เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1881 หญิงงามเย้ายวน / ตอนที่ 1882 ถีบกระเด็น
ตอนที่ 1881 หญิงงามเย้ายวน / ตอนที่ 1882 ถีบกระเด็น
ตอนที่ 1881 หญิงงามเย้ายวน
“กลุ่มอำนาจใดกันโหดเหี้ยมปานนี้ แม้แต่วิหารใหญ่ของวิหารราตรีก็กล้าทำลาย? หรือว่าจะเป็นผู้ฝึกวิชามารพวกนั้น?”
“ใครจะไปรู้เล่า เจ้าวิหารราตรีก็ไม่ใช่คนซื่อตรงอะไรนัก ไม่แน่ว่าเขาอาจไปมีเรื่องบาดหมางกับกลุ่มอำนาจแข็งแกร่งไหนเข้าถึงได้ถูกคนทำลายเช่นนี้ พวกเจ้ายังไม่รู้ ที่นั่นถูกไฟไหม้ทั้งคืนเลยล่ะ! ซ้ำบนพื้นยังมีหลุมขนาดใหญ่หลายหลุม อานุภาพขนาดนั้น ข้าเดาว่าจะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งในผู้แข็งแกร่งแน่นอน ถึงได้ทิ้งร่องรอยการโจมตีเช่นนั้นไว้ได้”
“แต่เพียงวันเดียวข่าวก็แพร่กระจายออกไปแล้ว มีคนไม่น้อยไปดู แต่ได้ยินว่าตอนนี้ที่นั่นเข้าไปไม่ได้อีกแล้ว น่าจะเป็นเพราะเขตอาคมและค่ายกลถูกร่ายขึ้นมาใหม่แล้ว ข้าว่านะ เจ้าวิหารน่าจะยังไม่ตาย”
“เจ้าวิหารราตรีมีอำนาจยิ่งใหญ่เพียงนั้น แม้วิหารใหญ่จะถูกทำลายก็ไม่มีทางล่มสลาย ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเจ้าวิหารของพวกเขาไม่ตาย อำนาจของวิหารราตีก็ไม่ทางแตก”
“ก็จริง เพียงแต่ถูกคนทำลายไปหนึ่งครั้ง จะมีครั้งที่สองหรือไม่?”
“ครั้งที่สอง? อย่างนั้นก็ต้องมีคนเข้าไปได้ถึงจะเป็นไปได้”
ตรงมุมร้าน เฟิ่งจิ่วที่แต่งกายชุดสีเขียวก้มหน้าดื่มสุรา กินเนื้อ ราวกับไม่ได้ยินบทสนทนาของคนพวกนั้น มีแต่สวรรค์รู้ว่าเธออดอยากมานานขนาดไหนแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้รับอิสระ ย่อมต้องกินให้อิ่มท้องก่อนสักมื้อเป็นธรรมดา
“เสี่ยวเอ้อร์ เตรียมไก่ย่างสองตัวไว้ให้ข้าเอากลับด้วย” เธอดื่มสุราหนึ่งอึกแล้วตะโกนบอก
“ได้ขอรับ!” เสี่ยวเอ้อร์ยิ้มตาหยีรับคำ เข้าไปสั่งหลังร้าน ก่อนจะหันไปบริหารลูกค้าโต๊ะอื่นต่อ
ฉับพลันนั้น เสียงคึกคักรื่นเริงพลันเงียบกริบ เฟิ่งจิ่วที่กำลังกินอาหารอยู่ตรงมุมร้านเงยหน้ามอง อดยักคิ้วไม่ได้ เห็นเพียงหญิงสาวหน้าตางดงามสะสวยสี่นางเดินเข้ามา ทว่าสิ่งที่ทำให้คนในชั้นหนึ่งต่างเงียบกริบไม่ใช่เพียงหน้าตาอันงดงามของพวกนาง แต่ยังมีทรวดทรงอันสะโอดสะองของพวกนางด้วย
ในหอสุราส่วนมากล้วนเป็นผู้ฝึกตนชายรวมถึงลูกหลานคนมีเงินในเมือง แม้จะเคยพบเจอหญิงงามมามาก แต่เวลานี้ก็อดตะลึงตาค้างไม่ได้ ส่วนหญิงงามสี่นางนั้นราวกับเคยชินกับสายตาเช่นนี้แล้ว บางคนก็ส่งยิ้มหวานให้คนในหอสุรา บางคนแววตาหวานหยาดเยิ้ม แสร้งทำเหนียมอาย
“เสี่ยวเอ้อร์ หาห้องส่วนตัวให้พวกข้าหนึ่งห้อง” หญิงนางหนึ่งในนั้นเผยรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์พลางขานเรียก ดึงสติของเสี่ยวเอ้อร์ที่กำลังเหม่อลอยกลับมา
