เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1907 ข่าวคราวของนาง / ตอนที่ 1908 ส่งไปหอนางโลม
ตอนที่ 1907 ข่าวคราวของนาง / ตอนที่ 1908 ส่งไปหอนางโลม
ตอนที่ 1907 ข่าวคราวของนาง
ผู้อาวุโสถานดื่มสุราสงบอารมณ์อีกครั้งพลางมองพิจารณาเด็กหนุ่มตรงหน้า แม้แต่เขาก็ยังดูพลังที่แท้จริงของเด็กหนุ่มไม่ออก พลังของเขาแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?
สามารถรอดชีวิตออกมาจากสถานที่แบบนั้นออกมาได้อย่างปลอดภัย นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะมีเวลาที่มองคนผิดอย่างนี้ด้วย ตอนที่พบกันครั้งแรกกลับนึกว่าเด็กหนุ่มดูเป็นคนใสซื่อจึงได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ
เวลานี้พอนึกดูแล้ว รู้สึกว่าตอนนั้นแม้ตนเองไม่พาเข้าไป เด็กหนุ่มก็คงมีความสามารถที่จะเข้าไปได้ด้วยตนเองกระมัง?
ทั้งสองดื่มสุรากินเนื้ออยู่ในลานบ้าน กลับไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก จนกระทั่งฟ้ามืด เธอจึงเอ่ยกับผู้อาวุโสถานว่า “ข้าจะไปแล้ว จะออกไปเดินเล่นรอบๆ หน่อย” เธอจะออกไปสืบข่าวเพื่อรอดำเนินแผนการขั้นต่อไป
ผู้อาวุโสถานมองเขา เพียงพยักหน้าเอ่ยว่า “เจ้าระวังตัวด้วยก็แล้วกัน!” เอ่ยจบก็หันตัวเดินเข้าเรือนไป
เฟิ่งจิ่วยิ้ม ก่อนจะก้าวออกจากลานบ้าน ดึงประตูปิดให้ผู้อาวุโสถาน จากนั้นก็สาวเดินไปยังตลาดกลางคืน…
ขณะเดียวกัน อีกฐานที่มั่นแห่งหนึ่งของวิหารราตรี ชายที่สวมหน้ากากถือภาพเหมือนใบหนึ่งขึ้นมาจ้อง ยามเห็นหญิงงามในภาพเหมือน เขาหรี่ตาลงพลางพึมพำเบาๆ
“นี่คือใบหน้าที่แท้จริงของเจ้างั้นหรือ เฟิ่งจิ่ว? เป็นโฉมสะคราญล้ำยุคไม่มีใครเทียบได้จริงๆ! หึ! นึกไม่ถึง ว่าจะมีวันที่ข้าพ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างนี้!”
เขาจ้องภาพหญิงสาวที่มีแววตาสุกใสและเจ้าเล่ห์ ราวกับกำลังหัวเราะเยาะเขา เขากระตุกมุมปากเผยรอยยิ้มออกมา นิ้วมือลูบไล้ผ่านใบหน้าของคนในภาพ ไล้ผ่านเรียวคิ้วยกสูงที่แสดงถึงความมั่นใจ และหยุดอยู่ตรงริมฝีปากที่หยักยกเล็กน้อย กลายรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่น
“ไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่เหมือนใครจริงๆ เจ้าว่า ข้าควรจะตอบแทนเจ้าอย่างไรดีนะ?” เขาพึมพำเสียงเบา นัยน์ตาดำมืดคล้ายกำลังครุ่นคิดหาวิธีเล่นงานนาง
อีกด้านหนึ่ง เซวียนหยวนโม่เจ๋อกำลังยืนเอามือไพล่หลังอยู่ในลานบ้านแห่งหนึ่ง เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้า คิ้วขมวดเล็กน้อย นานขนาดนี้แล้วก็ยังไม่มีข่าวของเฟิ่งจิ่วอีก นางไปอยู่ที่ไหนกันแน่นะ?
