เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1899 ทำอะไร / ตอนที่ 1900 มีสิทธิ์อะไร
ตอนที่ 1899 ทำอะไร / ตอนที่ 1900 มีสิทธิ์อะไร
ตอนที่ 1899 ทำอะไร
“กรี๊ด! ไม่นะ!”
ผู้ฝึกตนหญิงคนนั้นกรีดร้อง ตกใจจนหน้าซีด สิ่งที่ผู้ฝึกตนหญิงกลัวที่สุดก็คือการต้องเจอเรื่องเช่นนี้ และเพราะเหตุผลนี้ ยามที่พวกนางเดินทางอยู่ข้างนอกจึงพยายามไม่ค้างคืนข้างนอก เพียงแต่วันนี้ประตูเมืองเมฆาลอยปิดแล้วเข้าไปไม่ได้ จึงคิดจะค้างคืนในป่าสักคืน นึกไม่ถึงว่าจะมาเจอกับผีสุราสองคนนี้ที่ไม่รู้จู่ๆ โผล่มาจากที่ใด กลิ่นสุราเหม็นหึ่งโชยมาจากตัวพวกเขา
อีกทั้งสิ่งที่ทำให้พวกนางสิ้นหวังที่สุดก็คือพวกเขาเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเหิน ทำให้พวกนางที่เป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังไร้หนทางสู้ หรือว่าค่ำคืนนี้จะต้องแปดเปื้อนเพราะพวกเขาแล้วจริงๆ?
ในใจนึกแค้น ทั้งสองถูกมัดมือ จึงเผยอหน้าขึ้นไปกัดมือของอีกฝ่าย
“โอ๊ย! นางหญิงบ้า!”
ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินคนหนึ่งร้องด้วยความเจ็บปวด ขณะที่สะบัดหญิงสาวออก เขาตวัดฝ่ามือออกไปด้วย “กล้ากัดข้าหรือ! ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!” จากนั้นเขาก็เริ่มทุบตีนาง
พวกเฟิ่งจิ่วยืนอยู่ไม่ไกล เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเต็มสองตา และก็ได้ยินคำพูดของสองคนนั้นอย่างชัดเจน เธอจ้องสองคนนั้นด้วยใบหน้าเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง พวกเหลยเซียวกับปี้ซานที่เห็นเหตุการณ์เหล่านั้น กอปรกับเห็นสีหน้าของเฟิ่งจิ่ว จึงรีบตวาดสั่งคนข้างหลังที่กำลังตะลึงอยู่ “ยังไม่รีบไปจับตัวสองคนนั้นมาอีก!”
“อ้อ! ได้!” สิบกว่าคนที่อยู่ข้างหลังพลันได้สติ ขณะที่รีบสาวเท้าไปข้างหน้า ยังแอบชำเลืองมองเฟิ่งจิ่วในชุดสีเขียวแวบหนึ่ง จากนั้นก็รีบเข้าไปจับแขนสองคนนั้นไขว้หลัง แล้วจับกดให้คุกเข่าลงไป
“โอ๊ย! ใคร? ใครกล้าทำร้ายข้า!”
สองคนนั้นก่นด่า เงยหน้าขึ้นก็จำได้ว่าเป็นสหายของพวกเขา สองคนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบอกว่า “ที่แท้ก็พวกเจ้าเองหรือ? พวกเจ้ามาได้อย่างไร? รีบปล่อยพวกข้าเร็ว ตรงนั้นมีผู้ฝึกตนหญิงสองคน! ช่วยปลอบขวัญพวกเราพี่น้องได้พอดี”
พวกคนที่จับกุมสองคนนั้นได้ยินก็หน้าเครียดทันที เดิมทียังไม่ออกแรงมากนัก แต่พอได้ยินสองคนนั้นพูด กลับออกแรงกดมากขึ้น “หุบปาก! หยุดพูดเหลวไหลเดี๋ยวนี้!”
ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าเงยหน้ามองหัวหน้าของพวกเขาด้วยซ้ำ เพราะไม่ต้องมองก็รู้ ว่าสีหน้าของหัวหน้าตอนนี้ย่ำแย่แค่ไหน
ผู้ฝึกตนหญิงสองคนนั้นนั่งบนพื้น เห็นสองคนนั้นถูกคนใส่หน้ากากจับกุม แววตายังคงตื่นตระหนก พวกนางหันไปมองเด็กหนุ่มชุดเขียวที่มีใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งซึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ลึกๆ ข้างในรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด
บางทีอาจเพราะรู้สึกว่าบรรยากาศแปลกๆ สองคนนั้นหันมอง ครั้นเห็นเงาร่างสีเขียวที่ยืนอยู่ไม่ไกล ก็หัวเราะด้วยความเบิกบาน “ที่แท้ก็เป็นหัวหน้านี่เอง! หัวหน้าก็มาด้วยหรือ หรือต้องตาหญิงงามสองคนนั้นด้วยเหมือนกัน?”
“จับกลับไป” เฟิ่งจิ่วไม่ได้เดินไปหา เพียงพูดทิ้งท้ายไว้แล้วหมุนตัวเดินกลับไป
พวกเขาจับสองคนนั้นกลับไป รวมถึงหญิงสาวสองคนนั้นที่ถูกพากลับไปที่กองไฟด้วย พอหญิงสาวทั้งสองมาที่กองไฟ แล้วเห็นพวกคนใส่หน้าหากล้อมวงอยู่รอบกองไฟ ก็อดตะลึงไม่ได้
ที่นี่มีคนชุดดำอยู่มากมายขนาดนี้เชียวหรือ? หรือว่าเป็นคนของกลุ่มอำนาจไหน? พวกนางพยายามคาดเดาที่มาที่ไปของคนพวกนั้นจากชุดที่พวกเขาสวมใส่ แต่กลับเห็นว่าแขนเสื้อของแต่ละคนล้วนถูกฉีกขาด ดูไม่ออกว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน
“หัวหน้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”
เห็นสองคนนั้นถูกคนอื่นจับตัวกลับมา ข้างหลังยังมีผู้บำเพ็ญคนหญิงสองคนที่ถูกฉีกกระชากเสื้อผ้าจนขาด ทุกคนตกใจระคนสงสัย ไม่นาน พวกเขาก็เห็นเฟิ่งจิ่วเอาถุงเก็บน้ำสองถุงออกมา เธอเปิดฝาถุงเก็บน้ำแล้วสาดใส่หัวของชายสองคนที่ถูกจับกุมตัวอยู่
………………………………….
ตอนที่ 1900 มีสิทธิ์อะไร
“โอ๊ย! เจ้าทำอะไรน่ะ!”
สองคนนั้นตะโกนด้วยความโกรธ จ้องเฟิ่งจิ่วที่ตอนนี้ใบหน้าเย็นชาอยู่ตรงหน้าพวกเขาด้วยสายตาเดือดดาล “เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร? มีสิทธิ์อะไรมาทำอย่างนี้กับพวกข้า?”
เฟิ่งจิ่วจ้องพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา แต่ไม่พูดอะไรกับพวกเขา กลับหันไปมองทุกคนที่อยู่รอบๆ “ตอนนั้นข้าเคยให้โอกาสพวกเจ้าจากไป แต่พวกเจ้าล้วนเลือกที่จะอยู่ต่อ และข้าก็เคยบอกกฎของข้าไปแล้ว หากแหกกฎของข้าเมื่อใด ข้าจะไม่ละเว้น”
เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงแช่มช้า แต่สำหรับทุกคนที่กำลังฟังอยู่ กลับรู้สึกถึงกลิ่นอายเยือกเย็นพาดผ่านหัวใจ ไอสังหารที่ไม่อาจมองข้ามนั่นก็กระจายออกมาอย่างชัดเจน ชวนให้อกสั่นขวัญหาย
“หัวหน้า คำพูดของท่านพวกข้าไม่กล้าลืม ตั้งแต่นาทีที่พวกข้าตัดสินใจติดตามท่า พวกข้าก็กลายเป็นคนของท่านแล้ว!”
เสียงของทุกคนชัดเจนและหนักแน่น และเวลานี้ สองคนที่ถูกกดให้คุกเข่าบนพื้นก็อึ้งงัน ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ พวกเขาก้มหน้า ทว่าไม่นานก็เงยหน้าขึ้นมาอีก ในดวงตาปรากฏแววขึ้งเคียด
“พวกข้าบอกว่าจะติดตามเจ้าแล้วอย่างไรเล่า? ก็แค่เล่นกับผู้หญิงสองคนเท่านั้น ร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือ? เจ้าเป็นคนที่มีพลังอ่อนแอที่สุดในบรรดาพวกเรา เจ้าเป็นแค่ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณขั้นสูงสุด มีสิทธิ์อะไรมาบงการผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหินอย่างพวกข้า?”