เฟิ่งจิ่วมองแวบเดียวก็ละสายตากลับมา กินอาหารของตนเองต่อ หญิงสาวสี่นางนี้มีพลังวิญญาณอยู่รอบตัว เป็นผู้ฝึกวิชาเซียนไม่ผิดแน่ แต่กลับแต่งกายด้วยผ้าไหมโปร่งบางหลากสี มิใช่เครื่องแบบของสำนัก อีกอย่างก็คือ กลางคิ้วของหญิงสาวสี่นางนี้มีแววยั่วยวน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนดีอะไร
ตอนที่เธออยู่ในลานฝึกเธอเคยเห็นหญิงงามสองคนที่มาจากสำนัก แววตาของหญิงงามสองนางนั้นไม่ต่างจากพวกนางเลย ไม่แน่ว่าพวกนางอาจเป็นนางปีศาจที่ออกมาจากสำนักจามจุรี
“ทะ ท่านเซียน ไม่มีห้องส่วนตัวแล้วขอรับ ห้องส่วนตัวสี่ห้องชั้นบนเต็มหมดแล้ว ไม่สู้นั่งโต๊ะส่วนตัวบนชั้นสองดีหรือไม่ขอรับ? เมื่อครู่เพิ่งมีแขกลุกออกไปหนึ่งโต๊ะ ว่างหนึ่งโต๊ะดี เห็นวิวถนนข้างนอกด้วยนะขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์แสนอ ดวงตาไม่กล้ามองหลุกหลิก
“ไม่มีห้องส่วนตัวจะได้อย่างไร? ไม่สู้พวกข้าขึ้นไปถามข้างบน ดูว่ามีแขกยอมยกห้องส่วนตัวให้พวกเราสี่พี่น้องหรือไม่” หญิงนางหนึ่งในสี่คนยิ้มเอ่ย ไม่รอให้เสี่ยวเอ้อร์พูดอะไร ก็สาวเท้าขึ้นไปยังชั้นสอง
“นั่นสิ พวกเราล้วนคุ้นเคยกับการกินข้าวในห้องส่วนตัว” หญิงอีกนางยิ้มพลางยกมือปิดกลีบปากแดงน่ามอง ก่อนจะเดินตามขึ้นไปที่ชั้นสอง
………………………………….
ตอนที่ 1882 ถีบกระเด็น
“นะ นี่…” เสี่ยวเอ้อร์อึ้งงัน หันไปมองเถ้าแก่ที่อยู่หลังโต๊ะคิดเงินอย่างทำอะไรไม่ถูก
เถ้าแก่ขมวดคิ้ว ก้าวเท้าออกจากหลังโต๊ะ สาวเดินตามไปเร็วๆ ขวางหน้าหญิงสี่นางนั้น “แม่นางทั้งสี่ ทำอย่างนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะ”
“อ้อ? ไม่เหมาะอย่างไรกัน? พวกข้าพี่น้องเพียงอยากได้สภาพแวดล้อมยามกินข้าวที่ดีหน่อย แค่นี้ก็ไม่ได้หรือ เถ้าแก่? หากมิใช่ได้ยินมาว่าหอสุราของท่านมีชื่อเสียงเรื่องอาหารเลิศรสที่สุดในเมืองนี้ พวกข้าก็คงไม่เดินทางมาไกลถึงเพียงนี้”
หญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าจีบปากจีบคอพูด น้ำเสียงของนางนุ่มนวลน่าฟัง ฟังจนเหล่าชายหนุ่มที่อยู่ข้างล่างกระดูกแทบกรอบหมดแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่อหญิงสาวคนนั้นทำแววตาน้อยเนื้อต่ำใจ สีหน้าที่ชวนให้เอ็นดูสงสารนั่น ทำเอาเหล่าชายหนุ่มด้านล่างอดเอ่ยปากขึ้นมาไม่ได้
“เถ้าแก้ ท่านขวางพวกนางทำไมกัน? แม่นางทั้งสี่อยากได้ห้องส่วนตัว ท่านก็ให้คนเจียดออกมาให้สักห้องก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ? ปล่อยให้หญิงงามหยาดเยิ้มสี่คนนั่งกินข้าวในห้องโถงเช่นนี้ ท่านไม่สงสารบ้างหรือ?”
