เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1811 จะมีปัญหาอะไรได้ / ตอนที่ 1812 เกาะหนึบแล้ว
ตอนที่ 1811 จะมีปัญหาอะไรได้ / ตอนที่ 1812 เกาะหนึบแล้ว
ตอนที่ 1811 จะมีปัญหาอะไรได้
“ใช่เจ้าค่ะ เป็นยาสร้างฐานพลังชั้นยอดหนึ่งเม็ด” หญิงสาวตอบโดยเน้นที่คำว่าชั้นยอด
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็หัวเราะ ยาสร้างฐานพลังทั่วไปสำหรับตระกูลผู้ดีบนแผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำ น่าจะพบเห็นได้ทั่วไปอยู่แล้ว แต่ยาสร้างฐานพลังชั้นยอดกลับพบเห็นได้น้อย ยิ่งมีราคาค่างวดสูง นักเล่นแร่แปรธาตุทั่วไปในยาสร้างฐานพลังหนึ่งร้อยเม็ดพวกเขาสามารถหลอมยาสร้างฐานพลังชั้นยอดได้เพียงเม็ดเดียว ด้วยเหตุนี้ แม้จะบอกว่ากระจกบานนี้เป็นอาวุธ แต่จะแลกกับยาสร้างฐานพลังชั้นยอดเม็ดหนึ่งค่อนข้างไม่คุ้ม
“หา? แลกกับยาสร้างฐานพลังชั้นยอดเลยหรือ!” เธอพูดอย่างเสียดาย ลูบกระจกบานนั้น ทำได้เพียงยื่นกลับไปให้ “ข้าไม่มีชั้นยอด มีแต่ชั้นล่าง”
หญิงสาวยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไรมากเพียงรับกระจกกลับมา เหมือนไม่ได้แปลกใจนัก
เฟิ่งจิ่วหมุนตัว ขณะกำลังจะเดินจากไป ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินมาหยุดข้างกายเธอ
“น้องชายผู้นี้ ช้าก่อน”
เฟิ่งจิ่วมองผู้มาที่ยืนขวางทางอยู่ตรงหน้า เขาใช้ร่างกายครึ่งหนึ่งขวางทางเดินของเธออย่างชัดเจน การกระทำอย่างนี้ ทำให้เธอไม่ค่อยชอบใจนัก เพียงแต่ กลับไม่แสดงสีหน้าออกมาให้เห็น
“มีอะไรงั้นหรือ?”
“หึๆ น้องชาย ข้าเป็นผู้ดูแลของที่นี่ ขอเวลาคุยด้วยสักครู่ได้หรือไม่?” ชายวัยกลางคนผู้นั้นทำท่าผายมือ หมายจะพาเฟิ่งจิ่วไปข้างหลัง
ขณะเดียวกัน ชายชราที่เข้ามาพร้อมกับเฟิ่งจิ่วเมื่อครู่กำลังจะกลับ หางตาเหลือบเห็นเหตุการณ์ หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย รีบก้าวเข้ามาตวาดเฟิ่งจิ่วทันที “ข้าบอกให้เจ้าตามติดข้าไม่ใช่หรือ? เหตุใดเข้ามาในนี้แล้วจึงเดินเตร่ไปทั่วเช่นนี้? ช่างไร้ระเบียบนัก!”
ตำหนิเสร็จ ก็รีบหันไปพูดกับชายวัยกลางคน “ผู้ดูแลวัง นี่เป็นหลานชายข้า หากมีเรื่องใดบาดหมางกัน ก็โปรดอย่าได้ถือสากัน”
ชายวัยกลางคนเห็นอย่างนั้น สายตาก็ไหวระริกเล็กน้อย เขาหันมองชั้นสองแวบหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มบอกผู้อาวุโสถานว่า “ที่แท้น้องชายก็เป็นหลานชายของผู้อาวุโสถานนี่เอง”
“หากผู้ดูแลวังไม่มีเรื่องอื่นแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวลา” กล่าวจบ ก็ประสานมือคารวะ จากนั้นก็พยักหน้าให้เฟิ่งจิ่วออกไปพร้อมกับเขา
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วกลับไม่ได้พูดอะไร เดินตามผู้อาวุโสถานออกไปเงียบๆ มาถึงข้างนอก เธอรู้สึกว่าชายชราชุดเทาข้างหน้าร่างกายยังคงตึงเกร็ง เหมือนกำลังตื่นตระหนกอะไรบางอย่าง
เธอเดินตามเงียบๆ ไม่ได้เอ่ยปากลาไปกลางทาง เพราะข้างหลังพวกเขา มีคนตามมา
กระทั่งเดินผ่านถนนหลายสาย เข้ามาในตรอกเส้นหนึ่ง ยามเดินเลี้ยวเข้ามาในลานสวนเล็กๆ แห่งหนึ่ง แล้วปิดประตู ชายชราชุดเทาเข้ามาในเรือนก่อนจะถอนหายใจ จากนั้นก็ขมวดคิ้วมองเฟิ่งจิ่ว
“เจ้าหนู เจ้าคงมาจากต่างถิ่นกระมัง?”
