เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1917 วิ่งพล่านทั่วถนน / ตอนที่ 1918 แปลงโฉม
ตอนที่ 1917 วิ่งพล่านทั่วถนน / ตอนที่ 1918 แปลงโฉม
ตอนที่ 1917 วิ่งพล่านทั่วถนน
เขามองลูกสาวด้วยความสงสาร เห็นนางร้องไห้จนหน้าเลอะคราบเครื่องประทินโฉมก็รีบปลอบขวัญ “อย่าร้องเลย พ่อจะจับเขากลับมาให้เจ้า หากเจ้าชอบ เราก็รับเขาเป็นเขยเข้าตระกูลของเรา”
เอ่ยจบก็รีบหันไปตะโกนสั่งคนของตระกูลหยาง “เร็ว รีบไปตามคุณชายท่านนั้นกลับมา!” สิ้นเสียงสั่ง ยังดึงลูกสาวไล่ตามไปด้วย
คนจากตระกูลหร่วนได้แต่อึ้งงัน ผู้นำตระกูลหร่วนพลันได้สติ รีบตะโกนเรียก “สหายหยาง! สหายหยาง! งานแต่งของสองตระกูลเรา…”
“จับตัวคุณชายท่านนั้นให้ข้า ถือว่างานแต่งของสองตระกูลเป็นโมฆะ ข้าก็จะไม่ถือสาเรื่องที่วันนี้เจ้าบ่าวหนีไปด้วย”
คำพูดของผู้นำตระกูลหยางตะโกนไกลๆ ผู้นำตระกูลหร่วนได้ยินก็เผยสีหน้าดีใจ รีบหันไปตะโกนสั่งคนจากตระกูลหร่วนอย่างกระตือรือร้น “เร็ว! รีบตามไปเร็ว! มัวยืนทำอะไรกันอยู่ ไปจับตัวเด็กหนุ่มคนนั้นส่งให้ตระกูลหยางเสีย!”
“ขอรับ!” ทุกคนได้สติกลับคืนมา พากันขานรับ ก่อนจะรีบออกวิ่งตามไป
“อย่าหนีนะ!”
“หยุดก่อน!”
“อย่าหนีนะ!”
“จับเขาไว้!”
“อย่าหนีนะ!”
ชั่วขณะหนึ่ง คนจากสองตระกูลไล่ตามเด็กหนุ่มชุดเขียวที่อยู่ข้างหน้ากันให้วุ่นวาย ทำเอากลุ่มอำนาจอื่นในเมืองแตกตื่นไปด้วย
ส่วนเฟิ่งจิ่ว ครั้นเห็นคนกลุ่มใหญ่วิ่งตามหลังเธอมา ก็อดสบถในใจไม่ได้ หลังจากโฉบเข้าไปในตรอก ก็รีบหายตัวเข้าไปในห้วงมิติ
“ฮู่ ชาวบ้านที่นี่เหตุใดกำเริบเสิบสานเช่นนี้ ต้องตาใครก็ฉุดได้เลยหรือ?” เฟิ่งจิ่วพ่นลมหายใจพลางส่ายหน้า พึมพำกับตนเอง “เด็กผู้หญิงนั่นไม่รู้จักแยกแยะก็แล้วไป แต่คนจากสองตระกูลนั่นเหตุใดจึงทำอะไรสั่วๆ เช่นนี้? ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ”
ในห้วงมิติ เหล่าสัตว์คู่พันธสัญญาเห็นเธอถูกไล่ตามจนต้องหลบเข้ามาในนี้ ก็รุมล้อมเข้ามาด้วยความดีใจ “นายท่านๆ!” โดยเฉพาะเจ้าเสือขาวน้อย เพียงไม่กี่เดือนก็เติบโตจนหัวกลมขนฟู
“เอาล่ะๆ หลบไป ข้าจะแปลงโฉมเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยออกไป” เธอโบกมือ นั่งครุ่นคิดในห้วงมิติ ไม่นานก็หยิบของออกมาไม่น้อยเพื่อแปลงโฉม
ขณะที่ข้างนอก คนจากสองตระกูลนั้นกำลังตามหาไปทั่วเมือง ทำให้คนมากมายแตกตื่น คนจากตระกูลอื่นส่งคนออกมาสืบข่าว ครั้นได้ยินว่าเป็นเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นเพราะลูกสาวตัวอ้วนที่ถูกตามใจจนไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ทุกคนก็ได้แต่ส่ายหน้าและถอนหายใจ
ในตระกูลน่าหลัน ผู้นำตระกูลน่าหลันฟังลูกชายคนเล็กเล่าเรื่องจบก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ “ตระกูลหยางกับตระกูลหร่วนเดิมมีสัญญาหมั้นหมาย แต่ลูกชายตระกูลหร่วนกลับหนีงานแต่ง ยามนี้ลูกสาวคนรองของตระกูลหยางดันมาต้องตาเด็กหนุ่มที่เจอระหว่างทาง จนสร้างเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ สองตระกูลนี้ช่างไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ”
ขณะกล่าวก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ ผู้นำตระกูลน่าหลันมองลูกชายคนเล็ก ขมวดคิ้วถามว่า “พี่ใหญ่เจ้าสองสามวันนี้ไม่ได้ออกข้างนอกหรือ?”