“นั่นน่ะสิ พวกข้าก็อีกเรื่องหนึ่ง ลูกผู้ชายกินข้าวที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น แต่นี่คนอื่นเขาเป็นหญิงสาวอย่างไรก็ควรมีห้องส่วนตัวจึงจะเหมาะสม! อีกอย่าง ไม่แน่ว่าคนในห้องส่วนตัวตอนนี้พอได้เห็นแม่นางทั้งสี่ ก็อาจยอมยกห้องให้เพราะรู้จักถนอมหญิงงามเหมือนพวกเราก็ได้!”
ฟังเสียงคนพวกนั้นร้องโห่ตามน้ำ เถ้าแก่กลับหน้าไม่เปลี่ยนสี เพียงขมวดคิ้ว อธิบายกับหญิงสาวทั้งสี่ “แม่นางทั้งสี่ ไม่ใช่ข้าไม่ยอมช่วย แต่คนในห้องส่วนตัวทั้งสี่ห้องล้วนเป็นคนที่ไม่อาจทำให้ผิดใจได้ ข้าทำไปก็เพราะหวังดีกับแม่นางทั้งสี่ด้วย”
เขาเอ่ยแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเสนอขึ้นมาว่า “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน! แขกในห้องส่วนตัวทั้งสี่ห้องเดาว่าคงนั่งอีกไม่นานนัก ไม่สู้พวกท่านออกไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อย ดูว่ามีของอะไรที่อยากซื้อหรือไม่ ผ่านไปพักหนึ่งค่อยกลับมา ข้าจะเก็บห้องส่วนตัวไว้ให้พวกท่านหนึ่งห้อง”
ใครจะรู้ ขณะที่เขากำลังพูดกับหญิงสาวนางนั้น สามคนข้างหลังกลับเดินขึ้นไปข้างบนแล้ว หนึ่งในนั้นเปิดประตูห้องส่วนตัวห้องหนึ่งแล้วเดินเข้าไป
“อ้าว แม่นาง พวกท่านทำอย่างนั้นไม่ได้…”
“กรี๊ด!”
เถ้าแก่ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นหญิงสาวที่เดินเข้าไปถูกซัดจนร่างปลิวออกมาจากในห้อง เสียงกรีดร้องดังจากปากของนาง ก่อนที่ร่างบางจะเสียหลักตกลงมาจากชั้นสอง
“โครม!”
หญิงสาวนางนั้นตกลงมากระแทกโต๊ะตัวหนึ่งเต็มๆ เหล่าผู้ฝึกตนที่นั่งโต๊ะตัวนั้นพากันถอยหลังออกไปหลายก้าวในพริบตา เบิกตากว้างจ้องร่างของหญิงสาวนางนั้นที่กระแทกโต๊ะจนพัง จากนั้นก็ตกลงไปบนพื้นอีก
“พรวด!”
เลือดสีแดงสดทะลักออกจากปาก ดวงหน้างามพลันเปลี่ยนเป็นซีดขาว นอนอยู่บนพื้น แม้อยากจะลุกขึ้นก็ลุกไม่ไหว
“น้องหญิงเจ็ด!”
หญิงสาวอีกสามคนได้สติกลับคืนมาจากความตกตะลึง หนึ่งในนั้นกระโดดลงมาจากชั้นสองทันที รีบเข้าไปหยุดอยู่ข้างหญิงสาวนางนั้น และประคองนางขึ้นมา
เวลาเดียวกันนี้ หญิงงามอีกสองคนที่อยู่ชั้นบนใบหน้าขึ้งเคียด ขณะคิดจะเดินไปเปิดประตู ก็เห็นมีคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากข้างใน
นั่นเป็นชายอายุประมาณสามสิบปีผู้หนึ่ง เขาสวมชุดคลุมเสวียน ร่างกายกำยำสมส่วน ใบหน้าแข็งกร้าวน่าเกรงขาม เขาเดินเอามือไพล่หลังออกมา รอบกายมีกลิ่นอายอันน่ายำเกรงของผู้เหนือกว่ากระจายอยู่
เขาสาวเท้าออกมาจากห้องส่วนตัว สายตาคมปลายตวัดมองผ่านหญิงงามสองคนนั้น น้ำเสียงแฝงแววคมกริบ “ผู้ใดอนุญาตให้พวกเจ้าบุกรุกโดยพลการ?”