เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1787 ปลอมตัวเดินทาง / ตอนที่ 1788 เพลิดเพลิน
ตอนที่ 1787 ปลอมตัวเดินทาง / ตอนที่ 1788 เพลิดเพลิน
ตอนที่ 1787 ปลอมตัวเดินทาง
ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะปิดบังพวกเขา หนำซ้ำตอนนี้คนของสำนักมารก็ไม่ประสงค์ดีกับเฟิ่งซิง เขาเองก็หวังว่าสำนักของเขาจะสามารถช่วยเหลือเฟิ่งจิ่วได้ในโอกาสที่เหมาะสม ด้วยเหตุนี้ มู่หรงอี้เซวียนชะงักไปเล็กน้อย แล้วตอบพวกเขาว่า “เฟิ่งจิ่วก็คือเฟิ่งซิง”
“มีหลักฐานใด?” เจ้าสำนักถามคำถามที่ทุกคนอยากรู้
มู่หรงอี้เซวียนยิ้มๆ “ศิษย์ของผู้เฒ่าเทียนจีสนิทสนมกับนาง อีกทั้งข้ารู้ว่าอยู่แล้วว่าเป็นนาง หากอยากได้หลักฐาน ข้าไม่มีหรอกขอรับ”
เรื่องบางอย่างที่เขารู้ ไม่อาจนำมาบอกพวกเขาได้ ด้วยเหตุนี้ เขามั่นใจได้ พวกเขาอาจไม่เชื่อ แต่หลังจากบอกพวกเขาแล้ว เขาเชื่อว่าพวกเขาจะไปตรวจสอบเอง
“ในเมื่อรู้ว่านางคือเฟิ่งซิง เหตุใดเจ้ายังปล่อยให้นางไปอีก? หรือไม่รู้ว่าพักนี้สำนักมารต้องการจะกำจัดนาง ปล่อยให้นางออกไปลำพัง หากตกไปอยู่ในมือของพวกนั้น มิเท่ากับอันตรายหรอกหรือ?” เจ้าสำนักขมวดคิ้วตำหนิ ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “นางคงยังไปได้ไม่ไกลนัก เจ้ารีบพาคนไปรับนางกลับมาเสีย”
“ใช่แล้ว พากลับมาแล้วพวกเราย่อมตรวจสอบได้ว่านางใช่หรือไม่ใช่เฟิ่งซิง” เซียนผู้หนึ่งเอ่ยเสริม
“ไป! ข้าไปกับเจ้า” เซียนอีกคนก็หันมาพูดกับมู่หรงอี้เซวียน
ทว่า มู่หรงอี้เซวียนกลับส่ายหน้า “ไม่มีประโยชน์ พวกท่านไม่รู้จักเฟิ่งจิ่ว นางเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง มีเพียงเรื่องที่นางอยากทำนางจึงจะทำ ไม่เคยมีใครบังคับนางให้ทำอะไรได้ นางอยากจากไป เราไม่มีทางรั้งนางไว้ได้”
“พวกเราอยากรั้งนางไว้ไม่ใช่เพื่อจะทำร้ายนางเสียหน่อย” เจ้าเขาคนหนึ่งพูดขึ้น
มู่หรงอี้เซวียนยิ้มๆ เอ่ยเสียงอ่อนโยน “ฉะนั้นข้าถึงได้บอกว่าไม่มีประโยชน์อย่างไรเล่า หากนางอยากอยู่ต่อ นางย่อมอยู่ต่อเอง นางไม่อยากอยู่ แม้เราจะทำไปด้วยความหวังดี นางก็จะไม่อยู่ อีกอย่าง ถึงจะตามไปตอนนี้ ก็ใช่ว่าจะหานางเจอ”
พวกเขารู้ความสามารถของเฟิ่งจิ่วน้อยเกินไป พวกเขาไม่รู้ว่าเฟิ่งจิ่วเป็นคนอย่างไร จึงได้พูดคำพูดอย่างนั้นออกมา
หากนางเป็นคนที่ยอมให้คนอื่นปกป้องโดยไม่มีความคิดเป็นของตนเอง นางก็คงไม่ใช่เฟิ่งจิ่วแล้ว
ได้ยินอย่างนั้น ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง ชั่วขณะหนึ่งไม่รู้จะพูดอย่างไรดี สุดท้ายเจ้าสำนักถอนหายใจ “เช่นนั้นก็ปล่อยนางไปเถิด! แต่ข่าวนี้ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด ตั้งแต่ที่ข่าวลือเรื่องเฟิ่งซิงยึดครองโลกกระจายออกไป กลุ่มอำนาจใหญ่หลายกลุ่มก็เริ่มเคลื่อนไหว บ้างก็อยากสังหารนาง บ้างก็อยากดึงนางเข้าสำนักมาร แม้เราจะมีใจอยากป้องกัน แต่ดูท่าทางแล้ว สถานการณ์เหมือนจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราหวัง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ปล่อยนางไปก็แล้วกัน!”
