เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1785 ฉวยโอกาสจากไปยามดึก / ตอนที่ 1786 เพิ่งรู้
ตอนที่ 1785 ฉวยโอกาสจากไปยามดึก / ตอนที่ 1786 เพิ่งรู้
ตอนที่ 1785 ฉวยโอกาสจากไปยามดึก
เธอมองท้องฟ้าข้างนอก แม้ท้องฟ้าจะเริ่มมืด เวลาล่วงสู่กลางคืนแล้ว แต่หากจากไปตอนนี้ ก็เป็นเวลาที่พอดี
ด้วยเหตุนี้ จึงหันไปบอกมู่หรงอี้เซวียนที่อยู่ข้างกาย “อาจารย์ของท่านฟื้นแล้ว หลังกินยาพิษในร่างกายก็แก้หมดแล้ว เช่นนั้นข้าคงไม่อยู่ต่อ ขอตัวลาตรงนี้เลยก็แล้วกัน!”
ได้ยินอย่างนั้น มู่หรงอี้เซวียนตะลึงเล็กน้อย “เจ้าจะไปแล้วหรือ? ตอนนี้?”
เธอพยักหน้า “อืม อย่างไรอยู่นี่ไปก็ไม่มีอะไรทำแล้ว แต่ในเมื่อมาถึงนี่แล้ว ก็ขอไปสำรวจรอบๆ ก่อนก็แล้วกัน!”
ได้ยินอย่างนั้น เขาพูดอย่างไม่ค่อยวางใจ “ตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ถึงจะไปก็ควรไปพรุ่งนี้จะดีกว่ากระมัง! ฟ้ามืดเดินทางลำบาก ซ้ำเจ้ายังตัวคนเดียว ข้าจะวางใจให้เจ้าจากไปคนเดียวได้อย่างไร?”
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “ใช่ว่าไม่เคยเดินทางตอนกลางคืน เอาล่ะ ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน! ท่านส่งข้าออกจากสำนักเถิด! ไปถึงข้างนอกข้าย่อมเดินทางลำพังได้”
เห็นเธอตัดสินใจจะไปอย่างแน่วแน่ เขาถอนหายใจ ไม่ถามอะไรมากอีก เพียงกำชับองครักษ์ชุดดำข้างหลังให้อยู่เฝ้าข้างกายอาจารย์ของเขา แล้วจึงค่อยส่งเฟิ่งจิ่วไปยังประตูใหญ่ของสำนัก
พวกเขาขี่กระบี่บินออกไป ฟ้าค่อยๆ มืดลง จึงไม่เป็นที่สังเกตของคนอื่นในสำนัก ครั้นมู่หรงอี้เซวียนส่งเธอออกจากประตูสำนัก จึงถาม “อย่างนั้นต่อจากนี้เจ้าจะไปไหน? มีแผนแล้วหรือยัง?”
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ มองถนนข้างหน้า ตอบว่า “คงสำรวจไปทั่วก่อน อย่างไรที่นี่ก็กว้างใหญ่มาก ถึงไหนก็ถึงกัน” พูดจบ เธอหันกลับมาบอกเขา “ท่านกลับไปเถิด! ข้าจะไปแล้ว” จากนั้น เธอโบกมือ สาวเท้าเดินไปข้างหน้า
มู่หรงอี้เซวียนจ้องเงาร่างทรงเสน่ห์ที่จากไปด้วยสายตาลึกซึ้ง ชุดสีแดงนั่น แม้จะอยู่ในยามค่ำคืนก็ยังโดดเด่นสะดุดตา มองดูเสน่ห์ของเธอที่เผยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ สายตาของเขาไหวระริก ประกายมืดมนพาดผ่านดวงตา ทำได้เพียงพึมพำเบาๆ “เดินทางปลอดภัย”
บางครั้งเขาก็อดคิดไม่ได้ หากตอนนั้นเขาไม่ได้จำคนผิด หากตอนนั้นเขาไม่ได้ถอนหมั้นกับนาง จะมีจุดจบเช่นนี้หรือไม่?
