เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1825 ให้ความสำคัญ / ตอนที่ 1826 คนที่แฝงตัวเข้ามา
ตอนที่ 1825 ให้ความสำคัญ
ชายสี่คนหอบหายใจมองดูผู้ฝึกวิชามารคนนั้นที่ล้มลงไป พวกเขามองหน้ากันแวบหนึ่ง ในที่สุดก็เผยยิ้มออกมา ความหวาดระแวงที่มีต่อกันจางหายไปในนาทีนี้ พวกเขาราวกับสหายที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่ รบด้วยกันครั้งแรก ก็ร่วมมือกันจนได้รับชัยชนะ
“เหลยเซียว ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นกลาง เดิมทีเป็นผู้ฝึกเซียน ถูกจับตัวเข้ามาที่นี่โดยไม่ทันตั้งตัว” ชายฉกรรจ์หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น เขากำลังแนะนำตัวให้กับสามคนตรงหน้า
“ปี้ซาน ทหารรับจ้าง ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นแรก” ชายอายุยี่สิบกว่าคนหนึ่งเอ่ย
“เจียเซิ่ง ผู้ฝึกเซียน อยู่ระดับหลอมแก่นพลังขั้นกลางเช่นกัน” ชายฉกรรจ์อีกคนกล่าวตาม
“ข้าชื่อหลินซี แอบออกจากสำนักมาเที่ยวเล่น ถูกจับตัวมาเหมือนกัน สิ่งที่ต่างจากทุกท่านก็คือข้าเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานขั้นกลางเท่านั้น” ผู้พูดเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ดูท่าทางเหมือนเพิ่งอายุสิบห้าสิบหก ยังดูอ่อนเยาว์นัก ทว่านิสัยกลับต่างจากคนทั่วไป ไม่เช่นนั้น เขาอยู่ที่นี่มาสามเดือนแล้วก็คงไม่รอดมาจนถึงตอนนี้
ทั้งสี่คนมองหน้ากัน จากนั้นก็พยักหน้า “เช่นนั้นการเดินทางครั้งนี้พวกเราช่วยกันประคับประคองก็แล้วกัน! หวังว่าเราจะรอดไปด้วยกัน”
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่พวกเขาเอาของบนตัวผู้ฝึกวิชามารคนนั้นมา พวกเขาก็ออกเดินทางต่อ แผนที่ไม่ได้อยู่ในมือพวกเขา ตอนนี้ทำได้เพียงเดินหน้าต่อไป โชคดีที่พวกเขาสังหารผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณขั้นแรกคนหนึ่งได้ เทียบกับคนอื่น พวกเขาจึงมีความเชื่อมั่นมากกว่า
หลังจากที่พวกเขาจากไปได้ไม่นาน เฟิ่งจิ่วถือกิ่งไม้ที่ไม่รู้เก็บมาจากที่ใดไว้ในมือ เธอเองก็กำลังเดินหน้าไปช้าๆ เช่นกัน เธอใช้กิ่งไม้แหวกหญ้าที่ขวางทางข้างหน้า พลางสังเกตสิ่งรอบกายไปด้วย
จนกระทั่งมาถึงข้างหน้า หลังจากที่เห็นผู้ฝึกวิชามารคนหนึ่งตาย ประกายประหลาดใจพลันพาดผ่านดวงตา ทว่าเธอไม่ได้รั้งอยู่ เพียงเดินหน้าต่อไป
หลังเดินไปได้ระยะหนึ่ง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวน เสียงนั้นดังก้องไปทั่วผืนป่า ครั้นแยกแยะอย่างละเอียด ก็ยังสามารถจับทิศทางได้ว่ามาจากทางใด
มีการซุ่มโจมตีจริงๆ ด้วย!
เธอลอบทอดถอนใจเงียบๆ ขณะเดินหน้าต่อ ก็สัมผัสได้ถึงไอสังหารอันเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากป่า เธอหันหลังเหลือบมองแวบหนึ่ง ก็เห็นผู้ฝึกวิชามาระดับกำเนิดวิญญาณคนหนึ่งถือกระบี่พุ่งโจมตีมาทางเธอ เห็นอย่างนั้น เธอส่งยิ้มให้ผู้ฝึกวิชามารคนหนึ่งแวบหนึ่ง
ยามผู้ฝึกวิชามารคนนั้นเห็นรอยยิ้มตรงมุมปากของเด็กหนุ่ม เขาชะงักเล็กน้อย ลอบคิดในใจ เจ้านี่เป็นคนโง่หรืออย่างไร? ไม่เห็นหรือว่าตนเองกำลังจะตายแล้ว? ยังยิ้มออกอีก?
