เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1913 เป็นผู้หญิงจริงๆ / ตอนที่ 1914 แยกย้ายกันไป
ตอนที่ 1913 เป็นผู้หญิงจริงๆ / ตอนที่ 1914 แยกย้ายกันไป
ตอนที่ 1913 เป็นผู้หญิงจริงๆ
“ช่างไม่บังเอิญเสียเลย! ข้าเป็นผู้หญิงน่ะสิ”
ประโยคนี้ออกไป หน้าตาของทุกคนก็ดูแปลกๆ พวกเขาไม่ได้ฟังผิดกระมัง หัวหน้าบอกว่าเขาเป็นผู้หญิง? พวกเขาตั้งตัวไม่ทัน สายตาไล่มองพิจารณาบนตัวเขา มองซ้ายที ขวาที บนที ล่างที นอกจากใบหน้าที่งามเกินไปหน่อยของหัวหน้า รูปร่างผอมบางไปบ้าง ไม่เห็นมีตรงไหนที่เหมือนผู้หญิงสักนิด
“หัวหน้า ท่านล้อเล่นใช่หรือไม่?” ชายไว้หนวดถามด้วยรอยยิ้มเหยเก นาทีนี้เขาไม่เชื่อว่าหัวหน้าพูดจริง คิดเพียงว่าหัวหน้ากำลังล้อเล่น
ดูอย่างไรก็เป็นเด็กหนุ่ม เหมือนผู้หญิงเสียที่ไหน?
“ท่าทางข้าเหมือนกำลังพูดเล่นหรือ?” เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มว่า “ตอนนั้นข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าให้ระวังภาพพจน์หน่อย อย่าถอดเสื้อผ้าส่งเดช? ทำไมเล่า ลืมเร็วขนาดนี้เลยหรือ?”
“มะ หมายความว่า หะ หัวหน้า ทะ ท่าน ท่านเป็นผะ ผะ ผู้หญิงจริงหรือ?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น กอปรกับนึกย้อนไปตอนนั้น ใบหน้าเขาจากแดงเริ่มกลายเป็นซีด จากซีดเริ่มกลายเป็นแดงก่ำ เสียงพูดก็ขาดๆ หายๆ อับอายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตา ราวกับอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
อับอายจนไม่มีหน้าไปเจอใครแล้วจริงๆ
คนอื่นๆ เห็นภาพนั้น ต่างก็พากันเบิกตาค้างด้วยความตกตะลึง ได้แต่มองเด็กหนุ่มชุดเขียวอย่างอึ้งงัน
ขะ เขาเป็นผู้หญิงจริงหรือ?
เด็กหนุ่มที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยราศีสูงส่งเช่นนี้ เดิมทีพวกเขานึกว่าเป็นคุณชายจากตระกูลผู้ดีใด แต่ตอนนี้กลับบอกว่าเป็นผู้หญิง? นี่ดูอย่างไรก็ไม่มีความเป็นหญิงเลยแม้แต่น้อย!
ลองไปถามดู ผู้หญิงคนใดที่มีความเย่อหยิ่งทะนงตนแสดงชัดอยู่กลางหว่างคิ้วเช่นนี้? ผู้หญิงคนใดนอกจากราศีสูงส่ง ยังมีบุคลิกเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายชวนให้กริ่งเกรงเช่นนี้กัน?
“หัวหน้า ทะ ท่านเป็นผู้หญิงจริงหรือ?” หนึ่งในนั้นอดถามไม่ได้ รู้สึกเพียงความคิดสับสนวุ่นวายไปหมด ผู้หญิงใต้หล้านี้ร้ายกาจถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?