ชายที่ใส่ชุดผ้าไหมนั่งอยู่ข้างๆ เขาส่ายหน้า “ไม่ขอรับ ตั้งแต่กลับมาวันนั้นก็อยู่ในเรือนตลอด แล้วก็กำชับไว้ว่าห้ามใครไปรบกวน เมื่อวานน้องหญิงอยากจะเข้าไปดู กลับไม่ระวังไปถูกกลไกเข้า โชคดีที่พี่ใหญ่ส่งนางออกมาจึงไม่เป็นไร เพียงแต่นางก็ยังคงโดนพี่ใหญ่อบรมไปยกใหญ่”
ได้ยินอย่างนั้น ผู้นำตระกูลน่าหลันขมวดคิ้ว “ข้าเห็นวันนั้นที่เขากลับมาสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ถามเขาเขาก็ไม่บอก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ชายชุดผ้าไหมนัยน์ตาไหวระริก ก่อนเอ่ย “ท่านพ่อ ลูกได้ยินมาเรื่องหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่”
“มีอะไรก็พูดมา จะอึกอักไปทำไมกัน?”
………………………………….
ตอนที่ 1918 แปลงโฉม
ชายในชุดผ้าไหม หรือก็คือน่าหลันจื่อเยี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง มองบิดาเขา ก่อนจะตอบว่า “ข้าได้ยินมาว่า ไม่กี่วันก่อนเห็นพี่ใหญ่ออกมาจากหอนางโลม”
สิ้นเสียง เขาก็รีบแก้ต่างอีกว่า “บางทีคนนั้นอาจมองผิดไปก็ได้ ถึงอย่างไร คนอย่างพี่ใหญ่ จะไปหอนางโลมได้อย่างไรกัน!”
ผู้นำตระกูลน่าหลันอึ้งงัน “หอนางโลม? จะเป็นไปได้อย่างไร? โม่เฉินไม่มีทางไปเที่ยวหอนางโลมแน่นอน”
ผู้นำตระกูลน่าหลันโบกมือ “ถึงจะไปหอนางโลม ก็เดาว่าคงมีเรื่องอะไรต้องไปสะสาง ตัดเรื่องที่เขาเป็นคนของตระกูลน่าหลันออกไปก่อน แค่ตำแหน่งลูกศิษย์ผู้เฒ่าเทียนจี ก็มีคนไม่น้อยอยากยกลูกสาวมาแต่งเข้าตระกูลเราแล้ว”
“ใช่ขอรับ ฉะนั้นต่อมาข้าจึงสั่งให้คนไปสืบดู ได้ยินมาว่ามีคนพาพี่ใหญ่ไปส่ง ตอนนั้น ตอนนั้นพี่ใหญ่เมามายจนไม่ได้สติ” เล่ามาถึงตรงนี้ เสียงของเขาเบาลงเรื่อยๆ
ครั้นนึกได้ว่าพี่ใหญ่ของเขาอาจถูกคนมอมเหล้าแล้วเอาตัวไปส่งที่หอนางโลม เขาก็รู้สึกเลื่อมใสคนผู้นั้นจนอยากจะหมอบกราบให้ มนุษย์ดุจเซียนผู้สูงส่งที่ไม่เคยแปดเปื้อนกิเลสใดในโลกมนุษย์อย่างพี่ใหญ่ของเขา กลับมีวันที่หลงกลคนอื่นด้วย ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
ผู้นำตระกูลน่าหลังอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นและแปลกใจอย่างไม่รู้ตัว “ใครกันเก่งขนาดนี้? กลับมอมเหล้าเขาจนเมามายได้เช่นนี้? แล้วยังเอาตัวไปส่งหอนางโลมอีก? แล้ว แล้วเขาได้ถูก…อะแฮ่ม!”
