เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1901 ขอความช่วยเหลือ / ตอนที่ 1902 ค่ายกลมายา
ตอนที่ 1901 ขอความช่วยเหลือ / ตอนที่ 1902 ค่ายกลมายา
ตอนที่ 1901 ขอความช่วยเหลือ
“เป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินก็คิดว่าแกร่งมากแล้วหรือ?” เฟิ่งจิ่วมองสองคนที่นอนหมอบอยู่บนพื้น พลางถาม
“มีพลังเช่นตอนนี้ก็เลยย่ามอกย่ามใจ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี และไม่เห็นใครอยู่ในสายตาได้แล้วงั้นหรือ?”
เธอเค้นถามทีละประโยค ทำเอาสองคนนั้นพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าอับอายจนไม่รู้จะพูดอะไร หรือว่าถูกอัดจนพูดไม่ออก รู้เพียงว่าพวกเขาก้มหน้านอนหมอบอยู่บนพื้น ร่างกายสั่นกระตุกเบาๆ
เฟิ่งจิ่วจ้องสองคนนั้น ก่อนจะละสายตาออกไปอย่างเฉยชา และออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เหลยเซียว ฆ่าพวกเขาเสีย!”
สิ้นคำสั่ง สองคนที่อยู่บนพื้นก็เริ่มตกใจกลัวในที่สุด พวกเขาเงยหน้าขึ้น ในสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นาทีนี้ พวกเขาเพิ่งรู้ ว่าหัวหน้าเอาจริงแล้ว
“หัวหน้า ไม่สิ หัวหน้าอย่าฆ่าพวกเรา…”
เหลยเซียวได้ยินคำสั่งของเฟิ่งจิ่วก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาสาวเท้ายาวๆ หยุดยืนต่อหน้าสองคนนั้น มือหนึ่งขย้ำคอ อีกมือจับคาง จากนั้นก็ออกแรงบิดหมุน
“กร๊อบ!”
เสียงกร๊อบดังขึ้นมา คนคนนั้นสิ้นลมโดยไม่มีโอกาสส่งเสียงร้องสักแอะ ชายอีกคนก็เช่นกัน ยังไม่ทันร้องขอชีวิตก็ตายด้วยน้ำมือของเหลยเซียวแล้ว
ทุกคนที่อยู่รอบๆ ยืนดูเหตุการณ์ ต่างรู้สึกปลง และรู้สึกว่าสมเหตุสมผลแล้ว ขณะเดียวกันกระดิ่งเตือนในใจก็ดังขึ้น จุดจบของสองคนนี้จะทำให้พวกเขาระลึกไว้เสมอ ว่าหากแหกกฎแล้วจะมีจุดจบเช่นไร
เฟิ่งจิ่วหันกลับมามองทุกคน “ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะจำเหตุการณ์ในวันนี้ไว้ และพึงระลึกไว้เสมอว่าเรื่องใดไม่ควรทำ หากแหกกฎของข้าเมื่อใด แม้อยู่ไกลก็ต้องโดนลงโทษ!”
“ขอรับ! หัวหน้าวางใจได้! พวกข้าไม่มีวันทำให้ท่านผิดหวังแน่!” ทุกคนขานรับพร้อมกัน
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า ก่อนหันไปมองหญิงสาวสองคนที่อยู่ด้านหนึ่ง กล่าวว่า “พวกเจ้าพักที่นี่คืนหนึ่งได้ พรุ่งนี้ฟ้าสางแล้วค่อยไป”
“ขอบคุณคุณชายมาก” หญิงสาวสองคนคารวะ ไม่กล้าไม่เคารพเด็กหนุ่มชุดเขียว
ปี้ซานพาคนเอาร่างสองคนนั้นไปฝัง ค่ำคืนนี้ หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ ไม่มีใครนอนหลับอีก
จนกระทั่งฟ้าสาง ประตูเมืองเปิด หญิงสาวสองคนนั้นกล่าวขอบคุณและออกเดินทาง ส่วนพวกเฟิ่งจิ่วยังคงอยู่ในป่า รอให้กลุ่มสุดท้ายเดินทางมาถึง
เพียงแต่ ยามฟ้าสาง สิ่งที่พวกเขาได้หลังจากรอมานาน กลับไม่ใช่กลุ่มคนยี่สิบกว่าคน แต่เป็นผู้ฝึกตนคนหนึ่งที่บาดเจ็บเลือดท่วมตัว
คนที่คอยสังเกตสถานการณ์อยู่นอกป่าเห็นคนคนนั้น ก็รีบประคองเข้ามาในป่าพลางถามว่า “เหตุใดเหลือเจ้าคนเดียว? คนอื่นเล่า? เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ?”
