ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิเซวียนหยวนที่ไม่ได้ออกงานมานานก็จะมาร่วมด้วย
พวกกวนสีหลิ่นหลังรู้ว่าผู้เฒ่าเฟิ่งและฮูหยินกลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีใจยิ่ง เพราะเฟิ่งจิ่วกำชับไว้แล้ว จึงไม่พูดถึงเรื่องของเสี่ยวเฟิ่งเย่แม้แต่น้อย
เรื่องที่ทำให้กวนสีหลิ่นประหลาดใจก็คือ ไม่นึกว่าจะได้เจอมู่หรงอี้เซวียนที่นี่ ได้พบกันอีกครั้งหลังจากผ่านไปหลายปี จะว่าไป ก็ช่างเป็นความรู้สึกที่ประหลาดนัก
เฟิ่งจิ่วเห็นทุกคนมากันเกือบครบแล้ว เหลือเพียงผู้ครองแคว้นจักรวรรดิเซวียนหยวนที่ยังไม่มา ทว่าพอเธอกวาดมองรอบๆ กลับไม่เห็นเงาร่างของโม่เฉิน จึงหันไปถามเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่อยู่ข้างๆ “โม่เฉินเล่า? ท่านเห็นเขาหรือไม่?”
“เหลิ่งหวาไปเชิญแล้ว น่าจะยังมาไม่ถึง” เซวียนหยวนโม่เจ๋อตอบ มองดูกลุ่มคนที่นั่งอยู่ข้างล่าง นอกจากมู่หรงอี้เซวียนแล้ว ยังมีโม่เฉินอีกคน แม้พวกเขาล้วนเก็บซ่อนความคิดไว้ แต่เขารู้ดี เฟิ่งจิ่วยอดเยี่ยมขนาดนี้ ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่คิดอะไร โดยเฉพาะโม่เฉินที่ตั้งใจมาติดตามเฟิ่งจิ่ว ไม่ยอมกลับ
ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ ลึกๆ ข้างในของเขาก็รู้สึกหึงหวง ผู้หญิงของเขา โดดเด่นและเป็นที่ดึงดูดเกินไปแล้ว
“นายท่าน ข้าไปดูอีกครั้ง” เหลิ่งที่อยู่ข้างหลังบอก ขณะกำลังจะเดินออกไป ก็เห็นเงาร่างสีขาวเดินเข้ามา จึงบอกเฟิ่งจิ่วว่า “นายท่าน คุณชายโม่เฉินมาแล้ว”
เฟิ่งจิ่วมองออกไป เห็นโม่เฉินในชุดสีขาวคล้ายหน้าซีดๆ จึงอดชะงักไม่ได้ ลอบคิดในใจ เหตุใดสีหน้าดูย่ำแย่เพียงนี้? หรือไม่สบายตรงไหน?
มู่หรงอี้เซวียนที่นั่งอยู่ข้างล่างหันมองตามสายตาของเฟิ่งจิ่ว ลอบมองพิจารณาโม่เฉินเงียบๆ คนผู้นี้ก็คือโม่เฉิน ศิษย์ของผู้เฒ่าเทียนจี?
“ขออภัย มาสายเสียแล้ว” โม่เฉินเดินมาหยุดตรงหน้าเซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิ่งจิ่ว พยักหน้าน้อยๆ รอยยิ้มแฝงแววขอโทษขอโพย
“ไม่เป็นไร” เฟิ่งจิ่วตอบ เห็นเขาหน้าซีดจึงถาม “ท่านไม่สบายหรือ? เหตุใดหน้าดูซีดๆ?”
ได้ยินอย่างนั้น โม่เฉินยิ้มแล้วส่ายหน้า “ไม่เป็นไร” เอ่ยจบ ก็หันไปมองทางมู่หรงอี้เซวียนและพวกเฟิ่งซานหยวน
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วลุกขึ้น “ข้าแนะนำให้ท่านรู้จักหน่อยก็แล้วกัน! นี่คือท่านปู่และท่านย่าของข้า ท่านนี้คือมู่หรงอี้เซวียน ครั้งนี้ต้องขอบคุณเขาที่ช่วยชีวิตท่านปู่กับท่านย่าของข้าไว้”
………………………………….