คำนวณเวลาดูแล้ว เขามาถึงที่นี่ได้ระยะหนึ่งแล้ว และสั่งให้คนของเขาตามสืบข่าวของนางอยู่ตลอด แต่ก็ยังคงไม่มีวี่แวว แม้แต่เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่เป็นคนพานางมาในตอนแรกก็ยังไม่รู้ว่านางไปไหน
ในเวลานี้เอง ฮุยหลางวิ่งเข้ามาจากข้างด้วยหน้าตาดีอกดีใจ “นายท่าน นายท่านขอรับ! มีข่าวของภูตหมอแล้ว!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อรีบหันกลับไป นัยน์ตาลึกล้ำมีประกายสว่างพาดผ่าน “นางปรากฏตัวแล้วหรือ? อยู่ที่ใด?” ในน้ำเสียง มีแววร้อนรุ่มและดีใจอย่างที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
“ภูตหมอน่าจะแฝงตัวเข้าไปในวิหารราตรี ข่าวล่าสุดบอกว่า ฐานทัพใหญ่ของวิหารราตรีถูกทำลายแล้ว หนำซ้ำในที่เกิดเหตุยังมีหลุมขนาดใหญ่ที่เกิดจากระเบิด ที่นั่นมีคนบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดีเลยขอรับ”
ฮุยหลางรายงานด้วยความตื่นเต้น ดวงตาคู่นั้นของเขาทอประกายเลื่อมใส “ข้ารู้อยู่แล้วว่าภูตหมอยอดเยี่ยม นางเงียบเชียบไร้ข่าวคราวไปนาน ครั้นมีข่าวก็เป็นข่าวที่สะเทือนฟ้าสะท้านแผ่นดิน ตอนนี้เรื่องนี้ยังไม่กระจายออกไป คนของเราที่อยู่ทางนั้นจับสังเกตได้ก่อน จึงสืบเรื่องให้ชัดเจนแล้วส่งข่าวกลับมา”
“บอกมาให้ละเอียด นางเป็นอย่างไรบ้าง? ตอนนี้อยู่ที่ไหน?” เซวียนหยวนโม่เจ๋อถามขณะยืนเอามือไพล่หลัง เทียบกับเรื่องอื่น เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของนางมากกว่า
“ภูตหมอไม่เป็นไร นางพาสายลับกลุ่มหนึ่งที่ถูกฝึกอยู่ในนั้นออกมาด้วยกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้นางอยู่ที่ไหน ทว่าข่าวล่าสุดบอกว่านางเพิ่งทำลายรังกบดานแห่งหนึ่งของผู้ฝึกวิชามารที่อยู่ในป่าผีทางเหนือของเมืองเมฆาลอย”
………………………………….
ตอนที่ 1908 ส่งไปหอนางโลม
พูดมาถึงตรงนี้ ฮุยหลางตื่นเต้นสุดขีด เรื่องอย่างนี้ทำไมเขาจึงไม่มีส่วนร่วมด้วยนะ? น่าเสียดายจริงๆ น่าเสียดายที่ไม่ได้ตามภูตหมอไปด้วย ไม่อย่างนั้นเขาก็คงได้ฝึกปรือฝีมือแล้ว
เซวียนหยวนโม่เจ๋อได้ยินอย่างนั้น ก็คลายใจลง “ก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนั้นแล้ว นางคงไม่รั้งอยู่แถวนั้นอีก เจ้าสั่งให้คนของเราคอยจับตาดูให้ดี ดูว่าที่ใดมีอะไรผิดปกติบ้าง”
“ขอรับ!”
ฮุยหลางรับคำ ก่อนจะหมุนตัวจากไป ขณะเดินออกมาข้างนอก ก็เห็นโม่เฉินในชุดสีขาวเดินมา จึงอดชะงักฝีเท้าไม่ได้ “คุณชายโม่เฉิน? ท่านมาได้อย่างไรกัน?” เขากับนายท่านของเขาไม่ค่อยถูกกัน แล้วเขามาที่นี่ทำไมกัน?
“อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ มาหานายท่านของเจ้าเดินหมาก” โม่เฉินยิ้มตอบอย่างอ่อนโยน ฝีเท้าที่กำลังสาวเดินชะงักเล็กน้อย สายตามองเข้าไปข้างใน “นายท่านของเจ้าอยู่ใช่รึไม่?”