ทุกคนได้ยินคำถามนั้น ต่างก็กลั้นหายใจมองเด็กหนุ่มชุดเขียวตรงหน้า มือหนึ่งยกขึ้นทาบหน้าอก รู้สึกราวกับหัวใจเต้นรัวจนแทบกระเด็นออกมา หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะระเบิดก็ไม่ปาน
“น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”
ผู้หญิงคนหนึ่ง จะทนลำบากไปกับพวกเขาได้อย่างไร? เหตุใดจึงทนรับความทุกข์ทรมานเหมือนพวกเขาได้? เหตุใดไม่คิดจุกจิก แล้วยอมแฝงตัวเข้าไปในค่ายฝึก ซ้ำยังนอนเตียงรวมกับพวกเขาด้วย
ความคิดและคำถามมากมายผุดขึ้นมาในสมอง แม้จะได้ยินหัวหน้าพูดกับปากแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่ค่อยอยากเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
ส่วนชายไว้หนวด ใบหน้าเขาแดงก่ำไปทั้งดวงนานแล้ว ได้แต่ก้มหน้างุดและถอยไปยืนข้างหลัง
เฟิ่งจิ่วมองทุกคนแวบหนึ่ง ยิ้มบอกว่า “ถูกต้องแล้ว ข้าเป็นผู้หญิง เอาล่ะ เรื่องนี้ให้มันจบเพียงเท่านี้ก็แล้วกัน! ต่อไปจะพูดเรื่องสำคัญแล้ว” เธอมองทุกคนแวบหนึ่ง สายตากวาดมองผ่านแต่ละคน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นใส
“ข้ามีกลุ่มอำนาจหนึ่งชื่อว่าวังกำเนิดสวรรค์ ในกลุ่มอำนาจนี้ มีองครักษ์เฟิ่งแปดนายที่ผ่านความเป็นความตายมาพร้อมกับข้า นับตั้งแต่นี้ไป พวกเจ้าจะถือเป็นคนของวังกำเนิดสวรรค์ แต่ข้าไม่คิดจะให้พวกเจ้าปรากฏตัว อยากให้พวกเจ้าค่อยซ่อนตัวไว้ แยกย้ายกลับไปฝึกวรยุทธ์ ภายหน้าหากข้ามีคำสั่งจะมอบหมายให้พวกเจ้าทำ หรือจะให้พวกเจ้าปรากฏตัว พวกเจ้าจึงค่อยปรากฏตัว”
เธอกวาดมองทุกคน จากนั้นถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เข้าใจหรือยัง?”
………………………………….
ตอนที่ 1914 แยกย้ายกันไป
ทุกคนมองหน้ากันเมื่อได้ยิน เหมือนมีอะไรอยากถาม ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเหลยเซียวก็เอ่ยปาก “หัวหน้า เช่นนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกข้าก็เป็นหนึ่งในองครักษ์เฟิ่งแล้วหรือ?”
เฟิ่งจิ่วมองพวกเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะหยิบป้ายห้อยเอวขององครักษ์เฟิ่งส่งให้พวกเขา ขณะที่กล่าว “ตอนที่ข้ายังไม่ต้องการพวกเจ้า พวกเจ้ากลับไปใช้ชีวิตเหมือนแต่ก่อนได้ จะหาที่ฝึกวรยุทธ์ก็ได้เช่นกัน จะไปฝึกฝนด้วยการเป็นทหารรับจ้างก็ได้ หรือจะช่วยวังกำเนิดสวรรค์หาผู้ฝึกตนเพิ่มก็ได้”
“ทว่า สิ่งสุดท้ายที่พวกเจ้าต้องจำไว้คือ วังกำเนิดสวรรค์ไม่ใช่ใครก็เข้าได้ ยิ่งไม่ใช่ว่าใครจะเป็นลูกน้องข้าก็ได้ คนมากเล่ห์เหลี่ยมรับเข้ามาไม่ได้ คนอำมหิตไร้ขอบเขตรับเข้ามาไม่ได้ คนไม่รู้ผิดชอบชั่วดีรับเข้ามาไม่ได้ คนชั่วปล้นฆ่าข่มขืนรับเข้ามาไม่ได้”
เธอพูดทีละคำๆ เสียงพูดลอยเข้าโสตประสาทของพวกเขาอย่างชัดเจน “ขณะเดียวกัน ตอนที่พวกเจ้าอยู่ข้างนอก พวกเจ้าต้องจำกฎของข้าให้ขึ้นใจ ห้ามอาศัยว่าตนเองมีพลังแล้วไปรังแกคนอ่อนแอ ยิ่งไม่อาจก่อเรื่องโดยใช้ชื่อของวังกำเนิดสวรรค์ หากมีเรื่องที่แก้ไขด้วยตนเองไม่ได้ก็มาขอความช่วยเหลือจากวังกำเนิดสวรรค์ได้ อีกเดี๋ยวข้าจะบอกรหัสให้พวกเจ้ารู้”
ทุกคนได้ยินอย่างนั้นก็หยิบป้ายองครักษ์เฟิ่งขึ้นมา รับคำด้วยน้ำเสียงขึงขัง “ขอรับ! หัวหน้าวางใจได้!”
