เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1931 ไปไหนแล้ว / ตอนที่ 1932 เมื่อถึงเวลาย่อมรู้เอง
ตอนที่ 1931 ไปไหนแล้ว
เฟิ่งจิ่วกลอกตาไปทางอื่น ตอบว่า “ตอนนี้ไม่ได้อยู่แล้ว ข้ายังลงหลักปักฐานที่นี่ไม่มั่นคง อีกอย่างพวกท่านพ่อของข้าก็เพิ่งกลับไปที่ราชวงศ์เฟิ่งหวง เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน! รอให้ทางพวกเขาเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ สร้างเรือนเสร็จแล้ว พวกเขาค่อยมาคุยกันเรื่องแต่งงาน”
“ก็ได้”
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ทางนี้ ทว่าจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนเดินคุยกันมาทางนี้รางๆ พวกเขามองหน้ากัน ก่อนจะหันมองไปทางเสียงนั้น ก็เห็นเด็กสาวตัวอ้วนเดินตามเหลิ่งหวามาทางนี้จากที่ไกลๆ
“พี่ชายเหลิ่งหวา อย่างนั้นต่อไปข้ามาหาท่านได้หรือไม่? ไม่ใช่ๆ หมายถึงว่าข้ามาหาพี่สาวเฟิ่งได้หรือไม่?”
“นายท่านพาท่านมาที่นี่ ย่อมต้องอนุญาตอยู่แล้ว ต่อไปหากท่านมีเวลาก็มาได้” เหลิ่งหวาตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สายตามองไปข้างหน้า ก่อนเอ่ยอีกว่า “แต่บางครั้งที่นี่ก็ค่อนข้างงานยุ่ง เกรงว่าจะมีตรงไหนที่ต้อนรับไม่ทั่วถึง”
“ไม่เป็นไร ข้าจะถือว่าที่นี่เป็นเหมือนบ้านตนเอง ไม่ต้องต้อนรับ หากงานยุ่ง ข้าก็ยังช่วยงานได้ด้วย” หยางเสี่ยวเอ้อร์รีบเสนอ
เหลิ่งหวายิ้มๆ มองไปข้างหน้า บอกว่า “พวกนายท่านอยู่ข้างหน้า”
“หา?”
หยางเสี่ยวเอ้อร์มองไปข้างหน้า เห็นสองคนยืนอยู่ไม่ไกลดังคาด นางรีบวิ่งไปหา เพียงแต่พอออกวิ่ง พื้นดินก็สั่นสะเทือนเกิดเป็นเสียงดังตึงตังๆ
“พี่หญิงเฟิ่ง!” นางไปเดินเล่นกับเหลิ่งหวามาหนึ่งรอบ ไม่เพียงคุ้นเคยกับบ้านพักที่นี่ ยังรู้อีกด้วยว่าชื่อของเธอก็คือเฟิ่งจิ่ว
“เป็นอย่างไรบ้าง? เล่นที่นี่สนุกหรือไม่?” เฟิ่งจิ่วยิ้มถาม สายตาจับจ้องไปยังใบหน้าอ้วนกลมแดงระเรื่อของหยางเสี่ยวเอ้อร์
“อื้มๆ!”
นางพยักหน้าแรงๆ ก่อนสาธยายด้วยความเบิกบาน “พี่ชายเหลิ่งหวาดีกับข้ามาก เขาพาข้าไปเอาของว่างมากินที่ห้องครัว มีของที่ข้าไม่เคยกินมาก่อนด้วย เขายังพาข้าไปเดินเล่นในนี้อีก พี่สาวเฟิ่ง คราวหน้าข้ามาเล่นสนุกที่นี่อีกได้จริงหรือไม่? ข้าชอบที่นี่มากเลย”
“ได้สิ! นี่เป็นบ้านข้า เจ้าเองก็อยู่ที่เมืองนี้ ต่อไปอยากมาก็มาได้” เฟิ่งจิ่วยิ้มตอบ เอ่ยว่า “แม้จะส่งคนไปบอกพ่อเจ้าแล้ว แต่วันนี้เจ้าก็ยังต้องกลับบ้าน อยู่ที่นี่นานนักไม่ได้ ที่บ้านจะเป็นห่วงเอาได้”
“เข้าใจแล้ว” นางรับคำอย่างว่าง่าย “งั้นข้ากลับก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยมา”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วมุมปากกระตุก สุดท้ายทำได้เพียงยิ้มอย่างจนใจ หันไปมองเหลิ่งหวา “ค่ำนี้ให้นางกินข้าวที่นี่ กินเสร็จแล้วเจ้าไปส่งนางกลับบ้านก็แล้วกัน!”