“อยู่ขอรับ ถ้าอย่างไร ข้าเข้าไปรายงานก่อน?” ฮุยหลางถาม
“ไม่ต้อง ในเมื่ออยู่ข้างใน เขาย่อมต้องรู้ว่าข้ามา เจ้าไปทำธุระของเจ้าเถิด!” เขาโบกมือแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะสาวเดินเข้าไปข้างใน
ฮุยหลางลูบจมูก ปากก็พึมพำเบาๆ จากนั้นก็เดินออกไป
ตอนที่โม่เฉินเข้ามาข้างใน เซวียนหยวนโม่เจ๋อกำลังนั่งอยู่ข้างโต๊ะในลานสวน หยิบแก้วสองใบมาวาง แล้วเอาสุรามารินใส่แก้ว
เมื่อเห็นอย่างนั้น โม่เฉินยิ้มๆ “หายากที่ข้ามาหาท่าน แล้วท่านจะรินสุราให้เช่นนี้ หายากจริงๆ!” เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วนั่งลงตรงข้ามกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ยกสุราขึ้นดมกลิ่น กลิ่นหอมของสุราโชยมาแตะจมูก
“มีอะไรก็ว่ามา ข้าไม่มีเวลามาคุยเล่นกับท่าน” เซวียนหยวนโม่เจ๋อกล่าว เขาหยิบแก้วสุราขึ้นมาจิบ
โม่เฉินได้ยินจึงเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้ข่าวของอาจิ่วแล้ว หากไม่มีอะไรผิดพลาด บางทีอีกไม่นานนางก็จะกลับมา”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไร เห็นเพียงเขาดื่มสุราหมดทั้งที่ยกไม่ถึงสองครั้ง สายตาไหวระริกเล็กน้อย
“สุรานี้ของท่านเป็นสุราอะไร? กลิ่นหอมนัก รสชาติติดปากนานยิ่ง” โม่เฉินถาม สุราแก้วหนึ่งกลืนลงท้องไป ก็ให้ความรู้สึกเหมือนอยากดื่มอีก ฉะนั้นเขาจึงรินด้วยตนเอง
“เป็นสุราดีจริงๆ” โม่เฉินเผยยิ้ม มองเซวียนหยวนโม่เจ๋อ “ท่านเอสุราดีเช่นนี้ออกมาต้อนรับข้า ไม่เสียดายหรือ?” ดื่มหมดหนึ่งแก้ว ก็ดื่มอีกหนึ่งแก้ว
เซวียนหยวนโม่เจ๋อจิบอย่างช้าๆ สุราในมือยังดื่มไม่หมดแก้ว ก็เห็นโม่เฉินรินสุราเป็นแก้วที่สี่แล้ว ไม่นานใบหน้าเขาก็เริ่มแดงเรื่อ สายตาหรี่เล็ก เห็นอย่างนั้นเซวียนหยวนโม่เจ๋ออดกระตุกยิ้มมุมปากไม่ได้
“นี่เป็นสุราเซียนเมา หรือมีอีกชื่อก็คือสามแก้วล้ม” สิ้นเสียง ก็เห็นโม่เฉินซวนเซ ก่อนจะทิ้งตัวฟุบลงไป
“อิ่งอี” เซวียนหยวนโม่เจ๋อขานเรียก
“นายท่าน” อิ่งอีเดินออกมาจากมุมมืด
“เอาเขาไปโยนไว้ที่หอนางโลม! สั่งให้ที่นั่นต้อนรับเขาอย่างดีด้วย” เซวียนหยวนโม่เจ๋อจิบสุรา น้ำเสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์เอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน
ได้ยินอย่างนั้น อิ่งอีมุมปากกระตุกเล็กน้อย เขายังนึกอยู่ว่าทำไมนายท่านจึงได้เอาสุราเซียนเมาออกมาให้คุณชายโม่เฉินดื่ม ที่แท้ก็มีแผนอย่างนี้นี่เอง อิ่งอีรีบรับคำทันที “ขอรับ!” จากนั้นก็แบกร่างของโม่เฉินออกไป มุ่งหน้าไปยังหอนางโลม
ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่เฟิ่งจิ่วกลับมารวมตัวกับพวกเหลยเซียว พวกเขาก็เริ่มหารือกัน
เฟิ่งจิ่วมองทุกคนแล้วเอ่ยว่า “นอกจากคนที่กำลังพักฟื้นอยู่ คนอื่นล้วนมากันครบแล้ว เช่นนั้นคืนนี้ก็ลงมือได้ กำราบหอรวมสมบัติเสีย!”
………………………………….