ปลายกระบี่พุ่งแทงออกไปโดยไม่ยั้งหยุด เพียงแต่ นาทีต่อไปกลับเกิดสิ่งที่ทำให้เขาสะท้านไปทั้งใจ
เห็นเพียงเด็กหนุ่มยืนนิ่งตรงนั้นไม่ไหวติง ยามปลายกระบี่พุ่งแทงออกไป ใบหน้าของเธอเอียงเล็กน้อย ขณะหลบปลายกระบี่ กิ่งไม้ในมือก็พุ่งชี้ไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ไม่ทันตั้งตัว
“อึก!”
ผู้ฝึกวิชามารร้องครวญ เขาตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ เลือดสายหนึ่งทะลักออกจากมุมปากของเขา ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนไร้พิษสงตรงหน้า เห็นกลีบปากของเขาฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มจางๆ แต่กลับลงมือปลิดชีวิตของเขาในพริบตาเดียว
“โครม!”
ร่างกายล้มหงายไปข้างหลัง เฟิ่งจิ่วดึงกิ่งไม้ที่แทงทะลุหน้าอกของเขากลับมา มองดูผู้ฝึกวิชามารที่ร่างกระตุกสั่นไม่กี่ทีจนตายไปในที่สุด เธอถอนหายใจ “เจ้าเป็นคนมารนหาที่ตายถึงที่ โทษข้าไม่ได้นะ”
เธอขว้างกิ่งไม้กิ่งนั้นไปด้านหนึ่ง เอาสิ่งของบนตัวผู้ฝึกวิชามารมา ก่อนจะเดินหน้าต่อไป ร่างกายหายลับไปในพุ่มหญ้าที่สูงเท่าครึ่งคน…
หลังจากเดินมาได้ระยะหนึ่ง ก็มีคนหมายหัวเฟิ่งจิ่วอีก และผลลัพธ์ของการจ้องจะเล่นงานเธอ ย่อมต้องเจอกับความตายในที่สุด
เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งวัน ผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณตายไปสิบกว่าคน นั่นทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้อาวุโสกุ่ยอย่างเลี่ยงไม่ได้…
………………………………….
ตอนที่ 1825 คนที่แฝงตัวเข้ามา
“ยังไม่ถึงครึ่งวันผู้ฝึกระดับกำเนิดวิญญาณก็ตายไปแล้วสิบกว่าคน?” ผู้อาวุโสกุ่ยหรี่ตา ประกายครุ่นคิดพาดผ่านดวงตา “เก็บศพกลับมาหรือยัง?”
“เก็บกลับมาแล้วขอรับ ล้วนวางเรียงไว้ตามเวลาตายไว้ข้างนอกหมดแล้ว” ผู้ฝึกวิชามารคนหนึ่งตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เวลาไม่ถึงครึ่งวันก็มีผู้ฝึกระดับกำเนิดวิญญาณตายไปแล้วถึงสิบกว่าคน เรียกได้ว่าทำให้พวกเขาสูญเสียกำลังคนที่ส่งออกไปเกือบครึ่งเลยทีเดียว
หนำซ้ำ ท่ามกลางคนสามร้อยกว่านั้น คนที่มีพลังสูงสุดก็อยู่ในระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดเท่านั้น ถึงอย่างนั้น กลับจัดการผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณสิบกว่าคนโดยไม่ทำให้ผู้ใดแตกตื่น แล้วจะไม่ให้ตะลึงได้อย่างไรกัน?
หรือว่าท่ามกลางสามร้อยกว่าคนนั้น มีคนพลังแข็งแกร่งแฝงตัวอยู่? ทว่าหากมีคนอย่างนั้นอยู่จริง ก็ไม่น่าจะถูกพวกเขาจับตัวเข้ามาในนี้ได้ เป็นเพราะอะไรกันแน่?