ทว่า ทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดนาง เขาเข้าใจเสมอ นางก็คือเฟิ่งจิ่ว นางไม่ใช่เฟิ่งชิงเกอ เธอที่เป็นเฟิ่งจิ่ว ทั้งเย่อหยิ่ง และมั่นใจ ทั้งทรงเสน่ห์ และทำอะไรตามใจ แม้ตอนนั้นไม่ถอนหมั้น หากเขาไม่ได้อยู่ในใจนาง อย่างไรเขากับนางก็ไม่มีทางเป็นคู่กัน
เฟิ่งชิงเกอเป็นคนเช่นไร? ชั่วเวลาเพียงไม่กี่ปี เขาราวกับลืมเรื่องราวในอดีตไปจนสิ้น สิ่งที่จำได้ มีเพียงเฟิ่งชิงเกอที่กลายเป็นเฟิ่งจิ่วไปแล้ว…
บางที อาจเหมือนที่เฟิ่งจิ่วว่า เขารักเฟิ่งชิงเกอ แต่กลับรักไม่มากพอ ไม่เช่นนั้น จะจำไม่ได้ได้อย่างไรว่าคนข้างกายคือนางในดวงใจเขาหรือไม่?
ในโลกนี้ บางครั้งความรักที่พลาดไปแล้ว ก็คือพลาดไปแล้ว แม้เขาจะมีใจอยากรั้ง ก็มิอาจรั้งไว้ได้…
เขาส่ายหน้ายิ้มๆ เดิมนึกว่าปล่อยวางได้แล้ว กลับนึกไม่ถึง ในใจยังคงมีความคิดถึง เขาเก็บซ่อนอารมณ์ แล้วหมุนตัวเดินกลับไป
ในขณะเดียวกัน เจ้าสำนักและผู้อาวุโสรวมถึงเหล่าเจ้าเขาที่ได้ยินข่าวมารวมตัวกันที่ยอดเขาหลัก เห็นหน้าจวนถ้ำมีเฮยเฟิ่งยืนเฝ้าอยู่ กลับไม่เห็นเงาร่างของมู่หรงอี้เซวียน พวกเขาอยากเข้าไป แต่กลับถูกขวางไว้ก่อน
“ท่านเซียนหลับไปแล้ว ภูตหมอกำชับไว้ว่าห้ามรบกวนขอรับ” เฮยเฟิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เขาฟื้นแล้วจริงหรือ? แก้พิษได้แล้ว? คุณชายของเจ้าเล่า? แล้วก็เฟิ่งจิ่วผู้นั้นอีก? เหตุใดพวกข้าไม่เห็นเลย?” เซียนผู้หนึ่งถาม พลางมองหาสองคนนั้นไปทั่ว
“ข้าอยู่นี่ขอรับ” เสียงของมู่หรงอี้เซวียนดังมาจากด้านหลังของพวกเขา
………………………………….
ตอนที่ 1786 เพิ่งรู้
ทุกคนได้ยินเสียงก็หันกลับไปมอง เห็นเขาเดินมาจากข้างหลังพวกเขา ก็อดประหลาดใจไม่ได้ “นี่เจ้าไปไหนมา?”
มู่หรงอี้เซวียนคารวะทุกคน ก่อนจะตอบว่า “ข้าไปส่งเฟิ่งจิ่วไปจากที่นี่ ทุกท่านอยากเข้าไปเยี่ยมท่านอาจารย์ของข้าหรือ? เมื่อครู่เขาฟื้นขึ้นมา แต่เพราะร่างกายยังอ่อนแอมากจึงเพิ่งหลับไป ทุกท่านมิสู้มาใหม่พรุ่งนี้ พรุ่งนี้เขาน่าจะมีเรี่ยวแรงมากขึ้นแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น เจ้าสำนักจึงถาม “อาจารย์ของเจ้าฟื้นแล้วจริงหรือ? พิษในร่างถูกแก้แล้ว? ไม่เป็นไรแล้วหรือ?”
