เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1807 วิชาแพทย์สูงส่ง / ตอนที่ 1808 ไปแล้ว
ตอนที่ 1807 วิชาแพทย์สูงส่ง
คนของตระกูลลู่มองนายท่านลู่ เดิมทีหากเด็กหนุ่มไม่ได้จะช่วยนายท่านของพวกเขารักษาโรค พวกเขาจะกินอาหารมื้อใหญ่ที่เขาเลี้ยงก็ไม่มีอะไร แต่ตอนนี้นายท่านของพวกเขาถึงกับขอร้องให้เขารักษาแล้ว พวกเขายังจะกินอาหารมื้อใหญ่ที่เขาเลี้ยงโดยไม่ละอายใจได้อีกหรือ? แม้จะกิน ก็ควรเป็นตระกูลลู่ของพวกเขาเลี้ยงมากกว่ากระมัง?
นายท่านลู่กับยิ้มๆ โบกมือบอกว่า “ในเมื่อสหายน้อยเฟิ่งพูดขนาดนี้แล้ว พวกเจ้าก็สั่งให้ยกอาหารมาโต๊ะหนึ่งแล้วกินให้เต็มที่เถิด!”
“ขอรับ!” ทุกคนรับคำ ก่อนจะหันไปประสานกำปั้นคารวะเฟิ่งจิ่วอย่างพร้อมเพรียง “ขอบคุณคุณชายเฟิ่ง”
ชายฉกรรจ์ของตระกูลลู่รวมตัวกันนั่งหนึ่งโต๊ะที่ชั้นหนึ่ง ส่วนพวกนายท่านลู่ขึ้นไปที่ห้องส่วนตัวชั้นบน พอมาถึงห้องส่วนตัว ก็สั่งอาหารมาสามสี่อย่าง ครั้นสุราถูกยกมา พวกเขาก็พูดเข้าประเด็น
“สหายน้อยเฟิ่ง ไม่ทราบว่าโรคของข้านี้ จะต้องรักษาอย่างไร?” นายท่านลู่ถาม
เฟิ่งจิ่วดื่มสุราหนึ่งถ้วย ก่อนจะตอบว่า “เรื่องอาหารการกินคิดว่าอาวุโสลู่คงเคยบอกท่านแล้ว ฉะนั้นข้าจะไม่พูดมากอีก ส่วนเรื่องการรักษา ก็ไม่ได้มีอะไรมาก เพียงต้องฝังเข็มและกินยาประมาณหนึ่งเดือน ก็น่าจะหายแล้ว”
อาวุโสลู่ได้ยินก็ลอบคิดในใจ ประมาณหนึ่งเดือนก็สามารถรักษาโรคนี้ได้แล้วหรือ?
“ประมาณหนึ่งเดือนจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมได้ ผ่านไปครึ่งเดือนก็เห็นผลได้แล้ว” เฟิ่งจิ่วยิ้ม เอ่ยว่า “กินข้าวก่อนเถิด! กินเสร็จแล้วพักก่อนครู่หนึ่ง จากนั้นข้าจะฝังเข็มให้ท่าน”
ได้ยินอย่างนั้น พวกเขาพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก เพียงกินอาหารมื้อนี้กับเขา เพียงแต่ แม้ตรงหน้ามีอาหารเลิศรส ทว่านอกจากเฟิ่งจิ่วคนเดียว อีกสามคนที่เหลือเอาแต่คิดถึงเรื่องอาการป่วย จึงกินได้ไม่มากนัก
หลังมื้ออาหาร ทั้งสี่ดื่มชาไปสองสามถ้วย และย้ายจากหอสุราไปยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
ในห้องรับแขก
“ถอดเสื้อตัวบนออกแล้วนอนราบไปกับเตียง” เฟิ่งจิ่วเอ่ย จากนั้นก็เอียงคอพูดกับอาวุโสลู่ “ข้าสอนท่านฝังเข็ม ต่อไปภายหน้าท่านจะได้ฝังเข็มรักษาท่านลุงลู่ได้ มีวิชาฝังเข็มวิชานี้และยาคอยช่วย ประสิทธิภาพจะยิ่งดีกว่า”
อาวุโสลู่ได้ยินก็ตื่นเต้นดีใจ “สะ สอนข้าหรือ? นะ นี่จะได้อย่างไรกัน?” โดยทั่วไปแล้ว หากไม่ใช่ศิษย์ก็ไม่สอนกัน แต่นี่เขากลับ…
“วิชาแพทย์ของท่านก็ไม่เลว ข้าบอกเคล็ดลับสำคัญให้ท่านก็พอ จะไม่ได้ได้อย่างไรกัน?” เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ สั่งให้ลู่จี้หมิงออกไปเฝ้าข้างนอก ห้ามให้ใครเข้ามารบกวน เธอฝังเข็มไปพร้อมกับคอยชี้แนะอาวุโสลู่ที่อยู่ข้างๆ
ครึ่งชั่วยามผ่านไป เฟิ่งจิ่วเดินออกจากห้อง อาวุโสลู่ที่อยู่ข้างหลังมองเธอด้วยสายตาเลื่อมใสนับถือ สีหน้าตื่นเต้นยังไม่จางหายไป