ผู้อาวุโสกุ่ยที่อยู่ข้างในเดินออกมา มองดูศพสิบกว่าศพที่วางเรียงกันอยู่นอกเรือน สายตาคมปลาบและเหี้ยมเกรียมพาดผ่าน เขาเริ่มตรวจสอบตั้งแต่ศพแรกทันที
“โจมตีที่หน้าอกจนถึงแก่ความตาย รูแผลขนาดเล็ก ไม่ใช่ดาบหรือกระบี่ แล้วก็ไม่ใช่อาวุธลับ ดูจากรูนี้น่าจะเป็นกิ่งไม้ หนำซ้ำไม่ใช่กิ่งไม้ที่คมด้วย” ผู้อาวุโสกุ่ยตรวจสอบ พร้อมกับพึมพำวินิจฉัยไปพลาง “ผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณเดิมมีวิชาป้องกันตัวแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ทว่าใช้เพียงกิ่งไม้กิ่งเดียวก็สามารถทำให้เขาถึงแก่ความตายได้ คนคนนี้ไม่ธรรมดาเลย”
“หรือว่าจะมีคนที่มีฝีมือยอดเยี่ยมแฝงตัวอยู่ในสามร้อยกว่าคนนั้นขอรับ?” ผู้ฝึกวิชามารที่อยู่ข้างๆ อดถามขึ้นไม่ได้
ได้ยินอย่างนั้น ผู้อาวุโสกุ่ยเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แสยะยิ้มบอกว่า “เจ้าคิดว่าข้าตาบอดหรือ? ในสามร้อยกว่าคนนั้นหากมีคนอย่างนั้นอยู่จริง ข้าจะดูไม่ออกได้อย่างไร?”
ผู้ฝึกวิชามารคนนั้นถูกตำหนิ ก็รีบก้มหน้าหลุบตาต่ำ ไม่กล้าพูดอะไรอีก กลัวว่าผู้อาวุโสกุ่ยจะนำความโกรธมาระบายที่เขา
ผู้อาวุโสกุ่ยหันไปตรวจสอบศพที่สองต่อ เห็นว่าถูกดาบปาดคอ อีกครั้งทั่วทั้งตัวยังไม่มีร่องรอยการต่อสู้แม้แต่น้อย ก็อดหรี่ตาไม่ได้ ก่อนจะหันไปตรวจสอบศพต่อไป แล้วก็พบว่าทั้งหมดล้วนตายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว อีกทั้งยังไม่ใช่การลอบโจมตี ด้วยเหตุนี้ เขามั่นใจได้ว่า พลังของคนคนนี้ จะต้องอยู่ในระดับเซียนเหินอย่างแน่นอน
มีเพียงเซียนเหินเท่านั้นที่จะสามารถสังหารผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณได้ภายในการโจมตีเดียว อีกทั้งเขาไม่คิดว่าในสามร้อยกว่าคนนั้นจะมีคนเช่นนี้ซ่อนอยู่ ตรงกันข้าม น่าจะมีคนแฝงตัวเข้ามาในถิ่นของพวกเขาเสียมากกว่า
“ส่งผู้ฝึกวิชามารระดับเซียนเหินสามสี่คนออกไปดูในป่า น่าจะมีคนแฝงตัวเข้ามา ข้าอยากรู้นัก ว่าเป็นใครมาจากไหน ถึงกล้าแฝงตัวเข้ามาในถิ่นของวิหารราตรีของเราเช่นนี้!”
“ขอรับ!” ผู้ฝึกวิชามารคนหนึ่งรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสกุ่ยเอามือไพล่หลังเดินไปเดินมา ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เขากำชับอีกครั้ง “ส่งคนออกไปอีกกลุ่มหนึ่ง บอกพวกเขาให้จับตัวกันกลุ่มละสองคน ลงมือกับสายลับพวกนั้นในระดับที่เห็นสมควรก็พอ ห้ามลงมือสังหาร ไม่เช่นนั้นสุดท้ายจะเหลือเพียงไม่กี่คน กำชับพวกเขาให้ระวังมากหน่อย สังเกตด้วยว่ามีคนน่าสงสัยหรือไม่”
“ขอรับ” ผู้ฝึกวิชามารคนหนึ่งรับคำ ก่อนจะโฉบกายออกไป
“เจ้าก็ไปด้วย เข้าไปเล่นกับคนพวกนั้นสักหน่อย” ผู้อาวุโสกุ่ยเหลือบมองหญิงสาวที่แต่งกายวาบหวามข้างหลัง
“ในเมื่อท่านอยากให้ข้าไป เช่นนั้นข้าไปก็ได้!” หญิงสาวนางนั้นเดินเข้ามาซบอยู่ในอ้อมแขนของผู้อาวุโสกุ่ย สองมือลูบไล้ผ่านหน้าอกของเขา จากนั้นก็ยกมือปิดกลีบปากสีแดงที่กำลังยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับเดินส่ายสะโพกอันน่าเย้ายวนเดินเข้าไปในป่าผืนนั้น
ผู้อาวุโสกุ่ยหรี่ตา จ้องเงาร่างของหญิงสาวที่เดินเข้าไปในป่า ประกายมืดมนพาดผ่านดวงตาแวบหนึ่ง…