เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1909 เกิดอะไรขึ้น / ตอนที่ 1910 ไม่ใช่คนดี
ตอนที่ 1909 เกิดอะไรขึ้น / ตอนที่ 1910 ไม่ใช่คนดี
ตอนที่ 1909 เกิดอะไรขึ้น
“นอกจากนี้ แบ่งคนทั้งหมดออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มหนึ่งตามข้าบุกฝ่าเข้าไป หนึ่งกลุ่มกวาดค้นของมีค่า หนึ่งกลุ่มคอยจับตาดูหอรวมสมบัติไว้ อย่าปล่อยให้คนข้างในหนีไปได้แม้แต่คนเดียว! หลังเสร็จภารกิจให้ไปรวมตัวกันที่เรือนเล็กทางตะวันตกของเมือง” เฟิ่งจิ่วกำชับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ขอรับ!” ทุกคนรับคำ แบ่งคนออกเป็นสามกลุ่ม หลังจากแบ่งหน้าที่กันเสร็จ ก็ให้รอฟังคำสั่งในคืนนี้
กระทั่งกลางดึก คนบนท้องถนนเริ่มบางตา ท่ามกลางค่ำคืน มีเงาร่างสีดำหลายร่างโฉบไหวอยู่บนหลังคา มุ่งหน้าไปทางหอรวมสมบัติ
คนนับร้อยเหลือไว้เพียงกลุ่มเล็กๆ เฝ้าอยู่ตามมุมต่างๆ ข้างนอก อีกสองกลุ่มที่เหลือกลุ่มหนึ่งบุกโจมตีเข้าไปพร้อมกับเฟิ่งจิ่ว อีกหนึ่งกลุ่มมุ่งหน้าไปยังคลังเก็บสมบัติของหอรวมสมบัติ
ค่ำคืนเงียบสงบ ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินนับร้อยล้อมรอบหอรวมสมบัติอย่างเงียบเชียบ คนข้างในกลับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเลยแม้แต่น้อย
ในฐานะกลุ่มบุกโจมตี หลังจากที่ลักลอบเข้าไปในหอรวมสมบัติ พวกเฟิ่งจิ่วเหลือคนไว้สองสามคนเพื่อจัดการคนข้างล่าง ที่เหลือมุ่งหน้าขึ้นไปยังชั้นบน
“อึก!”
ทหารคนหนึ่งของหอรวมสมบัติล้มลงไปหลังจากถูกปิดปากและปาดคอ ขณะเดียวกัน อีกหลายคนก็จัดการคนของหอรวมสมบัติอย่างรวดเร็ว หลังจากสังหารทหารที่อยู่ทั้งในที่ลับและที่แจ้งไปกว่ายี่สิบคน คนที่เหลือก็มุ่งหน้าขึ้นไปที่ชั้นสอง
อาจเพราะกลิ่นคาวเลือดจางๆ กระจายในอากาศ คนที่อยู่ในมุมมืดบนชั้นสองสังเกตถึงความผิดปกติ ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินสองคนออกมาดู ก็เห็นเหตุการณ์ที่ทหารคนหนึ่งถูกฆ่าพอดี เขาตวาดเสียงเกรี้ยวออกไปทันใด
“ใครน่ะ!”
เสียงที่แฝงไว้ด้วยแรงกดดันแข็งแกร่งดังออกไป เหล่าผู้ฝึกตนที่ซ่อนตัวอยู่ทั่วทั้งหอรวมสมบัติพลันกรูกันออกมา ขณะเดียวกัน พวกเฟิ่งจิ่วก็ทยอยกันปรากฏตัวด้วยเช่นกัน
ครั้นชายชราผู้หนึ่งในหอรวมสมบัติเห็นเด็กหนุ่มในชุดเขียวเดินออกมาจากเงามืด ก็อดตะลึงไม่ได้ เขาหลุดตะโกนเสียงหลง “เป็นเจ้าหรือ? เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!”
เด็กนั่นถูกส่งตัวไปฝึกตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดมาอยู่ที่นี่ได้? คนที่เข้าไปที่นั่นแล้ว เหตุใดยังออกมาได้อีก?