“สหายน้อยเฟิ่ง ท่านพ่อของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ลู่จี้หมิงเห็นพวกเขาออกมาจึงถาม
“ไม่เป็นไร เพียงหลับไปเท่านั้น” เฟิ่งจิ่วตอบ ก่อนเอ่ยว่า “ข้าก็จะกลับไปพักผ่อนแล้ว เทียบยาข้าเขียนไว้ให้อาวุโสลู่แล้ว ที่เหลือพวกท่านจัดการกันเองก็พอ” กล่าวจบ ก็เดินผ่านเขาไปยังห้องพักที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
“ท่านคอยเฝ้านายท่านอยู่ในห้อง ข้าจะรีบออกไปซื้อยา” อาวุโสลู่บอก ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกด้วยท่าทางกระตือรือร้นอย่างปิดไม่มิด ตั้งใจจะออกไปหาซื้อยามาต้มเอง
ส่วนเฟิ่งจิ่วที่มาถึงห้องพักแล้ว ให้เสี่ยวเอ้อร์เตรียมน้ำสำหรับอาบ หลังอาบเสร็จก็เรียกเสือขาวน้อยออกมาจากห้วงมิติ อุ้มไว้ในอ้อมแขนก่อนจะหลับไปอย่างสะลึมสะลือ…
จนกระทั่งเช้าตรู่ของวันต่อมา นายท่านลู่ที่ตื่นขึ้นมารู้สึกร่างกายกระปรี้กระเปร่า ความรู้สึกแน่นตรงหน้าอกที่เป็นมาหลายปีก็เหมือนจะเบาสบายขึ้นมา สีหน้าของเขาดีกว่าเมื่อวานมาก ครั้นรู้สึกได้อย่างนั้นก็อดดีใจไม่ได้
“สหายน้อยเฟิ่งผู้นี้มีวิชาแพทย์สูงส่งจริงๆ วันนี้ตื่นมา ข้าก็รู้สึกได้เลยว่าร่างกายไม่เหมือนเดิม”
………………………………….
ตอนที่ 1808 ไปแล้ว
“ใช่แล้ว! วิชาแพทย์ของเขาสูงส่งมาก เขายังเก่งขนาดนี้ อาจารย์ของเขาจะต้องสุดยอดมากแน่ๆ” อาวุโสลู่ทอดถอนใจ ลูกศิษย์ยังเก่งขนาดนี้ แล้วอาจารย์ของเขาจะขนาดไหน? เพียงแต่ไม่รู้ว่าอาจารย์ของเขาเป็นยอดฝีมือเร้นลับคนใดกันแน่
“โรคของท่านพ่อรักษาหายข้าก็เบาใจแล้ว” ลู่จี้หมิงเอ่ย หินก้อนใหญ่ในใจถูกยกออกในที่สุด “ข้ากังวลมาตลอดว่าอาการป่วยของท่านพ่อจะรักษาไม่หาย เมื่อถึงตอนนั้นหากตระกูลลู่ของเขาเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ คงเป็นปัญหาแน่ๆ”
นายท่านลู่ส่ายหน้า “แต่ละฝ่ายในตระกูลลู่ล้วนต้องการแก่งแย่งอำนาจ ข้ากลัวก็แต่หากมีความขัดแย้งภายใน อาจถูกตระกูลอื่นยื่นมือเข้ามาฉวยโอกาสได้ นั่นต่างหากเป็นปัญหา แต่ตอนนี้ร่างกายของข้าดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว นี่ถือเป็นข่าวดี”
เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ครุ่นคิดแล้วกำชับว่า “แต่พวกเจ้าต้องถ่ายทอดคำสั่งลงไป เรื่องที่ข้าหายป่วยแล้วห้ามแพร่งพรายออกไป อย่างน้อยก็ก่อนที่ข้าจะหายดีห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด ข้าอยากถือโอกาสนี้ จัดระเบียบคนในจวนใหม่”
“ขอรับ พวกเราเข้าใจแล้ว” ทั้งสองรับคำ
“นี่ก็สายมากแล้ว สหายน้อยเฟิ่งน่าจะตื่นแล้ว ไปเถิด! ไปเรียกเขาไปกินอะไรด้วยกันหน่อย” นายท่านลู่กล่าว เขาจัดเสื้อคลุมให้เข้าที่ ก่อนจะสาวเดินออกไปนอกห้อง
สองคนข้างหลังพอเห็นเขากระปรี้กระเปร่า ก็อดมองตากันไม่ได้ ก่อนจะเดินตามออกไป
“สหายน้อยเฟิ่ง” นายท่านลู่เคาะประตูพลางขานเรียก ทว่ากลับไร้เสียงตอบกลับ
“สหายน้อยเฟิ่ง? สหายน้อยเฟิ่ง?” อาวุโสลู่เองก็เข้ามาเคาะประตูเรียกด้วย แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบ จึงอดกล่าวไม่ได้ว่า “น่าแปลก หรือว่าจะหลับลึกปานนั้น?”