คนอื่นๆ ที่ได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าภายใต้หน้ากากขมวดคิ้วเล็กน้อย สองคนนี้อยากตายหรืออย่างไรกัน?
“ปล่อยพวกเขา” เฟิ่งจิ่วสั่งผู้ฝึกตนสองคนที่จับกุมสองคนนั้น สิ้นเสียง ผู้ฝึกตนสองคนนั้นปล่อยพวกเขา ก่อนจะถอยไปยืนอยู่ด้านหนึ่ง
สองคนนั้นได้รับอิสระก็ลุกขึ้นยืน เห็นเพียงเงาร่างชุดเขียวตรงหน้าโฉบไหว หมัดถูกเหวี่ยงมาทางพวกเขา ทั้งสองมองหน้ากันแวบหนึ่ง กัดฟันกรอด นึกอยากจะสั่งสอนเขาเหมือนกัน จะได้ไม่คิดว่าพวกเขาที่เป็นถึงผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินต้องฟังคำสั่งของมัน!
ทว่าแม้สองคนจะร่วมมือกัน ความเร็วและพลังก็ยังอ่อนเกินไป ไม่อาจเทียบกับเฟิ่งจิ่วได้ เห็นเพียงยามหมัดของเธอเหวี่ยงออกมาก็ซัดถูกหนึ่งในสองผู้ฝึกตนอย่างแรง
“พลั่ก!”
“กร๊อบ!”
“อ๊าก!”
หมัดถูกเหวี่ยงอย่างแรง ไม่นานก็ได้ยินเสียงกระดูกหน้าอกแตกหัก ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินคนนั้นร้องด้วยความเจ็บปวด ลำตัวโค้งงอ ขณะพ่นลมหายใจก็กระอักเลือดออกมาด้วย
“วืด! พลั่ก!”
“กร๊อบ!”
“ซี๊ด!”
กระแสอากาศดุนดันพาดผ่าน เฟิ่งจิ่วยกเท้าเตะออกไป ฟาดกระดูกขาของอีกคนหักในครั้งเดียว ผู้ฝึกตนคนนั้นสูดหายใจ ก่อนจะคุกเข่าลงไป
คนรอบๆ ที่ดูเหตุการณ์อยู่สายตาไหวระริก พวกเขารู้แต่แรกแล้วว่าหัวหน้าฝีมือร้ายกาจ ครั้งนี้ยิ่งเห็นเขาลงมือ ความเร็วและเรี่ยวแรงรวมถึงกระบวนท่าที่ใช้ยามโจมตี ล้วนทำให้พวกเขาสงสัยมากว่าเขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณจริงหรือ?
วันนั้นพวกเขาหนีออกมาก่อน ไม่ได้เห็นเขาสู้กับคนของวิหารราตรี ตลอดมา พวกเขาล้วนคาดเดาพลังของเขาไม่ได้ แต่มั่นใจได้ว่าพลังของเขาไม่ได้อยู่แค่ระดับกำเนิดวิญญาณขั้นสูงสุดแน่นอน
“พลั่ก!”
“โอ๊ย!”
เงาร่างสองเส้นถูกเตะลอยสูงกลางอากาศ กระแทกกับกิ่งไม้ข้างบน จากนั้นก็ตกลงมากระแทกพื้นอีก พวกเขานอนครวญครางอยู่บนพื้น ไม่อาจลุกขึ้นยืน
หญิงสาวสองคนที่อยู่ข้างๆ มองดูจนอึ้งงัน พวกนางนึกไม่ถึงเลยว่าเด็กหนุ่มชุดเขียวจะสามารถอัดผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหินจนบาดเจ็บไปทั้งตัวอย่างนั้นได้ หนำซ้ำสองคนนั้นยังแทบไม่มีโอกาสโต้กลับเลยแม้แต่น้อย พวกนางดูจากตรงนี้ยังรู้ ว่าทุกหมัดและทุกกระบวนท่าที่เด็กหนุ่มซัดออกไปล้วนเต็มไปด้วยพลัง เกรงว่ากระดูกของสองคนนั้นคงหักหลายจุดแล้ว
………………………………….