“เจ้าสำนักวางใจเถิดขอรับ! นางไม่ใช่คนธรรมดา ไม่มีทางเดินเส้นทางธรรมดา ไม่จำเป็นต้องห่วงนาง” มู่หรงอี้เซวียนเอ่ยเสียงอ่อนโยน
เจ้าสำนักพยักหน้า โบกมือสั่งให้ทุกคนแยกย้าย ส่วนตนเองกับชายชราผู้ติดตามเข้าไปดูอาการเซียนหยวนชิงครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยกลับ…
ส่วนทางเฟิ่งจิ่ว เหมือนที่มู่หรงอี้เซวียนบอก หลังจากที่เธอออกจากอาณาเขตสำนักบุปผาเซียน ก็ฉวยโอกาสเข้าไปในห้วงมิติตอนกลางคืน เปลี่ยนเสื้อผ้า และแปลงโฉม แม้จะแปลงโฉมเป็นผู้ชายเหมือนเดิม แต่กลับไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว ยามนี้ แม้จะเป็นมู่หรงอี้เซวียนยืนอยู่ตรงหน้า ก็เกรงว่าจะจำไม่ได้ว่านี่ก็คือเฟิ่งจิ่ว
เธอสะพายตะกร้าเก็บสมุนไพรขึ้นหลัง สวมชุดสีเขียว หน้าตาสะอาดสะอ้าน เก็บซ่อนระดับวรยุทธ์ไว้ ดูแล้วก็เหมือนเด็กหนุ่มเก็บสมุนไพรธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
………………………………….
ตอนที่ 1788 เพลิดเพลิน
เธอที่ผ่านการแปลงโฉมมาแล้ว พึงพอใจกับการแต่งหน้าและแต่งตัวอย่างนี้มาก กลับไม่ได้รีบร้อนออกไป เพียงพักผ่อนอยู่ในห้วงมิติ เตรียมออกเดินทางรุ่งสางพรุ่งนี้
เช้าตรู่วันต่อมา ท้องฟ้าเริ่มสว่าง เธอออกมาจากห้วงมิติ เดินเท้าอยู่กลางป่าเขา เด็ดหญ้าไปพลาง สาวเดินลงไปตามถนนภูเขาเพื่อเข้าเมืองไปพลาง
ท่ามกลางป่าเขาในยามเช้าตรู่ เสียงนกร้องร้อง เสียงใบไม้เสียดสี อากาศบริสุทธ์กระจายไปทั่วป่า เธอเดินทอดน่อง พลางฮัมเพลงเบาๆ พลันนั้น เหลือบเห็นเงาไก่ป่าไหวผ่านพุ่มหญ้าด้านหนึ่งแวบๆ ก็อดชะงักเท้าไม่ได้
“นี่เนื้อเดินมาหาถึงที่เลยหรือ” เธอพึมพำ สายตาจับจ้องไก่ป่าสองตัวที่โฉบผ่านไป
ไก่ป่าสองตัวนั้นไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายเลย วิ่งไปได้ระยะหนึ่งก็หยุด สอดส่องไปรอบๆ แล้วใช้กรงเล็บเขี่ยพื้น คล้ายกำลังหาอาหาร
ทว่าในตอนนั้นเอง เฟิ่งจิ่วเห็นว่ารอบๆ ไม่มคน จึงเอาตาข่ายดำออกมาจากห้วงมิติ ย่องไปข้างหน้าเบาๆ เหวี่ยงแหในมือไปข้างหน้า คลุมไก่ป่าสองตัวนั้นไว้มิด
“เสร็จข้า!”
