เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1949 พบหน้า / ตอนที่ 1950 รอเพียงเปิดกิจการ
ตอนที่ 1949 พบหน้า
“มีเรื่องให้ท่านช่วย?” เฟิ่งจิ่วประหลาดใจ “ท่านยังไม่ได้ตอบตกลงหรือ?” ดูท่าทางเขายังไม่รับปาก อาจารย์ของเขาจึงได้รอเขาอยู่ที่นี่หลายวัน
เขามองเธอ เห็นเธอทำหน้าแปลกใจจึงอธิบาย “ข้ากำลังจะกลับไปปฏิเสธเขา”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วเอ่ยว่า “ถึงข้าไม่เคยพบเขา แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นอาจารย์ผู้มีบุญคุณของท่าน ในเมื่อเขาเอ่ยปากแล้ว จะต้องเป็นเรื่องสำคัญอย่างแน่นอน เขามาขอให้ท่านช่วยอะไร? ข้าช่วยได้หรือไม่?”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเงียบไปเล็กน้อย สายตาลึกล้ำจับจ้องใบหน้าของเธอ สบตากับนัยน์ตาดำใสคู่นั้น “เขาขอให้ข้าเดินทางออกไปนอกมหาสุททรกับเขา บอกว่าต้องใช้กระบี่เซวียนหยวนของข้า และไม่แน่ใจว่าจะได้กลับมาเมื่อใด ฉะนั้นข้าจึงไม่ตอบตกลง”
“ไปนอกมหาสมุทร?” เฟิ่งจิ่วตะลึงเล็กน้อย “กลับมาเมื่อใดก็ยังไม่รู้?” เช่นนั้นก็แสดงว่าจะไปนานเท่าไรก็ยังไม่รู้?
“อืม” เขารับคำ มุมปากหยักยกเล็กน้อย มือหนึ่งลูบไล้เรือนผมของเธอ “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ไป อีกเดี๋ยวข้าจะไปบอกเขาเอง”
เฟิ่งจิ่วเงียบ เธอใช้ความคิดครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ถ้าอย่างไรท่านก็ไปเถิด!” เธอมองเขาพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อาจารย์ของท่านตั้งใจมาขอให้ท่านช่วย หากท่านปฏิเสธเขาคงไม่ค่อยดี อีกอย่าง บางทีเขาอาจมีเรื่องสำคัญจริงๆ ก็ได้”
“หากตามเขาไปนอกมหาสมุทร ก็ไม่รู้จะได้กลับมาเมื่อใด เจ้าไม่ห่วงหรือ?” เขาถามด้วยนัยน์ตาแฝงรอยยิ้ม
เฟิ่งจิ่วยิ้มกว้าง คล้องแขนและเอาหน้าแนบแขนของเขา “ด้วยวรยุทธ์และความปราดเปรื่องของท่าน ข้าควรเป็นห่วงคนที่มาหาเรื่องท่านมากกว่า อีกอย่างข้ายังรอท่านอยู่ที่นี่! ท่านลองกล้าไม่กลับมาดูสิ”
ได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อหัวเราะเบาๆ “ข้าพาเจ้าไปพบอาจารย์ของข้าก็แล้วกัน! แม้จะไปก็ต้องรอหอยาสวรรค์เปิดกิจการ และมั่นใจว่าเจ้ายืนอย่างมั่นคงได้แล้วก่อน”
“ไม่รีบหรือ?”
“รีบไปก็ไม่มีประโยชน์ หากข้าไม่อยากไป เขายังจะจับข้ามัดลากไปได้หรือ?” เขาจูงมือเธอเดินไปยังประตูเล็กๆ ที่เชื่อมสองจวนไว้ด้วยกัน เพื่อพาเธอไปพบท่านอาจารย์ของเขา…เซียนจื๋อสุ่ย
เซียนจื๋อสุ่ยที่อยู่ในจวนหลิงได้ยินว่าเซวียนหยวนโม่เจ๋อกลับมาแล้วก็มุ่งหน้าไปยังด้านหน้าจวน ยามมาถึงด้านหน้า เห็นหนึ่งชายหนึ่งหญิงกำลังพูดคุยกัน เขาอดชะงักไม่ได้
เขามีแขก?
สายตาหันไปจับจ้องพิจารณาหญิงสาวในชุดแดงแวบหนึ่ง เพียงแวบเดียว เขาก็อดอุทานกับตนเองไม่ได้ ช่างเป็นหญิงสาวที่โดเด่นนัก!