“ขอรับ” เหลิ่งหวารับคำด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ก่อนหันไปชวนหยางเสี่ยวเอ้อร์ “แม่นางเสี่ยวเอ้อร์ เราไปข้างหน้ากันเถิด! ข้าจะแนะนำคนอื่นๆ ให้ท่านรู้จัก”
“หา? แนะนำคนอื่นๆ ให้ข้ารู้จัก? ดีเลยๆ!” นางพยักหน้าด้วยความดีใจ หันไปพูดกับเฟิ่งจิ่ว “พี่สาวเฟิ่ง งั้นพวกเราไปข้างหน้าก่อนนะ เจอกันตอนกินข้าวเย็น”
เหลิ่งหวาพยักหน้าให้เฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อเล็กน้อย จากนั้นก็พานางไปข้างหน้าเรือน
มองดูสองคนนั้นเดินออกไป เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “เด็กคนนี้น่าสนใจมากใช่ไหม?”
“ไม่เห็นรู้สึก” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม้แม้แต่จะหันไปมองทางนั้นสักนิด ในสายตาของเขา ไม่มีใครดึงดูดสายตาของเขาได้เท่าเธออีกแล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง ณ จวนหยาง ผู้นำตระกูลที่ตามหาคนจนแม้แต่ลูกสาวของตนเองก็หายไปด้วย หลังกลับมาถึงบ้านก็เดินเอามือไพล่หลังไปมาด้วยความร้อนใจ พลางชะเง้อมองข้างนอกเป็นระยะ
เขากลับมาได้พักหนึ่งแล้ว แต่ลูกสาวยังไม่กลับมา หายไปไหนของนางกันนะ?
“ผู้นำตระกูล มีคนจากตระกูลน่าหลันมาขอรับ”
………………………………….
ตอนที่ 1932 เมื่อถึงเวลาย่อมรู้เอง
ผู้นำตระกูลหยางที่กำลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้องโถงได้ยินก็ชะงัก “คนจากตระกูลน่าหลัน? ให้เข้ามา!” เขาตะโกนตอบไปข้างนอก ผ่านไปไม่นาน ก็เห็นเด็กรับใช้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาจากข้างนอก
“คารวะท่านผู้นำตระกูลหยาง”
“เจ้าเป็นคนของตระกูลน่าหลัน?” ผู้นำตระกูลหยางจ้องพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า ปกติเขากับตระกูลน่าหลันไม่เคยคบค้าสมาคมกัน เหตุใดคนของตระกูลน่าหลันจึงมาเยือนถึงบ้านได้
เด็กรับใช้ชายดึงป้ายห้อยเอวยื่นไปข้างหน้า “ท่านผู้นำตระกูลหยาง ข้าเป็นเด็กรับใช้ที่เรือนหน้า รับคำสั่งให้มาถ่ายทอดคำพูดขอรับ”
ผู้นำตระกูลหยางตรวจสอบป้ายห้อยเอว ก่อนส่งคืนเขาหลังจากพบว่าไร้ข้อกังขา ถามด้วยความสงสัยว่า “คำพูดอะไร?”
“คืออย่างนี้ขอรับ คุณหนูรองของจวนท่านไปกับแขกของจวนเราคนหนึ่งแล้ว น่าจะกลับถึงบ้านค่ำสักหน่อย ขอท่านอย่าได้เป็นห่วง” เด็กรับใช้รีบถ่ายทอดคำพูด
“แขกของจวนพวกเจ้า?” ผู้นำตระกูลหยางได้ยินก็ตะลึง “เสี่ยวเอ้อร์ของข้าเหตุใดจึงไปกับแขกของจวนพวกเจ้า? แขกของจวนพวกเจ้าเป็นใคร? เป็นหญิงหรือเป็นชาย? เสี่ยวเอ้อร์ของข้าจะมีอันตรายหรือไม่? นี่พวกเขาไปไหนกัน?”