“หะ หัวหน้าเล่า? ระ เร็วเข้า รีบพาข้าไปพบหัวหน้า” คนผู้นั้นพูดพร้อมกับหอบหายใจ มือหนึ่งกุมแผลตรงท้องที่ยังมีเลือดไหลอยู่
ชายชุดดำสองคนรีบประคองเขาเข้ามา หยุดยืนตรงหน้าเฟิ่งจิ่ว “หัวหน้า เกิดเรื่องแล้ว ท่านดูนี่”
เฟิ่งจิ่วรีบมาหยุดยืนต่อหน้าชายคนนั้น เห็นเขาบาดเจ็บสาหัส ก็อดขมวดคิ้วถามไม่ได้ “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ใครเป็นคนทำร้ายเจ้า?”
“หะ หัวหน้า เมื่อวานกลุ่มของเราเจอการซุ่มโจมตี เราทุกคนถูกขังไว้ในป่าผีแห่งนั้น อีกอย่าง ข้างในยังมี มีปีศาจ เหล่าพี่น้องทุ่มชีวิตเพื่อให้ข้าหนีออกมาส่งข่าว หัวหน้าเร็ว รีบไปช่วยพวกเขา…” เอ่ยจบ เขาก็กระอักเลือด และหมดสติไป
“ประคองคนไปที่ใต้ต้นไม้ รีบทำแผลและห้ามเลือดให้เขา” เฟิ่งจิ่วสั่ง ขณะเดียวกันก็เอายาเม็ดหนึ่งออกมายัดใส่ปากเขา
………………………………….
ตอนที่ 1902 ค่ายกลมายา
“ป่าผี?” เฟิ่งจิ่วพึมพำชื่อนั้น ก่อนจะได้ยินเสียงหนึ่งดังมาจากด้านข้าง
“หัวหน้า ข้ารู้จักที่นั่น”
ปี้ซานเอ่ย ก่อนจะอธิบายว่า “ป่าผีแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก มันอยู่ในป่าทางเหนือของเมืองเมฆาลอย ที่นั่นมืดทึบตลอดปี ได้ยินมาว่าเป็นหนึ่งในรังกบดานของผู้ฝึกวิชามาร ที่สำคัญคือที่นั่นมีค่ายกล แม้เป็นคนที่รู้เรื่องค่ายกลหลงเข้าไปก็ยังถูกขังไว้ข้างใน ออกมาไม่ได้”
“เหลือสองคนไว้ดูแลเขา”
เฟิ่งจิ่วกล่าว หันไปมองคนที่กำลังทำแผลอยู่ใต้ต้นไม้ ก่อนจะหันไปพูดกับปี้ซาน “ในเมื่อเจ้ารู้ที่ เช่นนั้นเจ้าพาพวกเขามุ่งหน้าไป ไม่ต้องเข้าป่า รอฟังคำสั่งของข้าอยู่นอกป่าก็พอ ข้าไปดูก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น”
“หัวหน้าจะไปคนเดียวหรือ? ทำอย่างนั้นไม่ได้นะขอรับ!”
