เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1887 แย่แล้วๆ / ตอนที่ 1888 คนที่มาผสมโรง
ตอนที่ 1887 แย่แล้วๆ / ตอนที่ 1888 คนที่มาผสมโรง
ตอนที่ 1887 แย่แล้วๆ
แต่ทว่า ไม่นานชายหนุ่มที่นั่งตรงมุมกำแพงก็รู้สึกผิดปกติ เขากินยาแก้พิษแต่ร่างกายกลับไม่ดีขึ้น เหมือนจะยิ่งแย่ลงด้วยซ้ำ ร่างกายค่อยๆ ร้อนขึ้น ใบหน้าค่อยๆ แดงก่ำ สายตาเหมือนจะพร่าเลือนไปช้าๆ
เขาไม่ใช่คนที่ไม่เคยเดินทางอยู่ข้างนอก ยามนี้พอร่างกายเกิดอาการเช่นนี้ กอปรกับเห็นหญิงสาวพวกนั้นหัวเราะอย่างได้ใจ กระทั่งทำหน้าตาท้าทายระคนยั่วยวนด้วย เขาก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เกรงว่านี่ไม่ใช่ยาพิษอะไร แต่เป็นยาเร้ากำหนัดของสำนักจามจุรี!
เฟิ่งจิ่วดูชายชรากับหลี่เม่ยเอ๋อร์ผู้นั้นสู้กัน กลับไม่ได้สังเกตเห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงมุมกำแพง ในสายตาเห็นแค่เพียงพลังระดับปราชญ์เซียนที่ทั้งสองสำแดงออกมา เพียงแต่ พลังของหลี่เม่ยเอ๋อร์อยู่ในระดับปราชญ์เซียนขั้นกลาง ส่วนพลังของชายชรากลับอยู่ในระดับปราชญ์เซียนขั้นสูงสุด เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงกำราบการโจมตีของหลี่เม่ยเอ๋อร์ได้อย่างง่ายดาย
หญิงสาวเหล่านั้นที่อยู่ชั้นล่างดูออกว่าอาจารย์ของตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายชราคนนั้น อยากจะเข้าไปช่วย แต่เพราะพลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป พวกนางจึงไม่อาจเข้าใกล้บริเวณนั้นได้เลย หญิงงามหนึ่งในนั้นนัยน์ตาไหวระริก ตะโกนขึ้นว่า
“ฮุ่นหยวนจื่อ ผู้ชายที่อยู่ข้างหลังท่านจะทนไม่ไหวแล้ว ท่านรู้หรือไม่ว่าเขาโดนยาอะไร นั่นมิใช่ยาพิษ แต่เป็นยาลับที่ทำให้มีความสุขของสำนักเรา”
พอได้ยินอย่างนั้น ฮุ่นหยวนจื่อถมึงตา สบถด่าออกไปทันที “ไม่เป็นไร หากเขาตาย ข้าจะให้พวกเจ้าตายตามไปทีละคน!”
หญิงสาวคนนั้นสะอึก คำพูดติดอยู่ที่ลำคอ ทำได้เพียงกล้ำกลืนความโกรธแล้วแค่นเสียง ลอบด่าในใจ ตาแก่หนังเหนียว! รับมือยากดังคาดไว้เลย!
เฟิ่งจิ่วมองดูหลี่เม่ยเอ๋อร์ควบคุมเส้นด้ายสีเงินด้วยสิบนิ้วโจมตีชายชรา ขณะที่เส้นด้ายเหล่านั้นพาดผ่าน คานเสาของหอสุราถูกกรีดจนเป็นรอย นางควบคุมด้วยนิ้วมือทั้งสิบ เส้นด้ายเหล่านั้นดูคมเสียยิ่งกว่ามีด ยามพุ่งโจมตีออกไปสองเส้นในนั้น ถึงขั้นพุ่งทะลุเสากลมไปเลยทีเดียว
“วืด!”
“ปึงๆๆ!”
เห็นเพียงชายชราดึงแส้หางม้าที่เหน็บเอวขึ้นมาสะบัด กระแสพลังอันคมกริบดุจมีดพุ่งบินออกจากแส้ พุ่งไปทางหลี่เม่ยเอ๋อร์ซึ่งๆ หน้า หลี่เม่ยเอ๋อใช้เส้นด้ายในมือต้านรับ เส้นด้ายของนางขาดผึงเกิดเป็นเสียงดังหลายครั้ง ทว่าขณะเดียวกับที่ปัดป้องการโจมตีนั่นและตั้งใจจะแสยะยิ้มด้วยความย่ามใจ กลับเห็นแส้หางม้าของชายชราสะบัดมาที่หน้าของนางตรงๆ
“ซี๊ด!”