“ข้าเพิ่งลงจากเขามา” เฟิ่งจิ่วเผยรอยยิ้มใสซื่อ
ชายชรามองพิจารณาเฟิ่งจิ่ว เห็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ท่าทางใสซื่อ กอปรกับวรยุทธ์อยู่ในช่วงสร้างฐานพลัง ทั้งยังแต่งกายเรียบง่าย ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ลูกหลานตระกูลใหญ่ ก็ไม่แปลกที่จะถูกผู้ดูแลวังหมายหัว
“หอรวมสมบัตินั่นไม่ใช่สถานที่ดีเด่อะไร ต่อไปเจ้าก็อย่าไปอีกเลย” ยังไม่พอ เขาแนะนำอีกว่า “หากเจ้าเพียงผ่านทางมาที่นี่ ก็จงรีบออกเมืองไปให้เร็วที่สุด จะไม่เกิดปัญหา”
“จะเกิดปัญหาอะไรงั้นหรือ?”
เธออดสงสัยไม่ได้ แม้ทุกอย่างยังไม่เกิด แต่เมื่อครู่ชายชราเหมือนกังวลว่าเธอจะถูกผู้ดูแลวังพาตัวไปมาก นั่นทำให้เธออดสงสัยไม่ได้ เหตุใดเธอจึงถูกคนหมายหัว? และหมายหัวเธอทำไม?”
“รู้มากไปไม่มีอะไรดี” ชายชราตอบ มองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง จากนั้นลุกขึ้นเปิดประตูเดินออกไป
………………………………….
ตอนที่ 1812 เกาะหนึบแล้ว
เฟิ่งจิ่วเดินตามออกไป เพิ่งสังเกตเห็นว่าในสวนแห่งนี้เต็มไปด้วยสมุนไพร หนำซ้ำในลานสวนยังมีเครื่องโม่ด้วย ดูท่า ชายชราคงเป็นนักปรุงยากระมัง?
“ท่านปู่ถาน ท่านอยู่บ้านคนเดียวหรือ?” เฟิ่งจิ่วมองไปรอบๆ เห็นว่าในเรือนแห่งนี้เหมือนจะมีเขาแค่คนเดียว
“อืม” ชายชราตอบ พลางจัดระเบียบสมุนไพรบนชั้นวาง ไม่สนใจเฟิ่งจิ่วอีก
เฟิ่งจิ่วนั่งลงในลานสวน มือหนึ่งชันคาง ดวงตาคู่นั้นกลอกหมุนไปมา จ้องมองแผ่นหลังที่กำลังหันหลังจัดแจงสมุนไพร ในใจคิดว่า หรือว่าหอรวมสมบัติแห่งนั้นยังลอบทำอะไรอย่างอื่นลับๆ อีก? ยังมีชายชราที่อยู่บนชั้นสองตอนนั้นอีก เขาเป็นใครกัน?
“ทำไมเจ้ายังไม่ไปอีก?” ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม ชายชราหันกลับมา มองเด็กหนุ่มที่นั่งบนบันไดกลางลานสวนแวบหนึ่ง ก็ขมวดคิ้วถาม “ทำไมเจ้ายังไม่ไปอีก?”
“หา? ไปไหนเล่า?” เฟิ่งจิ่วกระพริบตาถี่ๆ พลางถาม
“กลับบ้านเจ้าไป” ชายชราตอบ
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วอดยิ้มไม่ได้ ดวงตาหยีเล็กจนกลายเป็นเส้นตรง มองเขา “ท่านปู่ถาน ท่านบอกเองไม่ใช่หรือ? ข้าเป็นหลานชายของท่าน! ข้าเดินทางไกลครั้งนี้ก็เพราะหวังมาพึ่งพาท่าน”
ได้ยินอย่างนั้น ชายชราพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง “นั่นผู้เฒ่าพูดไปเพื่อช่วยเจ้า” เหตุใดจึงมาเกาะหนึบเขาเข้าแล้วเล่า?