พวกเขาเอ่ยขึ้นพร้อมกัน “อย่างไรก็ควรพาคนของเราไปด้วยสองสามคน ไปลำพังอันตรายเกินไป พวกเขาทำร้ายผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหินจนมีสภาพอย่างนี้ได้ เห็นได้ว่าพลังของผู้ฝึกมารพวกนั้นก็ไม่ได้ต่ำเลย ไปคนเดียวอันตรายเกินไป หากตกอยู่ในกำมือของพวกเขา เกรงว่า…”
“ข้ารู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไร พวกเจ้าไม่ต้องห่วง”
เธอเอ่ยกำชับพวกเขาอีกสองสามเรื่อง แล้วจึงค่อยหยิบแกนเคลื่อนย้ายจี๋กวงออกมา เห็นว่าบนแผนที่มีชื่อของป่าผีอยู่ด้วย จึงส่งกลิ่นอายพลังวิญญาณเข้าไปแล้วพึมพำชื่อนั้น ไม่นานก็มีประกายแสงเส้นหนึ่งพุ่งทะลุขอบฟ้า
ทุกคนที่ดูอยู่ต่างก็ตกตะลึง นั่นเป็นสมบัติล้ำค่าอะไรกัน ถึงขนาดหายตัวได้ในพริบตา? เกรงว่านั่นคงไม่ใช่แกนเคลื่อนย้ายทั่วไปกระมัง? พวกเขาไม่ได้คิดอะไรมาก ต่างหันไปเตรียมตัวออกเดินทางอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าสองคนอยู่ดูแลเขา รอพวกเรากลับมา!” ปี้ซานหันไปกำชับสหายสองคนที่กำลังทำแผลให้คนที่บาดเจ็บ
“เอาล่ะ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ระวังตัวด้วย รีบไปหน่อย อย่าปล่อยให้หัวหน้ารอนาน” สองคนนั้นกำชับ
“เข้าใจแล้ว” ปี้ซานรับคำ หันไปมองเหลยเซียว ทั้งสองคนพยักหน้า จากนั้นก็พาคนขี่กระบี่ออกเดินทางทันที
อีกด้าน ในป่าผีซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองเมฆาลอย จู่ๆ เฟิ่งจิ่วก็ปรากฏตัวกลางป่า ทันทีที่ปรากฏตัวเธอรับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นและกลิ่นคาวเลือดจางๆ ที่กระจายอยู่กลางอากาศ
กลิ่นคาวเลือดจางๆ นั่นทำให้รู้ว่าในป่าผืนนี้น่าจะมีคนตายไปไม่น้อยแล้ว สถานที่เช่นนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ผู้ฝึกตนทั่วไปจะเข้ามา คนที่จะลงหลักปักฐานในที่อย่างนี้ได้ เกรงว่าคงมีแต่พวกคนชั่วและคนจำพวกผู้ฝึกวิชามารเท่านั้น
ผืนป่ากว้างใหญ่ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนก่อน ด้วยเหตุนี้เธอจึงยืนหลับตาอยู่ที่เดิมเงียบๆ ขณะเดียวกันก็ปล่อยดวงจิตออกไป ไม่นาน ก็หาตำแหน่งของพวกหมายเลขหนึ่งเจอ
เธอรวมพลังเหาะไปยังที่นั่น หลังจากเหาะมาได้ระยะหนึ่ง ก็เห็นว่าต้นไม้รอบๆ เริ่มเปลี่ยนไป ต้นไม้แต่ละต้นกำลังขยับเคลื่อนไหว ทำให้ยากแยกแยะทิศทาง
“ลูกไม้ตื้นๆ” เฟิ่งจิ่วยิ้มหยัน มือหนึ่งยกขึ้น เปลวไฟขุมหนึ่งพุ่งออกไป กลายเป็นอสรพิษเพลิงเลื้อยพันรอบต้นไม้เหล่านั้น เปลวไฟเลื้อยขึ้นไปตามลำต้น ไม่นาน ต้นไม้ที่กำลังเคลื่อนไหวเหล่านั้นก็ถูกเปลวไฟแผดเผาเป็นผุยผง
และข้างในนั้น หมายเลขหนึ่งกับคนอื่นกำลังนอนหอบหายใจในสภาพร่างกายท่วมเลือด ริมฝีปากแห้งแตก ท่าทางเหมือนคนขาดน้ำอย่างรุนแรง ในสายตาของพวกเขา สิ่งที่เห็นคือทะเลทรายเวิ้งว้างไม่มีที่สิ้นสุด ดวงอาทิตย์เจิดจ้าลอยอยู่เหนือหัว ทำให้พวกเขารู้สึกราวกับถูกจับขึงไว้บนกองไฟอย่างไรอย่างนั้น
………………………………….