“ฟื้นแล้ว พิษก็แก้แล้ว ร่างกายยังอ่อนเพลียอยู่ จำต้องพักฟื้นสักช่วงจึงจะหายดี” สายตากวาดมอง เห็นหมอคนนั้นไม่อยู่ในกลุ่มคน จึงกล่าวต่อว่า “แล้วก็ให้หมอของสำนักเราตรวจอาการแล้ว เจ้าสำนักไม่ต้องห่วง”
“แล้วปล่อยให้ภูตหมอไปทั้งอย่างนี้ได้อย่างไรกัน? ในเมื่อยังไม่หายดี ก็น่าจะรั้งเขาไว้จนกว่าจะหายดี! ครานี้ไปแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นอีกจะไปตามตัวคนได้ที่ไหน?” เจ้าสำนักขมวดคิ้วเล็กน้อย กังวลว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้นอีก
มู่หรงอี้เซวียนยิ้มๆ บอกว่า “ไม่แน่นอนขอรับ หมอบอกว่าพิษถูกแก้แล้ว อาการบาดเจ็บภายในก็กำลังฟื้นตัว ตอนนี้เหลือก็แต่เวลาในการพักฟื้นเท่านั้น อีกอย่าง เฟิ่งจิ่วจะไป ข้าเองก็ไม่อาจฝืนใจเขาได้”
“พวกเจ้าสองคนไปดูกับข้าแล้วกัน! คนอื่นกลับไปก่อน อย่ารบกวนการพักผ่อนของเซียนหยวนชิง” เจ้าสำนักบอก พยักหน้าให้มู่หรงอี้เซวียนกับชายชราตามเขาไป
“เดี๋ยวๆๆ ผู้เฒ่าเองก็จะเข้าไปดูด้วย”
พลันนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ทุกคนได้ยินก็ตะลึง หันกลับไปดู ก็เห็นเงาร่างหนึ่งเดินเซเข้ามา ใบหน้าดูมึนเมาเล็กน้อย ฝีเท้ายามก้าวเดินตุปัดตุเป๋ไม่มั่นคง
“ตาเฒ่าสติไม่ดี? เจ้ามาทำอะไร?” เจ้าเขาคนหนึ่งเห็นว่าเป็นเขา จึงถาม
ชายแก่ในชุดสีเทาเดินโซซัดโซเซเหล่มองเขาแวบหนึ่ง ยิ้มจนตาหยี พลางตอบว่า “แน่นอนว่ามาดูเฟิ่งซิงน่ะสิ! ไม่เช่นนั้น เจ้านึกว่าข้าจะมาดูเจ้าหรืออย่างไร?”
ได้ยินอย่างนั้น เจ้าเขาคนนั้นหน้าบึ้งตึง “ตาเฒ่าสติไม่ดี คงดื่มเหล้าเข้าไปไม่น้อยอีกแล้วกระมัง? พูดจาบ้าบอไร้สาระไม่หยุด เจ้าสำนัก ท่านดูเขา ทั่วทั้งตัวมีราศีของเจ้าเขาอยู่เสียที่ไหนกัน!”
“ฮี่ๆๆ เจ้าอย่าเอาแต่พูดดี! เจ้าขโมยเหล้าวิญญาณของข้าไปสิบไห อย่าลืมหาเวลามาคืนข้าด้วยเล่า” ชายแก่ผู้นั้นหัวเราะ พลางเดินเซมาหยุดอยู่ตรงหน้ามู่หรงอี้เซวียน “เฟิ่งซิงเล่า? ข้าอยากเห็นว่าหน้าตาเป็นอย่างไร”
เจ้าสำนักที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งสะดุดใจ ตั้งแต่เมื่อครู่ที่ชายแก่พูดถึงเฟิ่งซิงเขาก็ตะลึงงันแล้ว เฟิ่งซิง? สำนักบุปผาเซียนของพวกเขาเคยมีเฟิ่งซิงมาเยือนเสียที่ไหนกัน? เฟิ่งซิงผู้นั้นไหนว่าอยู่ในสำนักตะวันฉายมิใช่หรือ? ขณะกำลังคิด ก็ได้ยินเสียงของมู่หรงอี้เซวียนดังมา
“เฟิ่งจิ่วไปแล้ว ข้าเพิ่งไปส่งนาง”
“หมายความว่าอย่างไร? เหตุใดข้าฟังไม่ค่อยเข้าใจนัก?” เจ้าสำนักขมวดคิ้วถาม สายตาจับจ้องไปที่มู่หรงอี้เซวียน
“เจ้าโง่หรือไร! มาถึงนี่แล้วยังปล่อยให้นางไปอีก? ดูท่า เจ้าคงไม่ได้บอกพวกเขาว่าคนที่ช่วยอาจารย์ของเจ้าก็คือเฟิ่งซิงกระมัง?” ตาเฒ่าสติไม่ดีเบิกตากว้าง พลางสะอึกเพราะความเมา เดิมทีเขาอยากมาดูว่าเฟิ่งซิงหน้าตาเป็นอย่างไร ใครจะรู้ว่าคนกลับไปเสียแล้ว? หายากที่เขาจะทายแม่นสักครั้ง นึกไม่ถึงกลับพลาดโอกาสได้เจอหน้าไปเสียแล้ว
นึกมาถึงตรงนี้ เขาส่ายหน้า หันตัวเดินกลับอย่างหมดสนุก “ในเมื่อคนไม่อยู่ เช่นนั้นก็ช่างเถิด ข้ากลับไปดื่มเหล้าต่อดีกว่า”
เห็นเขาไปแล้ว เจ้าสำนักกับเหล่าเจ้าเขามองหน้ากัน ก่อนจะพร้อมใจหันไปหามู่หรงอี้เซวียน “เรื่องนี้ เจ้าควรต้องอธิบายให้พวกข้าฟังอย่างละเอียดหน่อยหรือไม่?”