หลังจากนั้น เฟิ่งจิ่วบอกรหัสของวังกำเนิดสวรรค์ให้พวกเขา ขณะเดียวกันก็บอกพวกเขาเรื่องการส่งข่าวและหากต้องการให้พวกเขาปรากฏตัวในภายหน้า สุดท้ายก็สั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไป
“เจ้ายังยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?” เฟิ่งจิ่วเหล่มองชายที่ทำหน้าอมทุกข์ แม้ตอนแรกจะเคยไว้หนวด แต่หลังจากโกนหนวดแล้วก็ดูหล่อเหลาไม่น้อย
“หัวหน้า ท่านดูของข้าหมดแล้ว ท่านว่า ต่อไปข้าจะแต่งเมียอย่างไรได้อีก?” เขายืนหน้าแดงอยู่ตรงนั้น คนอื่นต่างแยกย้ายกันไปแล้ว เหลือแต่เขาที่ยังยืนอยู่
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วกระตุกมุมปาก “อย่างนั้นหรือ? งั้นจะให้ข้ารับผิดชอบหรือไม่?” ขณะกล่าว เธอหยิบเข็มเงินออกมาสามเล่ม “ขอแค่ข้าจิ้มเจ้าสักสองสามที ต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องแต่งเมียแล้ว พอถึงตอนนั้นข้าย่อมจะรับผิดชอบเจ้าให้ถึงที่สุด”
“หา? จะ จิ้มสักสองสามที? หัวหน้าก็จะรับผิดชอบข้าจนถึงที่สุด?” เขาอึ้ง ถามด้วยความสงสัยว่า “เหตุใดจิ้มไม่กี่ทีหัวหน้าก็จะรับผิดชอบข้าจนถึงที่สุดด้วยเล่า?”
เฟิ่งจิ่วยิ้มเจ้าเล่ห์ ควงเข็มเงินในมือเล่น ก่อนจะอธิบายด้วยน้ำเสียงแช่มช้า “ของเจ้ายกไม่ขึ้นแล้ว ย่อมแต่งเมียไม่ได้อยู่แล้ว ในเมื่อแต่งเมียไม่ได้ ข้าย่อมจะรับผิดชอบเจ้าจนถึงที่สุด”
ได้ยินอย่างนั้น เขาขนลุกซู่ไป ตึงเกร็งไปทั้งตัว รีบถอยหลังไปสองสามก้าว “มะ ไม่ต้องๆ ขะ ข้าก็แค่พูดเล่นเท่านั้น หัวหน้า ข้าไปก่อนล่ะ” สิ้นเสียง เขาก็รีบจากไปพร้อมกับร่างกายที่ยังตึงเกร็งอยู่ของเขา มองดูแผ่นหลังของเขา คล้ายมีความลนลานอยากหนีอยู่บางส่วน
เฟิ่งจิ่วจ้องแผ่นหลังที่จากไปอย่างรวดเร็วราวกับบิน แล้วแค่นเสียง เก็บเข็มเงินแล้วสะบัดชายเสื้อ
นี่ก็ออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ดูท่าพวกตู้ฝานก็คงจะลงหลักปักฐานที่นี่ได้แล้ว ไม่รู้ว่ากระจายอำนาจไปถึงไหนแล้ว? ตอนนี้ก็สะสางทุกอย่างแล้ว ได้เวลากลับไปดูพอดี
คำนวณเวลาแล้ว เจ๋อก็น่าจะมาถึงที่นี่แล้วเหมือนกัน…
พอนึกถึงคนที่ไม่ได้เจอมานาน ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา เธอหยิบแกนเคลื่อนย้ายจี๋กวงออกมาดู สุดท้ายก็พึมพำชื่อหนึ่งในใจ ไม่นานตัวเธอก็กลายเป็นประกายแสงเส้นหนึ่งก่อนจะหายวับไปจากตรงนั้น…
………………………………….