เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1929 สร้างจวนใหม่ / ตอนที่ 1930 ธุรกิจเดิม
ตอนที่ 1929 สร้างจวนใหม่
พวกองครักษ์เฟิ่งรายงานการเคลื่อนไหวทั้งหมดของพวกเขาตอนอยู่ที่นี่ให้เฟิ่งจิ่วฟัง หลังจากรายงานเสร็จ พวกเขาก็ถาม “นายท่าน ที่ฐานทัพใหญ่ของวิหารราตรีถูกทำลายเป็นฝีมือท่านใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง”
เฟิ่งจิ่วยิ้มพยักหน้า “หลังจากรักษาอาจารย์ของมู่หรงอี้เซวียนเสร็จข้าก็ออกจากสำนักบุปผาเซียน ต่อมาก็แฝงตัวเข้าไปในค่ายฝึกทหารของพวกเขา คนในวิหารราตรีใช้ยาควบคุมคนที่ถูกจับตัวเข้าไป ต้องการจะฝึกพวกเขาให้เป็นสายลับแฝงตัวเข้าไปในสี่สำนักเซียน”
“ข้าใช้แผนหนามยอกเอาหนามบ่งช่วยฝึกคนพวกนั้นอยู่ในนั้น พัฒนาพลังของพวกเขา สุดท้ายก็รับพวกเขามาเป็นคนของข้า แล้วพาพวกเขาไปทำลายฐานทัพใหญ่ของวิหารราตรี หลังสะสางเสร็จ ข้าก็สั่งให้พวกเขาแยกย้ายกันไปตามทางของตนเอง ภายหน้าหากข้าต้องการพวกเขาค่อยเรียกพวกเขามา”
ทุกคนฟังเธอเล่าอย่างผ่อนคลาย แต่กลับอธิบายเรื่องราวทั้งหมดได้ภายในไม่กี่ประโยค ทว่า พวกเขากลับรู้ดีว่าตอนนางอยู่ข้างในคงไม่ใช่เรื่องง่าย ที่นี่วิหารราตรีถือเป็นกลุ่มอำนาจที่ไม่ธรรมดา กว่าจะผ่านด่านแต่ละด่านในนั้นต้องเต็มไปด้วยอันตรายทุกย่างก้าวแน่ นางทำลายฐานทัพใหญ่ของวิหารราตรี เดาว่าคงมีความแค้นส่วนตัวปนอยู่ด้วย
“ใช่แล้ว ตอนอยู่ข้างในข้ายังรู้มาอีกเรื่องหนึ่งด้วย” พอเธอพูดมาถึงตรงนี้ ก็หันไปมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่อยู่ข้างๆ
เห็นเธอมองมา เซวียนหยวนโม่เจ๋อชะงักเล็กน้อย ถามว่า “เรื่องอะไรหรือ?”
“ข้าเจอหานหรงที่นั่นด้วย” เธอตอบ น้ำเสียงตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย “เพียงแต่ ตอนนี้เขาเป็นคนของจอมมารไปแล้ว เขาชิงร่างของผู้อื่นมา แล้วเลือกเดินเส้นทางมาร อีกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับราชวงศ์เฟิ่งหวงของข้าหรือจักรวรรดิเซวียนหยวนของท่านในช่วงก่อน ล้วนเป็นเขาที่คอยบงการอยู่เบื้องหลัง
“หานหรง?” แววตาของเซวียนหยวนโม่เจ๋อเคร่งเครียด สีหน้าเย็นชาลงหลายส่วน “นึกไม่ถึงว่าเขายังมีชีวิตอยู่” ตอนนั้นเขาไม่น่าเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต แล้วฆ่าเขาทิ้งเสีย!
