เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1819 คัดสรรด้วยความตาย / ตอนที่ 1820 ตกตะลึงยิ่งกว่า
ตอนที่ 1819 คัดสรรด้วยความตาย / ตอนที่ 1820 ตกตะลึงยิ่งกว่า
ตอนที่ 1819 คัดสรรด้วยความตาย
ท่ามกลางราตรี จู่ๆ เสียงกรีดร้องโหยหวนหนึ่งก็ดังขึ้น ไม่นาน เธอที่นั่งอยู่ในมุมห้องก็เห็นผู้ฝึกวิชามารสองคนลากชายคนหนึ่งที่ถูกซ้อมจนหายใจรวยรินมาทางนี้ จากนั้นก็ดันกรงเหล็กกรงหนึ่งเข้าไปไว้กลางสนาม
เห็นเพียงบนหัวไหล่ของชายหนุ่มถูกฟันหนึ่งแผล เลือดสีแดงสดไหลเป็นทาง เขาถูกผู้ฝึกวิชามารสองคนกดร่างไว้กับพื้น จากนั้นก็เอามีดขึ้นมาตัดเส้นเอ็นตรงข้อเท้า
“อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นอีกครั้ง ทำลายความเงียบสงบในค่ำคืนนี้
ผู้ฝึกวิชามารสองคนนำตัวชายที่ถูกตัดเอ็นข้อเท้าผลักเข้าไปในกรงที่ขังสัตว์ร้ายไว้ ไม่นานนัก ท่ามกลางสายตาของคนรอบข้าง เห็นเพียงสัตว์ร้ายในกรงเหล็กฉีกทึ้งร่างกายของชายคนนั้นเป็นชิ้นๆ พร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนของชายคนนั้นที่ดังก้องไปทั่วบริเวณ…
เหตุการณ์เลือดสาดและภาพที่อวัยวะภายในถูกควักออกมาเกิดขึ้นตรงหน้า รอบด้านเงียบกริบไร้เสียง มีเพียงเสียงหายใจของคนพวกนั้นที่หนักหน่วงขึ้นเพราะเห็นภาพเหตุการณ์นั้น
“นี่ก็คือจุดจบของคนที่คิดจะหนี! พวกเจ้าจงดูให้ดี จำไว้ให้ดี! มาถึงที่นี่ อย่าว่าแต่พวกเจ้าหนีไม่พ้นเงื้อมมือของพวกข้าเลย แม้จะหนีออกไปได้ ก็ไม่มีทางออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้!”
น้ำเสียงอำมหิตของผู้ฝึกวิชามารแฝงแววตักเตือนก้องสะท้อนไปทั่วบริเวณ ดังกระทบโสตประสาทของทุกคนอย่างชัดเจน มองดูสีหน้าตกตะลึงของทุกคน ผู้ฝึกวิชามารคนนั้นแค่นเสียงขึ้นจมูก หันกายจากไป ทิ้งไว้เพียงภาพเลือดสาดในกรงเหล็กขังสัตว์ร้าย…
เมื่อฟ้าเริ่มสาง ผู้ฝึกวิชามารหลายคนเดินตามหลังผู้อาวุโสกุ่ยเข้ามา พวกเขาหยุดเดินเมื่อถึงกลางสนาม สายตาเหี้ยมเกรียมของผู้อาวุโสกุ่ยตวัดมองทุกคนในสนามแวบหนึ่ง แล้วจึงค่อยเอ่ยขึ้นว่า
“มารวมตัวกันตรงนี้ให้หมด!”
สิ้นเสียง ทุกคนต่างลุกขึ้นยืนด้วยตนเอง เดินไปยืนตรงหน้าเขาอย่างเป็นระเบียบ สาวนกรงเหล็กที่เต็มไปด้วยเลือด ได้ถูกย้ายไปไว้อีกด้านหนึ่งนานแล้ว
เฟิ่งจิ่วเองก็เดินไปพร้อมกับคนพวกนั้น เพียงแต่ท่ามกลางคนเกือบสี่ร้อยคน เดาว่าคงมีแต่เธอที่ดูตัวเล็กและผอมที่สุด เพราะเบียดไปข้างหน้าไม่ได้ จึงทำได้เพียงยืนฟังอยู่ด้านหลังสุด
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่มาสามสี่เดือนแล้ว แล้วก็มีคนเพิ่งเข้ามา พวกเจ้าทั้งหมดมีด้วยกันสามร้อยเจ็ดสิบแปดคน มีตั้งแต่อายุสิบกว่าจนถึงสามสิบกว่าปี เช่นนั้น พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าถูกจับตัวมาทำอะไรที่นี่?”
