เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1793 เสียงคำราม / ตอนที่ 1794 มีเรื่องด้วยไม่ได้
ตอนที่ 1793 เสียงคำราม
“ไม่หรอกๆ ข้าจะถือสาได้อย่างไรกันเล่า!” เฟิ่งจิ่วรีบโบกมือ แล้วยิ้มเหยเก “ข้าเผลอเฆี่ยนมือชายร่างใหญ่ผู้นั้น ท่านลุงลู่ต่างหากอย่าถือสาข้า ที่จริงนั่นเป็นการตอบสนองโดยสัญชาตญาณทั้งนั้น”
“อ้อ? เพราะเหตุใด?” นายท่านลู่ถามอย่างสนใจ
“ก็ข้าอาศัยอยู่ในเขาใช่ไหมขอรับ? ทุกครั้งที่ข้าย่างเนื้อ มักมีสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยฉวยโอกาสตอนข้าไม่ระวังฉกฉวยสิ่งของข้างกายข้าไป ข้ามักจะเฆี่ยนตีพวกมันเสมอ ทำไปทำมาก็เลยกลายเป็นความเคยชิน” ขณะอธิบาย เธอโรยเครื่องเทศใส่ไก่ย่างเพิ่มอีก พลางเอ่ยว่า “ท่านลุงลู่ ท่านก็ไม่ต้องเป็นห่วงไป เครื่องเทศเหล่านี้เป็นเครื่องหอม ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย”
“อ้อ ที่แท้ก็อย่างนี้เอง” เขาพยักหน้า กลับไม่กลัวว่าเด็กหนุ่มจะวางยาลงในเนื้อย่างชิ้นนี้ เพราะทำอย่างนั้นไปก็ไม่ได้มีผลดีต่อเขา
ทั้งสองพูดคุยไปพลาง ไม่นาน เฟิ่งจิ่วก็โรยเครื่องหอมอย่างสุดท้ายลงไป จากนั้นก็ฉีกน่องไก่ข้างหนึ่งยื่นให้เขา “ได้ที่แล้ว ท่านลุงลู่ลองชิมดูเถิด!”
“ได้” เขายิ้ม แล้วรับไปทำท่าจะกิน แต่กลับถูกชายชราชุดเทาแย่งไปก่อน
“ฮะๆๆ ชิ้นนี้ให้ข้าก่อนก็แล้วกัน ข้าได้กลิ่นหอมแล้วก็น้ำลายไหล ท้องก็ร้องมานานแล้ว” ชายชราชุดเทาว่า เขายกน่องไก่ขึ้นมาดม ก่อนจะฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วกิน จากนั้นก็ยิ้มให้นายท่านลู่ “นายท่าน สหายน้อยเฟิ่งย่างเนื้อเก่งจริงๆ อร่อยมากขอรับ”
เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยี หน้าตาใสซื่อไร้พิษสง เธอย่อมรู้ว่าชายชราชุดเทาผู้นี้อยากทดสอบว่าในเนื้อย่างมีพิษหรือไม่ นึกดูแล้ว เขาคงไม่ค่อยไว้ใจเธอ
แต่นี่ก็เป็นเรื่องธรรมดา อยู่ข้างนอกไม่ควรลดการระวังตัว ยิ่งไปกว่านั้น ฐานะของนายท่านลู่ผู้นี้ก็ไม่ธรรมดา เพราะดูจากที่วรยุทธ์ของเขาโดดเด่น ผู้ติดตามของเขาแต่ละคนก็มีพลังไม่ธรรมดาเช่นกัน
“มา ท่านลุงลู่ ยังมีน่องไก่อีกอัน” เฟิ่งจิ่วยื่นอีกชิ้นให้เขา
“ขอบใจมาก” เขารับไปแล้วกล่าวขอบคุณ ฉีกมากินหนึ่งชิ้น
“กรรซ์!”