แส้หางม้าสะบัดใส่หน้าของนาง เจ็บจนนางต้องร้องซี๊ด ร่างกายก็พลัดตกลงมาชั้นล่างด้วยแรงเหวี่ยงนั่นด้วยเช่นกัน
“ท่านอาจารย์!”
เหล่าหญิงสาวที่อยู่ชั้นล่างเห็น ก็ตกใจ รีบเข้าไปรับร่างนาง ทว่าเมื่อเห็น พวกนางต่างพากันหน้าซีด
เห็นเพียงบนใบหน้างดงามของอาจารย์พวกนางมีรอยเลือดกระดำกระด่าง หนำซ้ำยังเห็นรอยแผลที่เกิดจากแส้ฟาดรางๆ ด้วย ดวงหน้าที่งดงามสะดุดตาเช่นนี้ กลับต้องเสียโฉมไปทั้งอย่างนี้ พวกนางเห็นแล้วก็อดสูดหายใจไม่ได้
“ไปเร็ว!”
หนึ่งในนั้นได้สติกลับมา เห็นอาจารย์ของพวกนางสู้ไม่ได้ จึงรีบประคองนางหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ฮุ่นหยวนจื่อ เจ้าคอยดูเถิด ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้!” เสียงเล็กแหลมและเกรี้ยวกราดของหลี่เม่ยเอ๋อร์ดังเข้ามาจากข้างนอก กระทั่งค่อยๆ ห่างออกไป…
“พรืด! นางมารเฒ่า เสียเปรียบเจ้าแล้ว!”
ชายชราหลุดขำพรืด ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ ยกมือขึ้นตีหน้าผาก “แย่แล้วๆ!” เขารีบหันหลังไปดูชายที่นั่งหน้าแดง อดทนจนร่างกายท่วมเหงื่ออยู่ตรงมุมกำแพง รีบเดินเข้าไปหา
………………………………….
ตอนที่ 1888 คนที่มาผสมโรง
“โดนยาเร้ากำหนัดของสำนักจามจุรีจริงๆ หรือ? อย่างนั้นก็ยุ่งแล้วล่ะ”
ชายชราประคองคนขึ้นมา เห็นชายหนุ่มหน้าแดงก่ำ เหงื่อขนาดเท่าเม็ดถั่วผุดซึม อดทนอดกลั้นจนเส้นเอ็นหลังมือนูนปูด อดลังเลไม่ได้ ก่อนจะเสนออย่างระมัดระวัง “ถ้าอย่างไร ข้าหาหอนางโลมให้สักแห่งไหม?”
สิ้นเสียง ชายคนนั้นถมึงตาจ้องเขา กัดฟันกล่าวว่า “ประคองข้าเข้าไป! ให้คนเตรียมน้ำเย็น!”
“ผู้อาวุโสฮุ่นหยวน”
เวลานี้เอง คนในห้องส่วนตัวอีกสามห้องเดินออกมา เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นฮุ่นหยวนจื่อ จึงคิดจะผูกมิตรด้วย ฉะนั้นจึงกล่าวว่า “ข้าคือผู้นำตระกูลของตระกูลสวี่ ออกจวนมาครั้งนี้หมอประจำตระกูลของข้าก็ร่วมเดินทางมาด้วย ไม่สู้ให้เขาช่วยดูอาการสหายน้อยผู้นี้หน่อยดีหรือไม่?”