เสียงเย็นเยียบของผู้อาวุโสกุ่ยดังก้องทั่วสนาม เพียงแต่ไม่มีใครตอบ ทุกคนต่างฟังและดูอยู่เงียบๆ
“ไม่รู้หรือ? ไม่รู้ข้าจะบอกให้เอง!”
เสียงของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นชั่วร้าย พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เหมือนตวาดเล็กน้อย “ท่ามกลางสามร้อยเจ็ดสิบแปดคน คนที่รอดชีวิตไปจนถึงตอนสุดท้ายเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์เป็นสายลับของวิหารราตรีของเรา! พวกเจ้าก็คือสายลับที่พวกข้าจะส่งเข้าไปอยู่ในสี่สำนักใหญ่!
แปลกใจใช่หรือไม่ว่าเหตุใดจึงต้องวางแผนส่งพวกเจ้าเข้าไปเป็นสายลับในสี่สำนักใหญ่? หึๆ…”
ผู้อาวุโสกุ่ยแสยะยิ้ม “นั่นก็เพราะว่า สายลับไม่ต้องใช้จำนวนมาก พวกเราจะคัดเลือกคนทีละรอบๆ โดยผู้แพ้ต้องถูกกำจัดด้วยความตาย พวกเจ้าหนีออกไปจากที่นี่ไม่ได้ หากไม่อยากตาย ก็มีแต่ต้องสู้สุดชีวิต มีเพียงสู้อย่างเต็มกำลังและคิดหาทางเอาตัวรอดเท่านั้น ไม่เช่นนั้น สิ่งที่รอพวกเจ้าอยู่ก็มีแต่วิธีการตายอันน่าสยดสยองเท่านั้น
ช่าเชื่อว่า เมื่อเห็นวิธีการตายของผู้ที่ถูกคัดออก พวกเจ้าจะต้องไม่อยากให้ผู้ถูกคัดออกเป็นตนเองแน่นอน”
เฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่หลังกลุ่มคนได้ยินประโยคนั้น ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ คัดออกด้วยความตาย? สายลับที่ส่งไปอยู่ในสี่สำนักใหญ่? คนของวิหารราตรีคิดจะทำอะไรกันแน่?
ขณะกำลังคิด ก็ได้ยินผู้อาวุโสกุ่ยที่อยู่ข้างหน้าเรียกเธอ…
………………………………….
ตอนที่ 1820 ตกตะลึงยิ่งกว่า
“เจ้าคนมาใหม่ มานี่”
สิ้นเสียงของผู้อาวุโสกุ่ยที่อยู่ข้างหน้า ทุกคนมองตามสายตาของเขา สายตาสะดุดอยู่ที่เด็กหนุ่มตัวผอมแห้งในชุดสีเขียวคนนั้น ท่ามกลางผู้คนมากมาย เด็กหนุ่มดูเหมือนจะเป็นคนที่ตัวเล็กและอ่อนแอที่สุดแล้ว
เฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่ข้างหลัสุดเห็นสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่เธอ จึงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไปด้วยความหวาดกลัว บางทีอาจเพราะคำพูดของผู้อาวุโสกุ่ย ทำให้พวกคนที่อยู่ข้างหน้าต่างพากันถอยหลังเพื่อแหวกเปิดทาง
“ทะ ทำไมหรือ?” เฟิ่งจิ่วถามเสียงสั่น หน้าตาเหมือนคนไม่มีความมุ่งมั่นแม้แต่น้อย สองขาสั่นเทามองผู้อาวุโสกุ่ยที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“หึๆๆ ไม่ทำไม” ผู้อาวุโสกุ่ยหรี่ตา ก่อนจะหัวเราะด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก “เจ้าดูแล้วก็เหมือนกุ้งขาอ่อนตัวหนึ่ง แต่ตาเฒ่านั่นก็ยังจะเอาเจ้าเข้ามา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าย่อมต้องปฏิบัติกับเจ้าอย่างพิเศษหน่อย”
พอทุกคนได้ยินอย่างนั้น แต่ละคนมีสีหน้าแตกต่างกันไป ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
เฟิ่งจิ่วโบกมือ พยายามควบคุมสีหน้าหวาดกลัว แล้วเอ่ยเสียงขลาดเขลาว่า “มะ ไม่ต้องปฏิบัติกับข้าเป็นพิเศษก็ได้ ขะ ข้าอยู่เหมือนทุกคนก็พอแล้ว” ตาเฒ่านี่ ยิ้มน่าขนลุกนัก ดูก็รู้ว่าไม่ได้คิดเรื่องดีๆ อยู่แน่
ผู้อาวุโสกุ่ยหรี่ตาจ้องเฟิ่งจิ่ว แล้วแสยะยิ้มชั่วร้าย “รอให้เจ้าผ่านด่านนี้แล้วค่อยว่ากันเถิด! การคัดคนด้วยความตาย เริ่มจากเจ้าเลยก็แล้วกัน” สิ้นเสียง เห็นเพียงเขาโบกมือหนึ่งครั้ง สัตว์ร้ายตัวหนึ่งพลันปรากฏตัวข้างกายเขา
“กรรซ์!”
