เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1801 แม่เสือมอบลูกอ่อน / ตอนที่ 1802 ใครกล้าแย่ง
ตอนที่ 1801 แม่เสือมอบลูกอ่อน / ตอนที่ 1802 ใครกล้าแย่ง
ตอนที่ 1801 แม่เสือมอบลูกอ่อน
แม่เสือเห็นแผลบนท้องตัวเองหายดีไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้เห็น ก็อดตะลึงตาค้างไม่ได้ ไม่นานก็เห็นมนุษย์ตรงหน้าแกะเส้นไหมที่เย็บแผลไว้ออก จากนั้นก็ทายาที่ให้ความรู้สึกเย็นๆ ลงไปอีกชั้น
มันมองมนุษย์ตรงหน้า แล้วหันไปมองลูกเสือที่นอนอยู่ข้างๆ ชั่วขณะหนึ่ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
“เอาล่ะ พาลูกของเจ้ากลับเข้าป่าลึกไปเถิด!” เฟิ่งจิ่วลูบหัวเสือพลางบอกมัน
เมื่อเห็นเช่นนี้ แม่เสือท่าทางเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่าง มันขบคอของเสือน้อยที่นอนอยู่ข้างๆ แล้วดันมาไว้ข้างกายเฟิ่งจิ่ว ส่วนตนเองลุกขึ้น สะบัดขนบนตัว รู้สึกได้ว่าเหลือเพียงขาหน้าที่ถูกพันแผลไว้และเจ็บเพียงเล็กน้อย นอกนั้นส่วนอื่นของร่างกายล้วนหายดีแล้ว หนำซ้ำลมปราณที่สูญเสียไปก็กลับคืนมาแล้ว แรงกดดันของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ถูกแผ่ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติในเวลานี้
ตอนที่เฟิ่งจิ่วพูดคุยกับแม่เสือ คนของตระกูลลู่ก็ตื่นแล้ว พวกเขามองดูภาพที่แม่เสือดันลูกเสือให้เฟิ่งจิ่วด้วยสายตาประหลาดใจ สิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าก็คือ ในเวลาเพียงคืนเดียว แม่เสือที่เดิมทีหายใจรวยรินกลับหายดีแล้ว ความเร็วในการฟื้นตัวนี้ ทำให้พวกเขาอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
“กรรซ์!”
เสือน้อยยืดตัวบิดขี้เกียจ ปากเล็กๆ อ้าออก เปล่งเสียงคำรามเบาๆ เสียงนั้นเล็กจนเหมือนลูกแมวตัวน้อย มันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา สาวเท้าที่อ่อนแรงทั้งสี่ข้างวิ่งกลับไปหาแม่เสือ แล้วใช้หัวเล็กๆ ของมันถูไถตัวแม่เสือสะเปะสะปะ เหมือนกำลังตามหาบางอย่าง
เฟิ่งจิ่วเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มๆ มองดูลูกเสือขาวแหงนหัวน้อยๆ ของมันเพื่อดูดนมอย่างสุดกำลัง
แม่เสือปล่อยให้มันดูดนม มองมันด้วยสายตารักใคร่ อุ้งมือเสือข้างหนึ่งยกขึ้น ลูบขนสีขาวหิมะของลูกเสือตัวน้อยเบาๆ กระทั่ง หลังจากที่มันเรอเพราะความอิ่ม จึงค่อยดันมันมาตรงหน้าเฟิ่งจิ่ว
เสือน้อยนึกว่าแม่ของมันกำลังเล่นกับมัน จึงวิ่งกลับไปหาอีกครั้งด้วยความซุกซน หางสั้นๆ ของมันส่ายไปส่ายมาด้วยความเบิกบาน วิ่งเข้าไปหลบในขนนิ่มๆ ของแม่เสืออย่างรวดเร็ว
แม่เสือจนใจ จับมันออกมาอีกครั้ง แล้วดันไปไว้ข้างหน้าเฟิ่งจิ่วอีกครั้ง ทำอย่างนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำเอาพวกของนายท่านลู่กลอกตามองฟ้า ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
เรื่องนี้ก็ช่างแปลก นึกไม่ถึงว่าแม่เสือจะทำใจมอบลูกที่เพิ่งคลอดให้คนอื่นได้ลง? การกระทำที่ผลักลูกเสือออกไป ทำให้พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อ
“เจ้าจะมอบมันให้ข้า?” เฟิ่งจิ่วถามยิ้มๆ ในใจคิดคำนวณว่าจะเอาลูกเสือขาวตัวนี้ไปด้วยดีหรือไม่?