“ไม่รู้ว่าเขาไปเจอแร่วิญญาณที่ไหน เขาใช้แร่วิญญาณเป็นของแลกเปลี่ยนเพื่อให้คนของวิหารราตรีลงมือ แต่น่าเสียดาย ตอนอยู่ในนั้นข้าไม่มีโอกาสสังหารเขา!” ไอสังหารพาดผ่านดวงตาของเธอ น้ำเสียงก็แปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น
“นายท่านวางใจ ขอเพียงรู้ว่าเป็นฝีมือใคร พวกข้าจะลากตัวมันออกมาให้ได้!” พวกองครักษ์เฟิ่งให้คำมั่น
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า เอ่ยว่า “ไว้ข้าจะวาดภาพเหมือนของเขาในตอนนี้ เมื่อถึงเวลาพวกเจ้าก็ให้คนของเราคอยสังเกตไว้ด้วย”
องครักษ์ทั้งแปดมองหน้ากัน ก่อนจะเอ่ยว่า “นายท่าน ยังมีอีกเรื่องที่พวกข้าจะรายงานท่าน”
เฟิ่งจิ่วมองพวกเขา รอให้พวกเขาพูดต่อ
“ครึ่งเดือนก่อนพวกข้าได้รับจดหมายจากท่านผู้นำตระกูล พวกเขาได้พาองครักษ์เฟิ่งออกจากหุบเขาและกลับไปที่ราชวงศ์เฟิ่งหวงแล้ว พวกเขาบอกว่าแม้วังหลวงจะถูกทำลายไปแล้ว แต่อย่างไรบ้านของพวกเขาก็ยังอยู่ที่นั่น เหล่าบรรพบุรุษล้วนอาศัยอยู่ที่นั่น พวกเขาตั้งใจจะสร้างจวนเฟิ่งขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และคิดจะลงหลักปักฐานที่นั่นขอรับ”
รายงานมาถึงตรงนี้ หลัวอวี่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะอธิบายต่อว่า “ท่านผู้นำตระกูลกับท่านผู้เฒ่าบอกว่าแม้จะซ่อนตัวจากโลกก็ไม่อาจซ่อนตัวไปทั้งชาติ หากคนพวกนั้นกล้าทำอะไรอีก พวกเขาก็จะสู้ ครั้งนี้ พวกเขาจะปกป้องจวนเฟิ่งไว้ให้ได้ ไม่ปล่อยให้ใครมาทำลายได้อีก”
ฟังมาถึงตรงนี้ เฟิ่งจิ่วอึ้งงันเล็กน้อย ลึกๆ ข้างในอธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ก็จริงอยู่ เหล่าบรรพบุรุษล้วนอาศัยอยู่ที่นั่น แล้วจะทอดทิ้งไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน? ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งอีกแค่ไหน ไม่ว่าจะกลัวถูกทำร้ายอีกแค่ไหน แต่จะหนีและซ่อนตัวไปได้ตลอดหรือ?
ไม่ได้อยู่แล้ว! ไม่ใช่แค่เธอที่จะไม่มีวันหนีอีก พวกเขาก็เหมือนกัน
เธอสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะผ่อนลมหายใจพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว อย่างนี้ก็ดีแล้วล่ะ”
………………………………….
ตอนที่ 1930 ธุรกิจเดิม
ด้วยพลังของพวกเขาในตอนนี้ รวมถึงประสบการณ์ที่เคยถูกทำลายล้างราชวงศ์ เชื่อว่าพวกเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่ พลังที่แข็งแกร่งย่อมสำคัญ แต่จิตใจที่แข็งแกร่งก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญเช่นกัน
ขอเพียงพวกเขามีจิตใจที่เข้มแข็ง มีความต้องการที่จะปกป้องครอบครัว อย่างนั้น ไม่นานพวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ศัตรูเกรงกลัว
“ข้าสั่งให้คนจับตาดูตำหนักจอมมารและวิหารราตรีแล้ว ในระยะเวลาสั้นๆ พวกเขาน่าจะไม่ทำอะไรทางนั้นแล้ว” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอ่ยขึ้น หันมองเฟิ่งจิ่ว “เจ้าเก็บตัวเงียบมาช่วงหนึ่งแล้ว เวลาหลังจากนี้ จะให้ดีควรรีบลงหลักปักฐานให้มั่นคงโดยเร็ว ด้วยการผลักดันชื่อเสียงของภูตหมอให้ถึงจุดสูงสุด”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยต่อ “ผู้ฝึกวิชาเซียนอย่างเราแม้จะไม่ได้มีอายุขัยที่สั้นเหมือนคนธรรมดา แต่มีผู้ฝึกเซียนไม่น้อยที่กลัวตายยิ่งกลัวคนธรรมดา ยิ่งกลัวว่าตนเองจะอยู่ได้ไม่นาน และไม่ว่าจะเป็นวิชาแพทย์ หรือวรยุทธ์ด้านการเล่นแร่แปรธาตุของเจ้า รวมถึงพรสวรรค์ด้านการปรุงยา ขอเพียงเจ้าใช้ประโยชน์จากพวกมัน ย่อมสามารถไปถึงจุดสูงสุดอย่างที่คนอื่นทำไม่ได้แน่นอน”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วสายตาเป็นประกาย กล่าวว่า “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นก็ทำธุรกิจเดิมดีกว่า”
ได้ยินเธอพูดอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อหยัดยิ้มมุมปากเล็กน้อย ไม่พูดอะไรอีก ส่วนองครักษ์เฟิ่งกับพวกตู้ฝานกลับคิดในใจ ธุรกิจเดิม? ธรุกิจเดิมของนายท่านคืออันไหน? เป็นหมอ? หรือนักเล่นแร่แปรธาตุ? หรือว่านักปรุงยา?