เขากำหมัดขึ้นปิดปากกระแอมเบาๆ ไม่พูดประโยคที่เหลือต่ออีก
น่าหลันจื่อเยี่ยนยิ้ม “ได้ยินว่าแค่ถูกลูบคลำตามตัว เพราะคนผู้นั้นกำชับไว้เป็นพิเศษ แต่พอถอดเสื้อผ้าออกได้แค่ครึ่งเดียว พี่ใหญ่ก็ฟื้นแล้ว”
“อะแฮ่มๆ!”
ผู้นำตระกูลน่าหลันกลั้นยิ้มไม่อยู่ เขาพยายามทำหน้าตาขึงขัง “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ยังนึกว่าสองสามวันนี้เขาเป็นอะไรไปเสียอีก ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้ เอาล่ะ กำชับลงไป อย่าให้ใครไปรบกวนเขา ให้เขาสงบจิตสงบใจเงียบๆ คนเดียวไปก่อน”
“ขอรับ” น่าหลันจื่อเยี่ยนยิ้มๆ คารวะหนึ่งครั้งแล้วถอยออกไป
ขณะเดียวกันในอีกด้าน เพราะคนจากสองตระกูลนั้นกำลังตามหาเด็กหนุ่มรูปงามไปทั่วเมือง ครั้นข่าวแพร่ออกไป ไม่เพียงเซวียนหยวนโม่เจ๋อรู้ แม้แต่พวกเหลิ่งหวากับตู้ฝานเองก็รู้แล้วเช่นกัน หลังจากที่รู้ข่าว พวกเขาก็ออกมาตามหากันทันที คิดว่าอย่างไรก็คงได้พบนางบนถนน
ทว่า พวกเขาไม่มีทางคาดคิดได้ ตอนนี้เฟิ่งจิ่วได้แปลงโฉมและเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้วงมิติ ก่อนจะออกมาอีกครั้งแล้ว
ชุดสีเทาที่ไม่สะดุดตา เอวโค้งงอ หลังค่อมต่ำ เส้นผมหงอกขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ในมือยังถือไม้เท้าที่ทำจากไผ่ มองแวบแรก ก็เป็นเพียงหญิงชราหลังค่อมธรรมดาคนหนึ่ง
กอปรกับเธอเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง มือหนึ่งถือไม้เท้าเดินอย่างเชื่องช้า ท่าทาง อิริยาบถและสีหน้าเหล่านั้น ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางสงสัยว่าผ่านการแปลงโฉมมา
เฟิ่งจิ่วหรี่ตา สาวเท้าเดินไปอย่างเชื่องช้า เดิมทีเธอตั้งใจว่าแค่แปลงโฉมธรรมดาแล้วค่อยออกมา แต่คิดอีกทีก็แปลงโฉมตนเองเป็นยายแก่หลังค่อม เชื่อว่าแม้แต่พวกเหลิ่งหวาเดินเฉียดไหล่เธอผ่านไป ก็ไม่แน่ว่าจะจำเธอได้
นึกมาถึงตรงนี้ เธอหยักยิ้มมุมปากอย่างมีความสุข คนจากสองตระกูลนั้นกำลังตามหาเธออยู่ เกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ เดาว่าพวกเหลิ่งหวาคงรู้ข่าวแล้ว
ประจวบเหมาะเธอจะได้เดินเล่นในเมืองสักหน่อย แล้วก็รอดูว่าพวกเขาจะหาเธอเจอหรือไม่ หากหาไม่เจอจริงๆ อย่างนั้นเธอก็จะไปเดินเล่นที่ตระกูลน่าหลันก่อน
………………………………….