ฮุ่นหยวนจื่อเหลือบมองคนพวกนั้นแวบหนึ่ง เห็นว่าผู้พูดเป็นชายชราคนหนึ่ง ข้างๆ เขามีชายวัยกลางคนที่ติดตราประทับของหมอไว้บนอกเสื้อติดตามมาคนหนึ่ง ซ้ำยังเป็นตราประทับของหมอระดับสูงเสียด้วย
เมื่อเห็นเช่นนั้น เขามองชายหนุ่มที่ตนกำลังประคองแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “เช่นนั้นก็รบกวนแล้ว” เขาประคองชายหนุ่มเข้าไปในห้องส่วนตัว พวกคนข้างหลังก็ตามเข้าไปด้วย
เถ้าแก่เห็นหอสุราถูกพังจนแทบไม่เหลือชิ้นดี ก็อดถอนหายใจส่ายหน้าไม่ได้ ก่อนจะลงไปเก็บกวาด ครั้นลงมาถึงชั้นหนึ่ง จึงเพิ่งเห็นว่ายังมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งกินอาหารอยู่ตรงมุมร้าน เด็กหนุ่มคนนั้นเหมือนไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ท่าทางเขาเหมือนกำลังลิ้มรสชาติของเนื้อและสุรา แม้แต่เขาที่เคยผ่านเหตุการณ์มามากมาย ก็ยังอดตะลึงไม่ได้
“คะ คุณชายท่านนี้? ทะ ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
เถ้าแก่ถามอย่างระมัดระวัง มองดูจานหลายใบที่วางอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม อาหารส่วนใหญ่ล้วงถูกกลืนลงท้องไปหมดแล้ว เหลือก็แต่เศษกระดูกที่กองกันอยู่บนโต๊ะ ที่แท้ตอนที่คนพวกนั้นกำลังสู้กันอยู่ เด็กหนุ่มก็กำลังกินอาหารและนั่งดูเรื่องคึกคักอยู่ตรงนี้นี่เอง?
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ เถ้าแก่มุมปากกระตุก คนแปลกนั้นมีทุกปี ปีนี้เหมือนจะมีมากเป็นพิเศษ คนที่มาที่นี่ในวันนี้ แต่ละคนล้วนไม่ปกติ
“เอิ้ก! ไม่ค่อยดี” เฟิ่งจิ่วเรอเสียงดัง ก่อนส่ายหน้าตอบ
“หา? มะ ไม่ค่อยดี? บะ บาดเจ็บตรงไหนงั้นหรือ?” เถ้าแก่ได้ยิน ก็ถามด้วยความกังวล ขออย่าให้บาดจเบเพราะถูกพลังกระบี่หรืออะไรทำนองนั้นเลย หากบาดเจ็บที่นี่ เขาก็ต้องซวยตามไปด้วยน่ะสิ
“เปล่า แต่กินอิ่มเกินไป เหมือนจะเดินไม่ไหวแล้ว” เธอพ่นลมหายใจเบาๆ ลูบท้องตนเองแล้วตอบอย่างหน้าซื่อตาใส “กินอิ่มแล้ว จู่ๆ ก็อยากงีบกลางวันสักหน่อย”
“หา?” เถ้าแก่มองเด็กหนุ่มด้วยความงงงัน
เฟิ่งจิ่วมองเถ้าแก้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วหัวเราะ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “เถ้าแก่ ข้าสั่งไก่ย่างห่อกลับอีกสองตัว ตอนนี้ยังไม่ได้เลย! นี่พวกท่านย่างเสร็จแล้วหรือยัง? ยังต้องให้ข้ารออีกนานแค่ไหน?”
“คะ คือว่าเมื่อกี้คนเขาถึงขั้นสู้กันแล้ว ตอนนี้อาจจะยังทำไม่เสร็จ ถ้าอย่างไรคุณชายรอก่อน ข้าไปดูก่อนดีหรือไม่?” เถ้าแก่ถามหยั่งเชิง
เฟิ่งจิ่วกลอกตา ยิ้มตาหยีแล้วพยักหน้า “ก็ได้! ย่างเสร็จแล้วก็ห่อมาให้ข้าด้วย” เธอลุกขึ้นยืน ดวงตาสีนิลจับจ้องขึ้นไปที่ชั้นสองอย่างซุกซน อยากขึ้นไปดูว่าชายคนนั้นถูกวางยาเร้ากำหนัดแล้วตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง?
ต้องบอกก่อนว่า หากเป็นยาเร้ากำหนัดทั่วไปเพียงอดทนแช่น้ำเย็นก็ผ่านไปได้แล้ว แต่ของที่มาจากสำนักจามจุรีนั่น มีหรือจะธรรมดา? ยิ่งไปกว่านั้น จากที่เธอสังเกตการณ์ ชายคนนั้นหลังกินยาแก้พิษไม่เพียงอาการไม่ดีขึ้น ตรงกันข้ามกลับแย่ลงไปอีก หากคิดจะแช่น้ำเย็นเพื่อแก้พิษอย่างเดียว เดาว่าคงจะทำไม่ได้