นั่นเป็นสัตว์ร้ายที่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดตัวหนึ่ง นิสัยดุดัน ชื่อว่าเสือปีศาจ มันต่างจากเสือทั่วไป เสือตัวนี้มีขนบนตัวที่แข็งดุจเหล็ก เขี้ยวสองซี่ที่คดงอเหมือนตะขอและยาวเท่านิ้วมือโผล่ออกมาจากปาก บนใบหน้าด้านซ้ายและด้านขวาของมันมีลายเส้นอยู่ด้านละสามเส้น ดวงตากระหายเลือดสะท้อนแววโหดเหี้ยมที่ชวนใจสั่น
นี่เป็นสัตว์คู่พันธสัญญาของผู้อาวุโสกุ่ย อีกก้าวเดียวก็จะทะลวงขั้นเป็นสัตว์เทวะแล้ว ยามนี้เขาเรียกมันออกมาตรงหน้า
ครั้นทุกคนเห็นสัตว์ร้ายตัวนี้ แววตาก็ไหวระริก ต่างอดไม่ได้ที่จะผงะถอยหลัง มองเสือตัวนั้นด้วยท่าทางระแวดระวัง ผู้อาวุโสกุ่ยจู่ๆ ก็เรียกเสือตัวนี้ออกมา แม้แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา ก็เกรงว่ายากจะสู้กับสัตว์ร้ายด้วยตัวคนเดียว
แต่ทว่า…
นาทีนี้ บางคนหันไปจับจ้องเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาสับสน เห็นเพียงเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหน้าได้แต่ยืนทำหน้าตะลึงงัน ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย สีหน้าซีดขาวเบิกตากว้างอ้าปากค้างจ้องสัตว์ร้ายที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา ไม่รู้ว่าเพราะตกใจจนตัวแข็งทื่อหรือเปล่า เขาถึงกับไม่ถอยหลังหนีสักนิด
ผู้อาวุโสกุ่ยหรี่ตา ลูบหัวของเสือข้างกาย ดวงตาชั่วร้ายจับจ้องไปที่เฟิ่งจิ่ว “ไป กัดขาของเจ้านั่นให้ขาดเสีย” สิ้นคำสั่ง เสือตัวนั้นคำรามต่ำ พุ่งตัวออกไป อ้าปากกว้าง เผยเขี้ยวแหลมคมกระหายเลือด กระโจนเข้าใส่เฟิ่งจิ่ว
“กรรซ์!”
เฟิ่งจิ่วมองดูอย่างอึ้งงัน ได้แต่เบิกตาค้าง กระทั่งได้ยินคำสั่งของผู้อาวุโสกุ่ย กอปรกับเห็นเสือร้ายกำยำแข็งแกร่งเปล่งเสียงคำรามลั่น อ้าปากเผยเขี้ยวเสือพุ่งเข้ามาหาเธอ เธอทำราวกับตกใจ กรีดร้องเสียงแหลมด้วยความตื่นกลัว
“อ๊าก!”
เสียงนั้นเล็กแหลมเสียดแทงแก้วหู แฝงไว้ด้วยแรงกดดันที่มีเฉพาะผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน เสียงนั้นเสียดแทงเข้าไปในหูของกลุ่มคนในขณะที่พวกเขามัวแต่ตะลึงงัน ทำให้พวกเขารู้สึกปวดแก้วหู ตามมาด้วยอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ทว่า สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกตกตะลึงและเหนือความคาดหมายก็คือ เด็กหนุ่มในชุดสีเขียวกระโจนตัวออกไปด้วยความรวดเร็วดุจสายลม…