ได้ยินเขาถามคำถามรัวๆ ติดกัน เด็กรับใช้หนังตากระตุก ตอบว่า “เรื่องนี้ข้าน้อยไม่ทราบ เพียงมาส่งข่าวเท่านั้นว่าขอท่านอย่าได้เป็นห่วง คนที่ท่านผู้นำตระกูลของเราเชื่อใจได้ น่าจะไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้น ข้าน้อยมาถ่ายทอดคำพูดเสร็จแล้ว ขอตัวกลับก่อน”
เห็นเด็กรับใช้คารวะแล้วถอยออกไป ผู้นำตระกูลหยางขมวดติ้ว กลับไปนั่งครุ่นคิดบนที่นั่งเจ้าบ้าน
ลูกสาวของเขาไปกับคนอื่นได้อย่างไรกัน? นี่คงไม่ได้ไปกับผู้ชายแล้วกระมัง? เด็กคนนี้ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงจริงๆ นี่ตั้งใจทำให้เขาเป็นห่วงอยู่บ้านหรืออย่างไร!
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่เด็กรับใช้กลับไปเขาก็เดินกลับไปกลับมาด้วยความกังวลอยู่ที่บ้านตลอด กระทั่งอาทิตย์ลับขอบฟ้าฝั่งตะวันตกก็ยังไม่เห็นลูกสาวกลับมา ครั้นเห็นว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว กอปรกับลูกสาวของตนเองก็ไม่รู้หายตัวไปกับใครที่ไหน ค่ำขนาดนี้ก็ยังไม่กลับมา ในที่สุดเขาก็นั่งไม่ติด
“ไม่ได้การ ข้าต้องไปถามที่ตระกูลน่าหลันสักหน่อยแล้ว” เขาสั่งให้คนเตรียมเกี้ยว ขณะเดินออกมาถึงหน้าประตูใหญ่เตรียมตัวจะออกไป ก็พลันได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังมา
“ท่านพ่อ!”
เขาหันหลังไปดูทันที “เสี่ยวเอ้อร์?” รีบสาวเท้าเดินไปทางนั้น ตรวจสอบลูกสาวตนเองตั้งแต่หัวจรดเท้า “เจ้าลูกคนนี้ นี่เจ้าหายไปไหนมา? ค่ำขนาดนี้เพิ่งจะกลับมา? เจ้ารู้หรือไม่พ่ออยู่บ้านเป็นห่วงเจ้าขนาดไหน?” ขณะกล่าว ก็สูดจมูกดมกลิ่นสองสามที ขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่เจ้ายังดื่มสุรามาด้วยหรือ?”
“ฮี่ๆ ท่านพ่อ จมูกท่านดีนัก แต่ข้าไม่ได้ดื่มมากนัก ดื่มไปเพียงสองแก้วเท่านั้น” หยางเสี่ยวเอ้อร์เอ่ยด้วยใบหน้าเบิกบาน “วันนี้ข้าไปเล่นที่บ้านของพี่สาวเฟิ่ง บ้านของพวกเขาสวยมาก ท่านพ่อ พรุ่งนี้ข้าก็จะไปอีก”
“พี่สาวเฟิ่งอะไรกัน? พี่สาวเฟิ่งจากไหนอีก?” ผู้นำตระกูลหยางขมวดคิ้วถาม สายตาตวัดมองไปทางเด็กหนุ่มชุดขาวที่อยู่ข้างๆ “แล้วเจ้าเป็นใครอีก?”
เหลิ่งหวาจึงก้าวเข้ามาคารวะ ยิ้มตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านผู้นำตระกูลหยาง ข้าแซ่เหลิ่ง รับคำสั่งของนายท่านมาส่งบุตรีของท่านที่บ้าน”
“ท่านพ่อ เขาก็คือพี่ชายเหลิ่งหวา” หยางเสี่ยวเอ้อร์คล้องแขนพ่อของนางพลางอธิบาย ยิ้มจนดวงตาโค้นมนเหมือนจันทร์เสี้ยวยามจ้องมองเด็กหนุ่มที่ทั้งอ่อนโยนและรูปงามคนนั้น
“เจ้านายของเจ้าเป็นใคร?” เขาขมวดคิ้ว คนคนนี้เป็นใคร? เจ้านายของใครเป็นใคร? หรือในเมืองนี้ยังมีคนที่เขาไม่รู้จักอีก?
เหลิ่งหวายิ้มอย่างอ่อนโยน “อีกไม่กี่วันท่านผู้นำตระกูลหยางก็จะรู้เอง” เอ่ยจบเขาก็ประสานมือเล็กน้อย “ข้าขอตัวลา”
………………………………….