“กรรซ์”
แม่เสือคำรามเสียงต่ำ ผลักเสือน้อยที่วางกลับมาหามันออกไปอีกครั้ง ครั้งนี้ มันไม่อยู่ต่ออีก รีบหมุนตัวกระโดดจากไป หายลับเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว
“กรรซ์ๆ! หงิง…”
เสือน้อยเห็นแม่เสือจากไปแล้ว สาวเท้าสั้นๆ หมายจะวิ่งตามไป ทว่าวิ่งไปได้ระยะหนึ่ง กลับไม่รู้ว่าแม่เสือไปทางไหน จึงได้แต่นั่งลงตรงนั้นแล้วส่งเสียงคราง ฟังดูน่าสงสารไม่น้อย
เฟิ่งจิ่วเดินเข้าไป แล้วอุ้มเสือขาวน้อยขึ้นมา มองเข้าไปในป่าแล้วเอ่ยว่า “ไม่ต้องมองแล้ว แม่ของเจ้ามอบเจ้าให้ข้า ต่อไปหากมีโอกาส เจ้าค่อยมาเยี่ยมแม่ของเจ้าก็แล้วกัน!”
ขณะเอ่ยก็อุ้มเสือขาวน้อยเดินมาหยุดตรงหน้าพวกนายท่านลู่ เธอมองนายท่านลู่ ถามขึ้นว่า “นายท่านลู่ จะออกเดินทางเมื่อใดหรือ? ลงจากเขายังต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใด?”
………………………………….
ตอนที่ 1802 ใครกล้าแย่ง
เวลานี้ นายท่านลู่มองเฟิ่งจิ่วอุ้มเสือขาวน้อยตัวนั้นไว้ในอ้อมแขนด้วยสายตาแปลกใหม่ ได้ยินเขาถามก็ยิ้มตอบ “ออกเดินทางได้ทุกเมื่อ หากเร่งความเร็ว บางทีสี่ห้าวันก็อาจออกไปได้แล้ว”
หยุดพูดไปครู่หนึ่ง เขามองเสือขาวน้อยในอ้อมแขนเฟิ่งจิ่ว แล้วเตือนอย่างลังเลว่า “สหายน้อยเฟิ่ง เสือขาวน้อยตัวนี้ของเจ้าหากอุ้มลงเขาไปทั้งอย่างนี้ เกรงว่ามีแต่จะนำภัยมาถึงตัว”
เดิมทีเสือขาวก็พบเห็นได้น้อยมาก ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นลูกเสือขาวตัวเล็กขนาดนี้ อย่าว่าแต่มันยังไม่ได้ผูกพันธะสัญญาเลย แม้จะผูกพันธะสัญญาไปแล้ว การอุ้มเสือขาวน้อยไปยังที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน จะต้องนำมาซึ่งปัญหาที่ไม่จำเป็นแน่นอน
หากถูกคนหมายตาจะแย่ง เกรงว่าเขาจะนำภัยถึงชีวิตมาถึงตัวด้วยเหตุนี้ด้วย และเพราะตลอดการเดินทางพูดคุยกันถูกคอ เขาจึงรู้สึกว่าจำเป็นต้องเตือนเด็กหนุ่มสักครั้ง
“แค่ลูกเสือตัวหนึ่ง ไม่เป็นไรหรอก” เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยีแล้วตอบ เหมือนไม่เข้าใจความหมายของเขา
ที่จริง เธอฟังเข้าใจ ท่านลุงลู่ผู้นี้กังวลว่าหากเข้าเมืองไปแล้วเสือขาวน้อยจะถูกคนหมายตาแย่งชิง กระทั่งนำภัยถึงชีวิตมาถึงตัวได้
แต่ว่า หึๆ ของของเธอ ใครกล้าแย่ง? และใครจะมีปัญญาแย่งได้?