“ช่วยข้า? แต่ว่า ข้าไม่เห็นมีอันตรายอะไรเลยนี่!” เฟิ่งจิ่วยิ้มซื่อๆ
ชายชราฟังแล้วก็รู้สึกแน่นหน้าอก ไม่พูดอะไรอีก เพียงมองเฟิ่งจิ่วแวบเดียว ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าห้องไป
เฟิ่งจิ่วลุกขึ้น ตบเศษฝุ่นบนเสื้อผ้าออก พลางเดินตามหลังเขาไป “ท่านปู่ เรือนนี้มีห้องสองห้อง ห้องนี้ให้ข้าอยู่หรือ?”
เธอกลับไม่เกรงใจ เปิดประตูดูข้างใน ห้องหับเป็นระเบียบเรียบร้อย สิ่งที่ควรมีก็มี เพียงแต่เหมือนไม่มีคนอยู่มานาน บนโต๊ะจึงมีคราบฝุ่นปกคลุมหนึ่งชั้น
ยามพลบค่ำ ในลานสวนเล็ก บนโต๊ะหิน ชายชรามองอาหารจานเล็กๆ สองสามอย่างบนโต๊ะตรงหน้าอย่างอึ้งงัน ไม่รู้กำลังคิดสิ่งใดอยู่ เพียงมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง ปั้นหน้าตึงหยิบตะเกียบขึนมาคีบอาหารกิน
“ท่านปู่ถาม กินเยอะๆ หน่อย” เฟิ่งจิ่วคีบอาหารให้เขาพลางนึกสงสัยในใจ ผู้อาวุโสถานผู้นี้เองก็เป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินแล้ว พลังระดับนี้เรียกได้ว่าแข็งแกร่งมากแล้ว เพียงแต่เหตุใดเขาจึงต้องเก็บซ่อนพลังไว้ด้วยเล่า?
เฟิ่งจิ่วเกาะหนึบชายชราทั้งแบบนี้ เธออาศัยอยู่ในเรือนของเขา ที่จริง นี่เป็นเพียงความสนใจชั่วขณะของเธอเท่านั้น เธอรู้สึกว่าชายชราเป็นคนแปลกมาก กอปรกับคิดว่าไม่มีเรื่องอะไรต้องรีบไปทำ จึงอยู่ดูต่อไป
และเพราะเหตุนี้ สองวันต่อมา กลางวันเธอนอนจนพอใจแล้วค่อยตื่น ออกบ้านไปซื้ออาหาร ถือโอกาสซื้อนมแกะกลับมาให้เสือน้อยกิน ยามว่างก็แวะไปช่วยดูแผงลอยที่ผู้อาวุโสถานขายอยู่
หรือพูดอีกอย่างก็คือ ไปนั่งดูผู้อาวุโสถานค้าขายอยู่ข้างๆ เขา เพราะหลังจากที่ผู้อาวุโสถานบดยาทิพย์จนเป็นผง แล้วผสมกันจนกลายเป็นผงยาสามัญที่ต้องใช้ทั่วไปเสร็จ เขาก็นำมาวางขายบนแผงลอยสมุนไพรในตลาด บางครั้งก็นำไปแลกของที่หอรวมสมบัติขวดสองขวด
วันนั้นที่บังเอิญเจอเธอ ผู้อาวุโสถานก็เอายาไปแลกสิ่งของเช่นกัน เพียงแต่สองวันหลังจากนั้น เขากลับไม่ได้ไปที่หอรวมสมบัติอีกเลย
คนรู้จักบางคนที่ปกติเห็นมีแค่ผู้อาวุโสถานนั่งหน้าบึ้งเฝ้าแผงลอยอยู่คนเดียว ตอนนี้จู่ๆ กลับมีเด็กหนุ่มหน้าตาละเมียดละไมคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย ก็อดยิ้มถามไม่ได้ “ผู้อาวุโสถาน เด็กหนุ่มคนนี้ใครกัน?”
ไม่รอให้ผู้อาวุโสถานตอบ เฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างๆ ยิ้มตาหยีตอบว่า “เป็นหลานชายขอรับ”