เฟิ่งจิ่วกระตุกมุมปาก มองชายชราที่แววตาชั่วร้าย ยิ้มตาหยีตอบว่า “นึกไม่ถึงว่าจะยังจำข้าได้อยู่! ช่างเป็นเกียรตินัก” เธอโบกมือ แล้วสั่งกลุ่มคนข้างหลัง “เคลื่อนไหวให้ว่องไวหน่อย!”
“ขอรับ!” ทุกคนรับคำ ก่อนจะโฉบไหวเข้าไปโจมตีคนของหอรวมสมบัติอย่างรวดเร็ว
ครั้นเห็นว่าพวกคนชุดดำที่โฉบไหวเข้ามาล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหิน ชายชราหน้าเปลี่ยนสีทันที “บัดซบ!” เขาไม่ได้คิดจะเตรียมสู้เลย แต่คิดจะหนีไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว หมุนตัวก็คิดจะหนี ใครจะรู้ข้างหลังก็มีคนชุดดำล้อมไว้แล้ว
“วันนี้ พวกเจ้าอย่าได้คิดว่าจะหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว” เฟิ่งจิ่วหรี่ตาประกาศกร้าว ไม่ได้ลงมือ แต่ยืนพิงเสากลม ชำเลืองมองคนเหล่านั้นที่กำลังแตกตื่นลนลาน
“เกิดอะไรขึ้น? มีเรื่องอะไรงั้นหรือ?” ชายชราหลายคนวิ่งลงมาจากชั้นสามอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือผู้ผู้อาวุโสเฝิง
“เกิดอะไรขึ้น? ยังมีหน้ามาถามอีกหรือ?”
ชายชราที่สายตามืดมนจ้องผู้อาวุโสเฝิง ชี้ไปยังชายหนุ่มชุดเขียว แล้วตะคอกด้วยความโกรธ “ท่านบอกเองไม่ใช่หรือว่าจะไม่เกิดปัญหาอะไรแน่? ท่านดูเอา ท่านดู!”
เขาโกรธจนตัวสั่น ตอนนั้นเขาหมายตาเด็กหนุ่ม แต่ต่อมาก็ล้มเลิกความคิด แต่เป็นผู้อาวุโสเฝิงที่บอกว่าหากเด็กหนุ่มคนนี้ได้เข้าไปรับการฝึกฝนจะต้องเป็นต้นกล้าชั้นดีแน่ พวกเขาจึงได้ลงทุนจับตัวคนกลับมา แต่ตอนนี้ดูสิสถานการณ์เป็นอย่างไรไปแล้ว?
………………………………….
ตอนที่ 1910 ไม่ใช่คนดี
ผู้อาวุโสเฝิงมองเด็กหนุ่มชุดเขียว ครั้นเห็นก็ตกใจ เด็กหนุ่มชุดเขียวที่ยืนกอดอกพิงเสากลมอยู่ตรงนั้น ก็คือเด็กหนุ่มเก็บสมุนไพรในตอนนั้นไม่ใช่หรือ?
ตอนนั้นผู้อาวุโสถานผู้นั้นบอกว่าเขาเป็นหลานชายห่างๆ พวกเขามีหรือจะไม่รู้ว่านั่นเป็นเพียงคำกล่าวอ้าง ตอนนั้นเขาสะดุดใจกับกลิ่นอายที่บอกไม่ถูกของเด็กหนุ่ม มักรู้สึกว่าหากเด็กหนุ่มได้ผ่านการฝึกฝนจากข้างในนั้น จะต้องไม่ธรรมดาแน่ เมื่อถึงเวลานั้นไม่แน่อาจช่วยพวกเขาได้มาก
อีกทั้งหลังจากเข้าไปก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว ไม่เคยมีข่าวอะไรถูกส่งออกมา ยามนี้กลับเห็นเด็กหนุ่มพาคนมาปรากฏตัวอยู่กลางหอรวมสมบัติ เขามีหรือจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว
ครั้นนึกได้ว่าอาจเกิดภัยครั้งใหญ่แล้ว หน้าของเขาก็ซีดเผือด ร่างกายสั่นเทาชั่วขณะหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อเขาหันไปมองรอบๆ เห็นเหล่าชุดดำที่ล้อมรอบพวกเขาไว้ล้วนเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเหิน ก็ยิ่งตกตะลึง จบกันๆ เกิดเรื่องใหญ่แล้วจริงๆ…
ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินพวกนั้นที่ล้อมเข้ามามีกันยี่สิบกว่าคน ส่วนฝั่งพวกเขามีผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินเพียงไม่กี่คน ยามนี้ครั้นเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ความคิดแรกของพวกเขาก็คือหนีก่อนค่อยว่ากัน
แต่ขณะที่พวกเขากำลังต้านรับการโจมตีและถอยหนีไปด้วย กลับเห็นว่าข้างหลังก็มีผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินยืนดักอยู่ไม่น้อย แทบไม่มีที่ให้หนีได้เลย!