ทันใดนั้น เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังมาจากในป่า และเหมือนจะมีแรงสั่นสะเทือนตามมาด้วย ท่ามกลางอากาศ แรงกดดันขุมหนึ่งที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายออกมาพร้อมกับเสียงคำราม ราวกับริ้วน้ำที่สะท้านออกไปท่ามกลางราตรี
“คุ้มกัน!” ชายฉกรรจ์หลายคนรีบยืนล้อมนายท่านลู่กับพวกเฟิ่งจิ่วไว้ตรงกลาง กลายเป็นวงล้อมคุ้มกัน
“ดูจากแรงกดดัน น่าจะเป็นสัตว์วิญญาณระดับสูง” นายท่านลู่พูดขึ้น มองท้องฟ้ายามกลางคืนแล้วพึมพำอย่างครุ่นคิด “เหตุใดจึงมีสัตว์วิญญาณมาทางนี้ได้? คงไม่ใช่ว่าลูกไล่ล่าออกจากในเขาลึกกระมัง?”
เฟิ่งจิ่วแบกตะกร้าสมุนไพรยืนอยู่ข้างกายนายท่านลู่ พวกเขาเดินลงมาตามแนวลำธารเพื่อออกจากเขาลูกนี้ โดยใช้เส้นทางป่า บริเวณนี้อาจมีสัตว์ป่าได้ แต่กลับไม่มีสัตว์วิญญาณ เพราะโดยปกติสัตว์วิญญาณจะซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก
ทว่า เสียงคำรามเมื่อครู่ แฝงไว้ด้วยแรงกดดันของสัตว์วิญญาณไม่ผิดแน่ แล้วก็เพราะเหตุผลนี้ ท่านลุงลู่ถึงได้คาดเดาว่าสัตว์วิญญาณตัวนี้ถูกคนไล่ล่าออกมาจากป่าลึก
ส่วนเธอเองก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะในอากาศ ยังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ปะปนอยู่ด้วย
“หยุดเดี๋ยวนี้! เจ้าหนีไม่รอดหรอก!”
“ล้อมมันไว้! อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้!”
“ข้างหน้า อยู่ข้างหน้าแล้ว รีบตามไปเร็ว!”
ครั้นเสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากในป่า เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้ว เกิดความสงสัยว่าเป็นสัตว์วิญญาณอะไร ถึงได้ทำให้ผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งไล่ตามไม่เลิก
………………………………….
ตอนที่ 1794 มีเรื่องด้วยไม่ได้
“กรรซ์!”
เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง ฟังจากเสียงนั้น แม้ยังมองไม่เห็น เธอกลับมั่นใจได้ว่าสัตว์วิญญาณตัวนั้นบาดเจ็บแล้วแน่นอน ลมปราณของมันแปรปรวนเล็กน้อย เสียงคำรามครั้งนี้ ไม่ได้แข็งแกร่งทรงพลังเหมือนครั้งก่อนแล้ว
“โครมๆ!”
เหมือนเสียงพลังกระบี่กระทบพื้น แต่ก็เหมือนสัตว์วิญญาณกระแทกต้นไม้ แม้มองไม่เห็น แต่เสียงกลับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“ถอย!”
นายท่าลู่โบกมือส่งสัญญาณ สั่งให้ทุกคนถอยอย่างรวดเร็ว ส่วนทุกคนที่ได้ยินคำสั่งของเขาก็รีบคุ้มกันพวกเขาแล้วถอยหลังไปทีละก้าว จนถอยห่างออกมาระยะหนึ่ง
เฟิ่งจิ่วถอยตามพวกเขามา กระทั่งภาพเหตุการณ์ข้างหน้าปรากฏสู่สายตาของเธอ เธอจึงชะงักเท้า ไม่ถอยต่ออีก
สัตว์วิญญาณที่กระโจนออกมาจากป่าทึบนั่นเป็นเสือขาวที่มีสีขาวหิมะไปทั่วทั้งตัว เป็นเสือขาวที่หาได้ยากมากในหมู่เสือยังไม่พอ ปัญหาก็คือ มันยังเป็นแม่เสือที่อุ้มท้องเสือน้อยไว้อีกด้วย ดูจากท้องที่ป่องๆ นั่นน่าจะใกล้คลอดแล้ว