เธอก้าวออกมาอย่างดีใจ จับหนึ่งในนั้นขึ้นมา อีกตัวใช้ตาข่ายดำห่อแล้วโยนใส่ตะกร้าหญ้าที่เธอแบกไว้ข้างหลัง หากิ่งไม้แห้งและใบไม้แห้งบริเวณใกล้ๆ จากนั้นก็หาพื้นที่โล่งกว้างจัดการไก่ป่า ตั้งใจว่าตอนเช้าและตอนเที่ยงจะกินไก่ป่าย่าง
ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา กลิ่นหอมของเนื้อย่างกระจายไปทั่วบริเวณ หลังย่างไก่จนสุก เฟิ่งจิ่วใช้เท้าเขี่ยดินกลบไฟให้ดับ จากนั้นก็ถือไก่ย่างเดินไปตามถนนภูเขา พลางฉีกเนื้อไก่ย่างกินไปด้วย
ความรู้สึกยามเดินไปด้วยกินไปด้วยในป่าเขาเช่นนี้ช่างแปลกใหม่ กอปรกับตอนนี้เธอไม่มีจุดหมายปลายทาง เดินทอดน่องเพลินๆ อารมณ์ผ่อนคลาย แถมยังมีอาหารเลิศรสอยู่ในมือ อารมณ์จึงต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
ขณะเดินไปตามเส้นทางเล็กๆ สองมือเต็มไปด้วยน้ำมันไก่เพราะฉีกเนื้อไก่ย่างกิน เรียกได้ว่าสภาพไม่ค่อยน่าดูนัก แต่เธอกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย กระทั่งกินไก่ไปเกือบครึ่งตัว แล้วเรอออกมาเสียงดัง เธอจึงห่อที่เหลือแล้วเก็บ ก่อนจะเร่งฝีเท้า เดินไปตามเสียงน้ำที่ได้ยิน ตั้งใจจะล้างคราบมันออกจากมือ
น้ำใสไร้ปลา ลำธารกลางเขาไหลลงมาจากข้างบน ใสจนเห็นก้นน้ำ มีเพียงใบไม้ที่ร่วงลงมาลอยอยู่เหนือผิวน้ำไม่กี่ใบ น้ำกลางเขาเย็นสบายสดชื่น หลังจากล้างมือเสร็จ เธอก็ล้างหน้าต่อ ไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าใบหน้าที่ผ่านการแปลงโฉมมาจะหลุดลอก คิดจะลบการแปลงโฉม เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของเธอ ยังต้องใช้ยาน้ำของเธอถึงจะได้
“ฮู่ว! อิ่มจัง” เธอนั่งลงบนก้อนหิน ถอดรองเท้าแล้วยื่นเท้าลงไปแช่ในน้ำ ทว่า ในตอนนี้เอง เธอที่กำลังหรี่ตาฟังเสียงกิ่งไม้และเสียงนกร้องสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของคนที่กำลังใกล้เข้ามา
“เจ้าเด็กนี่ อยู่เหนือน้ำเหตุใดจึงเอาเท้าจุ่มลงไปในน้ำเช่นนี้? ไม่น่าเล่าตอนข้าใส่น้ำอยู่ข้างล่าง เห็นคราบมันลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ที่แท้ก็เป็นฝีมือของเจ้านี่เอง”
ได้ยินเสียงไม่พอใจดังมา เฟิ่งจิ่วหดเท้าขึ้นมาพลางเช็ดน้ำแล้วใส่รองเท้า ก่อจะหันกลับไปมองผู้มา เห็นผู้มาเป็นชายอายุประมาณสามสิบห้า แต่งกายเรียบง่าย หน้าตาดูซื่อสัตย์ ทว่าในดวงตากลับมีแววขุ่นเคือง
เห็นอย่างนั้น เธอเอ่ยอย่างขอโทษ “ขอโทษด้วย ข้านึกว่าแถวนี้ไม่มีคนอยู่ ถึงได้ล้างมือหลังกินอาหารที่นี่”
ขณะเอ่ย ในสมองมีภาพหนึ่งผุดขึ้น คงไม่ใช่คนผู้นี้กำลังกรอกน้ำล้างเท้าของเธอใส่ขวดอยู่ข้างล่างนั่นหรอกนะ? มุมปากของเธอกระตุกอย่างอดไม่ได้