“จะ เจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่!” พวกผู้อาวุโสเฝิงตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราด จ้องเด็กหนุ่มชุดเขียวที่กำลังเดินย่างกรายเข้ามาอย่างผ่อนคลาย
“แน่นอนว่าตอบแทนน้ำใจน่ะสิ! พวกเจ้าให้ของขวัญชิ้นใหญ่ขนาดนี้กับข้า ข้าจะไม่ตอบแทนน้ำใจเลยได้อย่างไรกัน!”
เฟิ่งจิ่วยิ้มหยัน จ้องพวกเขาพลางกล่าวว่า “อ้อ ใช่แล้ว พวกเจ้าคงยังไม่รู้แน่ๆ! ฐานทัพใหญ่ของวิหารราตรีก็ถูกข้าทำลายล้างไปแล้ว ดูท่าทางพวกเจ้าคงยังไม่รู้ข่าวสินะ ก็จริง หากรู้ข่าวจะมัวรออยู่ที่นี่โดยไม่มีการเตรียมรับมือเลยได้อย่างไรกัน?”
ชายชราพวกนั้นได้ยินก็เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ “จะ เจ้าว่าอย่างไรนะ? ที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไร? ทำลายล้างฐานทัพใหญ่ของวิหารราตรี? เป็นไปได้อย่างไร!”
นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย! ฐานทัพใหญ่มีผู้แข็งแกร่งคุ้มกันอยู่มากมายขนาดนั้น จะถูกทำลายง่ายๆ ได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ไม่ได้รับข่าวเลยแม้แต่น้อย! ต้องไม่ใช่เรื่องจริงแน่ๆ!
แต่ถึงแม้ใจจะคิดอย่างนี้ ทว่าในใจกลับมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา หากไม่ใช่เรื่องจริง เด็กหนุ่มชุดเขียวจะหนีออกมาได้อย่างไร? หากไม่ใช่เรื่องจริง พวกเขาจะกล้าโจมตีหอรวมสมบัติอย่างนี้ได้อย่างไร?
“ซี๊ด! อ๊าก!”
ในขณะที่พวกเขากำลังตกตะลึงเหม่อลอยอยู่นั้น หนึ่งในผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินถูกล้อมโจมตี แขนของเขาถูกฟัน เลือดสีแดงสดไหลเป็นทาง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วท้องฟ้ากลางคืน
“เกร๊ง! ชิ้ง! ชิ้งๆ!”
เสียงดาบกระบี่กระทบกระทั่ง รวมถึงพลังกระบี่แหวกอากาศดังปะปนกัน ยิ่งสู้ยิ่งต้านทานไม่อยู่ กระทั่ง แม้แต่ชีวิตก็ยังเอาไม่รอด ในเวลานี้ ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณคนหนึ่งวิ่งออกมาในสภาพบาดเจ็บไปทั้งตัว ตะโกนว่า “พวกเขา พวกเขายังพาคนไปปล้นคลังสมบัติด้วย!”
สิ้นเสียง ก็ถูกผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินคนหนึ่งฆ่าปิดปาก ศพถูกเตะกระแทกกำแพงอีกด้าน
ชายชราหลายคนนั้นได้ยินก็หน้าซีด หนึ่งในนั้นทรุดนั่งลงไปกับพื้น “นะ นี่…พะ พวกเจ้า…” เขาตกตะลึงราวกับไม่รู้จะทำอย่างไร เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน…
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองคนพวกนั้นแวบหนึ่ง กล่าวว่า “จับคนไปเป็นทหารกล้าตาย ตาเฒ่าอย่างพวกเจ้าก็ไม่ใช่คนดีอะไร ตายไปก็ถือว่าโลกสะอาดขึ้น”
………………………………….