“นายท่านทั้งหลาย คุณชายที่พักห้องนี้คืนห้องและไปแล้วขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์ที่ขึ้นมาจากชั้นล่างเห็นพวกเขายืนล้อมอยู่ตรงนั้น จึงบอกกล่าวให้รู้
“เขาไปแล้ว? ไปเมื่อใด?” ทั้งสามตะลึง อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นอย่างพร้อมกัน
“ตอนเช้า ฟ้าสางก็ไปแล้วขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์ตอบ ชะงักไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยต่อว่า “อ้อ ใช่แล้ว คุณชายท่านนั้นยังฝากมาบอกว่า หากมีวาสนาก็ค่อยพบกันใหม่”
ได้ยินอย่างนั้น พวกนายท่านลู่ต่างรู้สึกบอกไม่ถูก เหตุใดจึงไปทั้งอย่างนี้แล้วเล่า? นายท่านลู่ถอนหายใจ “ตลอดการเดินทางก็เอาแต่เรียกเขาว่าสหายน้อยเฟิ่ง ยังไม่ได้ถามชื่อเขาก็ไปเสียแล้ว ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะมีโอกาสได้พบกันอีกหรือไม่”
“นายท่านไม่ต้องห่วง หากมีวาสนาคงได้พบกันอีก อีกอย่าง เรื่องที่เขากำชับไว้ข้าล้วนจำไว้แล้ว สุขภาพของนายท่านให้เป็นหน้าที่ของข้าดูแลก็พอ” อาวุโสลู่เอ่ยเสียงนิ่มนวล โชคดีที่ทิ้งเทียบยาไว้ให้แล้ว อีกอย่างยังสอนวิชาฝังเข็มให้เขาด้วย สุขภาพของนายท่านก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอีก
“เพียงแต่ เรายังไม่มีโอกาสขอบคุณเขาดีๆ สักครั้ง” นายท่านลู่ยังคงรู้สึกละอายลึกๆ อาการป่วยเขาก็รักษาให้จนหายแล้ว แต่เขากลับไม่คิดค่ารักษาแม้แต่น้อย แม้แต่ของขวัญแทนคำขอบคุณก็ไม่เอาสักอย่าง นี่มัน…
“วันข้างหน้าหากมีโอกาส ค่อยขอบคุณเขาก็ยังไม่สาย” อาวุโสลู่ยิ้มบอก “อีกอย่าง ข้าคิดว่าภายหน้าอย่างไรก็ต้องได้พบเขาอีกแน่”
พวกเขากำลังพูดถึงเฟิ่งจิ่ว ในขณะที่อีกด้าน เฟิ่งจิ่วกลับอุ้มเสือขาวน้อยเดินเล่นอยู่ในตลาด ก่อนจะหาแกะนมเจอในที่สุด เธอเข้าไปบีบๆ ดู พอบีบนมแกะก็พุ่งออกมา เห็นอย่างนั้นเธอก็อดยิ้มกว้างไม่ได้
“เร็ว ดูดเร็วเข้า! รีบกินให้อิ่มเสีย”
เธออุ้มเสือน้อยเข้าไปให้มันดูดนมแกะ เสือน้อยแม้จะสะเปะสะปะไปบ้าง แต่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ดวงตาคู่นั้นไหวระริกไปมา รีบอ้าปากแล้วดูดกินคำโตๆ ผ่านไปไม่นาน ท้องของมันก็ป่องขึ้น
“เฮ้ย! เจ้าหนูตรงนั้น เจ้าทำอะไรของเจ้าอยู่น่ะ!”