ตอนที่ 1762 เป็นวาสนา มิใช่คราวเคราะห์
“โม่เฉินคารวะผู้เฒ่าเฟิ่ง ฮูหยินเฟิ่ง” โม่เฉินประสานมือคารวะทั้งสอง
“คุณชายโม่เฉินไม่ต้องมากพิธี” เฟิ่งซานหยวนรีบทำท่าประคอง “หลานสาวข้าอยู่ข้างนอก รบกวนสหานเช่นพวกท่านดูแลมากหน่อย”
“สหายช่วยกันย่อมเป็นเรื่องธรรมดา” โม่เฉินยิ้มรับ หันมองมู่หรงอี้เซวียน “คุณชายมู่หรง ได้ยินชื่อเสียงมานาน”
“ไม่นึกว่าวันนี้จะได้พบคุณชายโม่เฉินที่นี่ ได้ยินมิสู้พบหน้าจริงๆ เป็นผู้ที่มีราศีดุจเทพเซียนจริงๆ” มู่หรงอี้เซวียนลุกขึ้น ประสานมือคารวะ
ได้ยินอย่างนั้น โม่เฉินยิ้มๆ “คุณชายมู่หรงชมเกินไปแล้ว”
“ฝ่าบาทเสด็จ!” เสียงทหารรายงาน ทุกคนหันกลับไป เห็นผู้ครองแคว้นจักรวรรดิเซวียนหยวนในชุดหรูหราสภาพดูแก่ชราเล็กน้อยเดินเข้ามาโดยมีทหารสองนายคอยประคอง
ทุกคนยืนขึ้น คารวะไปทางเขา “ถวายบังคมฝ่าบาท”
“ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี นั่งเถิด นั่ง!” ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิเซวียนหยวนพยักหน้า ให้ทุกคนนั่งลง จากนั้นก็เดินไปยังตำแหน่งประธาน หันมองคู่สามีภรรยาเฟิ่งซานหยวนที่อยู่ด้ายซ้ายเบื้องล่าง
“สองท่านคงเป็นท่านปู่และท่านย่าของเสี่ยวจิ่วกระมัง” เห็นพวกเขาสองคนยังหนุ่มยังสาวเช่นนี้ เขาอดลอบถอนใจไม่ได้ เฟิ่งซานหยวนอายุเกือบร้อยปีแล้ว แต่เพราะระดับวรยุทธ์ กลับมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์เช่นนี้ หากวรยุทธ์ของเขาไม่ถูกทำลาย เขาก็คงไม่ต้องอยู่ในสภาพแก่ชราเช่นนี้
“ใช่แล้ว” เฟิ่งซานหยวนพยักหน้า มองเขาแล้วถามด้วยความห่วงใย “ฝ่าบาททรงดีขึ้นบ้างหรือไม่?”
“ดีขึ้นมากแล้ว โชคดีที่มีเสี่ยวจิ่วอยู่ ไม่เช่นนั้น…” เขาส่ายหน้ายิ้มๆ สายตาที่มองเฟิ่งจิ่วเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง หากไม่มีนาง ตอนนี้เขาก็คงไม่ต่างจากคนที่รอความตาย จะมีโอกาสรักษาแก่นพลังในให้หายดี และกลับสู่เส้นทางผู้ฝึกเซียนอย่างนี้อีกที่ไหนกัน?
“ฝ่าบาทไม่ต้องห่วง วิชาแพทย์และวิชาปรุงยาของเสี่ยวจิ่วล้วนยอดเยี่ยม มีนางอยู่ ท่านจะต้องกลับไปหายดีเหมือนเดิมได้แน่” เฟิ่งซานหยวนพูดปลอบ ในใจก็คิดเช่นนั้น
พวกเขาแม้ผ่านความเป็นความตายมา แต่กลับไม่ถูกทำลายวรยุทธ์เหมือนผู้ครองแคว้นท่านนี้ หากถูกทำลายวรยุทธ์ ด้วยอายุของพวกเขา เกรงว่าคงทนรอจนแม่หนูเฟิ่งมาช่วยไว้ไม่ทัน
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเชื่อนาง” ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิเซวียนหยวนพยักหน้ายิ้มๆ หันไปมองทุกคน แล้วบอกว่า “คืนนี้ฉลองที่ผู้เฒ่าเฟิ่งกับฮูหยินกลับมาอย่างปลอดภัย ทุกคนกินดื่มให้เต็มที่ ไม่ต้องสนใจพิธีรีตอง”
ด้วยประการฉะนี้ เขาสั่งให้บ่าวรับใช้เทสุราให้ทุกคน เมื่อทุกคนยกจอกดื่มคารวะกัน บรรยากาศก็พลันครึกครื้นขึ้นมา
ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ผู้ครองแคว้นจักรวรรดิเซวียนหยวนไม่ได้อยู่ร่วมงานนานนัก เขาเพียงอยู่ดื่มสุรากับทุกคนไม่กี่จอกก็ขอตัวกลับก่อน เพราะก่อนหน้านี้ เฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อได้มอบยารักษาแก่นพลังในให้เขาแล้ว คืนนี้นอนพักผ่อนดีๆ สักคืน พรุ่งนี้ค่อยกินยา จากนั้นก็เก็บตัวปรับสมดุลลมปราณก็ได้แล้ว
ค่ำคืนนี้ ทุกคนสุขสมเปรมปรีดิ์ มีเพียงผู้เฒ่าเฟิ่งที่มิอาจทำใจให้เบิกบานขึ้นมาได้ ถึงอย่างไร ทุกครั้งที่เขานึกถึงเรื่องของเฟิ่งเย่ลูกชายเขากับหยางหยาง หัวใจก็เจ็บปวดรวดร้าว เพียงแต่ เพื่อไม่ให้ซู่ซีเป็นห่วง เขาทำได้เพียงฝังความเจ็บปวดนี้ไว้ในใจ ค่ำคืนนี้ เขาดื่มจนเมามาย…
โม่เฉินเพราะมัวแต่นึกถึงเรื่องที่เขาทำนายเมื่อครู่ จิตใจก็เคร่งเครียดยากผ่อนคลาย เพราะถูกพลังทำนายสะท้อนกลับจึงรู้สึกไม่ค่อยสบาย เขาไม่ได้ดื่มสุรามาก เพียงกินของว่างบ้างเล็กน้อย ฟังทุกคนพูดคุยกัน กระทั่งกลางดึกทุกคนกล่าวลาและแยกย้าย เขามองเฟิ่งจิ่วที่เมามาย มีเซวียนหยวนโม่เจ๋อคอยประคองแวบหนึ่ง แล้วลุกขึ้นกลับตำหนักไป
………………………………….