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน! เรื่องอื่นวันหลังค่อยว่ากัน” เฟิ่งจิ่วกล่าว ก่อนจะจูงมือของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ “พวกเราไปเดินเล่นที่สวนข้างหลังดีกว่า ถือโอกาสไปดูด้วยว่าที่ห้องครัวเตรียมสุราอาหารเสร็จหรือยัง”
คนอื่นๆ เห็นอย่างนั้นก็ยิ้ม ไม่ได้เดินตามไป แต่ในขณะที่เซวียนหยวนโม่เจ๋อเดินตามเฟิ่งจิ่วไปด้วยดวงตาแฝงรอยยิ้ม จู่ๆ เธอก็หยุดเดิน
“ตู้ฝาน” เฟิ่งจิ่วหันกลับไปเรียก
“นายท่าน” ตู้ฝานก้าวเข้ามายิ้มรับ “เรื่องดื่มสุราไม่ต้องคิดเผื่อส่วนของพวกข้าแล้วก็ได้ ท่านกับเจ้าตำหนักไปฉลองกันสองคนก็พอ”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “นั่นมันแน่อยู่แล้ว เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องให้พวกเจ้าบอกข้าก็รู้” ขณะเอ่ย เธอหยิบตำราโบราณที่เกี่ยวกับเรื่องค่ายกลออกมาจากห้วงมิติ ยื่นให้เขา “นี่เป็นตำราค่ายกลโบราณที่ข้าได้มาตอนอยู่ข้างนอก ให้เจ้าเอาไปศึกษาดีๆ”
ตู้ฝานรับตำราโบราณไป จากนั้นก็พลิกอ่านด้วยความดีใจ ก่อนจะกล่าวขอบคุณด้วยความตื่นเต้น “ขอบคุณนายท่าน!”
“นายท่าน ตู้ฝานมีของขวัญ แล้วพวกเราไม่มีหรือ?” หลัวอวี่ก้าวเข้ามาพร้อมกับยิ้มตาหยี องครักษ์เฟิ่งคนอื่นก็ยืนมองด้วยรอยยิ้มอยู่ด้านหนึ่งเช่นกัน
“มีอยู่แล้ว” เฟิ่งจิ่วยิ้มตอบ “ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่ข้าได้มาตอนอยู่ข้างนอก พรุ่งนี้ค่อยให้พวกเจ้าพร้อมกัน”
“ขอบคุณนายท่าน!” ทุกคนกล่าวขอบคุณด้วยความดีใจ
เฟิ่งจิ่วส่ายหน้า ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ในบ้านพักอันกว้างขวาง สิ่งที่ปรากฏตัวในครรลองสายตาล้วนมีแต่ทัศนียภาพอันงดงาม ทั้งสองจูงมือสิบนิ้วสอดประสาน เดินทอดน่องไปเรื่อยๆ เดินมาได้ระยะหนึ่ง ทั้งสองไม่มีใครเอ่ยปากพูด เพียงดื่มด่ำบรรยากาศอันสงบสุขในยามนี้อย่างเงียบๆ
“ชอบที่นี่หรือไม่?” ครั้นมาถึงสวนดอกไม้ก็หยุดเดิน เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองเธอที่อยู่ข้างกาย ก่อนถาม
“อืม ที่นี่ดีมาก ดูออกเลยว่าพวกเขาลงทุนลงแรงตกแต่งไปไม่น้อย” เธอเอนหัวพิงไหล่ของเขา มือหนึ่งโอบเอวหนา “เจ๋อ ภายหน้าหากเราแต่งงานกันแล้ว เราก็ตกแต่งสวนของเราด้วยกันเถอะ!”
มุมปากของเซวียนหยวนโม่เจ๋อหยักยกขึ้น เผยรอยยิ้มออกมา “ได้ แต่ว่าเราควรคุยเรื่องแต่งงานของเรากันก่อนรึไม่?”
………………………………….