“ระวังไว้หน่อยย่อมดีกว่า มิสู้เจ้าผูกพันธะสัญญากับลูกเสือตัวนี้ก่อน แล้วค่อยเก็บมันเข้าไปในห้วงมิติพันธะสัญญา ทำอย่างนี้จะได้ไม่เป็นที่สะดุดตาของคนอื่น” นายท่านลู่แนะนำ ถึงอย่างไรหลังจากที่ผูกพันธะสัญญากับสัตว์วิญญาณแล้ว ย่อมสามารถเก็บสัตว์คู่พันธะสัญญาเข้าไปในห้วงมิติพันธะสัญญาที่อยู่ในตัวเราได้ เมื่อทำอย่างนี้ก็จะสะดวกกว่า
“อืม รอถึงเวลาที่ออกจากเขาลูกนี้ได้เมื่อใดค่อยว่ากันก็แล้วกัน! ตอนนี้มันยังเล็ก ข้ายังอยากหาอะไรให้มันกินหน่อย!” พูดถึงเรื่องนี้ เธอก็เริ่มคิดไม่ตก
ลูกเสือที่ตัวเล็กขนาดนี้ เดาว่าแม้แต่เนื้อก็ยังกินไม่เป็น แล้วจะไปหาอาหารประเภทนมให้มันกินได้จากที่ไหนกัน?
“หึๆ ป้อนน้ำสะอาดให้มันก่อนก็ได้ รอถึงในเมืองเมื่อใด ค่อยซื้อนมแกะหรือน้ำข้าวต้มให้มันกินก็ได้” นายท่านลู่บอก พลางพยักหน้าสั่งให้คนของเขาทำความสะอาดกองไฟให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินลงไป
หลังจากที่พวกเขาออกเดินทาง ณ มุมหนึ่งของป่า แม่เสือตัวนั้นเดินออกมา ยืนอยู่ใต้ต้นไม้มองดูอยู่ห่างๆ กระทั่งมองไม่เห็นเงาของพวกเข มันจึงกระโดดกลับเข้าไปในป่าลึกอีกครั้ง…
หลังจากนั้นหนึ่งวันเต็มๆ พวกเขาไม่ได้หยุดพักผ่อนอีก บางทีอาจเพราะการกระทำของเฟิ่งจิ่วทำให้คนของนายท่านลู่ปากอ้าตาค้างครั้งแล้วครั้งเล่า หรืออาจเพราะมองไม่ออกว่าเฟิ่งจิ่วเป็นคนอย่างไรกันแน่ ฉะนั้น แม้ในหมู่คนของนายท่านลู่เองก็มีคนหมายตาเสือขาวน้อยตัวนั้น แต่กลับไม่กล้ากำเริบเสิบสาน
เพราะอย่างไร พวกเขามีความคิดอยากได้ก็เรื่องหนึ่ง แต่เห็นชัดว่านายท่านของพวกเขาเอ็นดูเด็กหนุ่มคนนี้มาก หากคิดจะทำอะไรเด็กหนุ่มจริง บางที เฟิ่งจิ่วไม่ต้องลงมือ นายท่านของพวกเขาอาจเป็นคนจัดการพวกเขาก่อนก็ได้
ผ่านไปอีกหนึ่งวัน ยามที่ท้องฟ้าใกล้มืด พวกเขาพักผ่อนอีกครั้ง เพราะอย่างไรกลางคืนก็เดินทางลำบาก
ส่วนเฟิ่งจิ่วกำลังเล่นกับลูกเสือในอ้อมแขนพลางป้อนน้ำให้มันดื่ม ใครจะรู้ เจ้าเสือน้อยกลับไม่ดื่มน้ำ เพียงดมๆ แล้วหันหน้าหนี จากนั้นก็นอนแบ็บอยู่ในอ้อมแขนเธออย่างไร้ชีวิตชีวา
“ไม่ดื่ม? ทั้งวันยังไม่ได้กินอะไรเลย มา เลียน้ำกินสักหน่อยก็ยังดี!” เธอเทน้ำออกมาอีกหน่อย แต่เจ้าเสือน้อยก็ยังเบือนหน้าหนีโดยไม่เห็นแก่หน้าเธอแม้แต่น้อย
“หึๆๆ สหายน้อยเฟิ่งได้เสือขาวน้อยตัวนี้มา ตลอดการเดินทางนี้ก็คงต้องยุ่งหน่อยแล้ว” นายท่านลู่มองท่าทางของเฟิ่งจิ่วที่อุ้มเสือน้อยไว้ในอ้อมแขนแล้วป้อนน้ำ ก็อดหัวเราะเสียงกังวานไม่ได้