เวลานี้ บนขนสีขาวหิมะของเสือขาวตัวนั้นเปื้อนเลือดหลายจุด ขาหน้าเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ ยามวิ่งจึงเซเล็กน้อย เทียบกับอาการบาดเจ็บ สิ่งที่ทำให้มันทรมานอย่างแท้จริง น่าจะเป็นท้องโตๆ ของมันที่ได้รับแรงกระเทือนจากการวิ่งหนีและสู้กับมนุษย์
เหมือนมันจะวิ่งไม่ไหวแล้ว ขาหลังเริ่มสั่นเทิ้ม เริ่มมีเลือดไหลออกจากขาหลัง ทว่าในตอนนี้เอง ผู้ฝึกตนสิบกว่าคนที่ไล่ตามมาข้างหลังกลับล้อมเสือขาวตัวนั้นไว้
ชายสิบกว่าคนนั้นรูปร่างหน้าตาดุดันน่ากลัว พลังอยู่ในระดับกำเนิดวิญญาณ หนึ่งในนั้น ยังมีผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินขั้นกลางคนหนึ่ง ดูแล้วน่าจะเป็นหัวหน้าของคนพวกนั้น
พวกเขาเหลือบมองกลุ่มของนายท่านลู่แวบหนึ่ง เหมือนไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา ละสายตาออกไป หันไปจับจ้องเสือขาวตัวนั้น แล้วแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆๆๆ! เสือขาวตัวนี้ล่ามันมาเกือบเดือน ในที่สุดก็ตกอยู่ในกำมือของพวกเราแล้ว!”
ผู้ฝึกตนหัวโล้นคนหนึ่งก้าวออกมา แล้วถามด้วยความตื่นเต้น “พี่ใหญ่ เสือขาวตัวนี้ดูเหมือนใกล้คลอดแล้ว เราจะรอให้มันคลอดแล้วค่อยจับมันพร้อมกันทีเดียว หรือว่าฉวยโอกาสจับมันตอนที่มันยังไม่คลอดดี? หรือว่าฆ่าแม่เสือเสีย แล้วเอาลูกเสือในท้องมา?”
“ฆ่าแม่เสือแล้วเอาลูกเสือในท้องมา!” ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินขั้นกลางคนนั้นตอบ สายตาชั่วร้ายจับจ้องไปที่เสือขาวตัวนั้น “แม่เสือตัวนี้เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด หากเผลอปล่อยให้มันทะลวงขั้นอีกก็จะกลายเป็นสัตว์เทวะแล้ว พอถึงตอนนั้นหากจะต่อกรกับมันก็คงยุ่งยาก”
ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินขั้นกลางหรี่ตา เอ่ยด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม “เสือขาวหายาก ฆ่าแม่เสือตัวนี้แล้วถลกหนังมันไปประมูลขาย หนังเสือขาวหนึ่งผืนก็พอให้พวกเราพี่น้องกินดื่มไปได้หลายปีแล้ว ส่วนลูกเสือขาวในท้องของมัน หึๆ ย่อมต้องเก็บไว้เป็นสัตว์คู่พันธสัญญากับข้าอยู่แล้ว”
“ได้! พวกเราเชื่อฟังพี่ใหญ่!” ชายสิบกว่าคนลงมือทันที เริ่มบีบคั้นเสือขาวตัวนั้นอีกครั้ง
ห่างออกไปไม่ไกล นายท่านลู่เห็นเฟิ่งจิ่วยืนอยู่ข้างหน้าไม่ถอยมาด้วย ก็อดตะโกนเรียกไม่ได้ “สหายน้อยเฟิ่งๆ มาทางนี้เร็ว”
“คนพวกนี้ไม่ค่อยเข้าตาข้าเลย!” เฟิ่งจิ่วพึมพำ นิ้วมือขยับเล็กน้อย ยาเม็ดหนึ่งถุกเธอดีดเข้าไปในกองไฟที่อยู่ข้างหน้า
“โธ่เอ๋ย ผู้ฝึกตนพวกนี้ พลังของพวกเขาไม่ธรรมดา ไม่ใช่คนที่เราจะมีเรื่องด้วยได้ เจ้ารีบถอยมาเร็ว” นายท่านลู่ตะโกนบอกเบาๆ อยากเข้าไปดึงเขา แต่จู่ๆ กลับเห็นเฟิ่งจิ่วหันกลับมาส่งยิ้มให้เขา