ไม่ว่าจะเป็นบุคลิก รูปร่างหน้าตา หรือวรยุทธ์ ล้วนยอดเยี่ยมจนน้อยคนนักที่เทียบได้ และเมื่อหญิงสาวเช่นนี้อยู่กับเขา คิดดูแล้วก็คงมีแค่ภูตหมอเฟิ่งจิ่วคนเดียว
ชื่อเสียงของภูตหมอเฟิ่งจิ่วเขาได้ยินมานานแล้ว ข่าวลือว่าหญิงผู้นี้ไม่เพียงมีพรสวรรค์ด้านการฝึกวรยุทธ์ที่โดดเด่น ยิ่งชำนาญทักษะการหลอมยาด้วย ด้านวิชาแพทย์ก็ทำได้ถึงขั้นชุบชีวิตคนตายเลยทีเดียว
ข่าวลือก็ส่วนข่าวลือ นี่เป็นเพียงการพบกันครั้งแรก กลับรู้สึกว่าสองคนนี้เหมาะสมกันยิ่งนัก
“ท่านอาจารย์” เซวียนหยวนโม่เจ๋อจูงมือเฟิ่งจิ่วลุกขึ้น หันมามองเซียนจื๋อสุ่ยที่กำลังเดินเข้ามา
“เฟิ่งจิ่วคารวะท่านเซียน” เธอมองชายชราที่เดินเข้ามา ก่อนคารวะหนึ่งครั้ง
“ไม่ต้องมากพิธี” เซียนจื๋อสุ่ยกล่าว มองเฟิ่งจิ่ว พลางเอ่ยว่า “ได้ยินชื่อเสียงของภูตหมอเฟิ่งจิ่วมานาน กลับนึกไม่ถึงว่าจะได้พบกันวันนี้ ได้ยินร้อยหนมิสู้พบหน้าหนึ่งครั้งจริงๆ นับเป็นหงส์ในหมู่มนุษย์แท้ๆ”
เฟิ่งจิ่วตะลึงกเล็กน้อย มองเซียนจื๋อสุ่ย ยิ้มตอบว่า “ท่านเซียนชมเกินไปแล้ว ทราบว่าท่านเซียนอยู่ในจวน แต่เพิ่งจะมาเยี่ยมเยียนวันนี้ หากเสียมารยาท ก็ต้องขออภัย”
“ไม่หรอก” เขายิ้มส่ายหน้า ก่อนหันไปมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อ
………………………………….
ตอนที่ 1950 รอเพียงเปิดกิจการ
“เจ้าไตร่ตรองไปถึงไหนแล้ว?”
เขาเอ่ยถาม หลายวันมานี้ไม่เห็นเงาคน ที่แท้ก็ไปอยู่กับเฟิ่งจิ่ว ไม่น่าเล่าเขาขอให้เดินทางออกนอกมหาสมุทรด้วยกัน เซวียนหยวนโม่เจ๋อจึงได้ลังเลเพียงนี้ ไปครานี้ไม่รู้ได้กลับมาเมื่อใด เขาทำให้เซวียนหยวนโม่เจ๋อลำบากมากจริงๆ
“เดินทางไปกับท่านนั้นได้ แต่ต้องรออีกสักระยะก่อน” เซวียนหยวนโม่เจ๋อตอบ
ได้ยินอย่างนั้น เซียนจื๋อสุ่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนถามว่า “รออีกสักระยะนี่มันนานเท่าใด? อย่างไรเจ้าก็ควรบอกระยะเวลาชัดเจนให้ข้ารู้หน่อยกระมัง?”
เฟิ่งจิ่วที่อยู่ด้านหนึ่งได้ยินก็เอ่ยขึ้น “คืออย่างนี้ เจ๋ออยากรอให้หอยาสวรรค์ของเราเปิดกิจการก่อนแล้วค่อยไป น่าจะอีกประมาณสิบวันเจ้าค่ะ”
“ประมาณสิบวันหรือ ได้” เซียนจื๋อสุ่ยพยักหน้า หันไปมองเซวียนหยวนโม่เจ๋ออีก “ข้ารอเจ้าอีกสิบวัน สิบวันไห้หลัง หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
พูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้ เซียนจื๋อสุ่ยก็หันตัวเดินออกไป ทิ้งเฟิ่งจิ่วกับเขาไว้เพียงสองคน
“อาจารย์ของท่านก็ไม่ได้พูดยากขนาดนั้น” เฟิ่งจิ่วยิ้มเอ่ย
เซวียนหยวนโม่เจ๋อกระตุกมุมปาก ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงจูงมือเธอเดินกลับไปที่จวนเฟิ่งด้วยกัน
วันเวลาหลังจากนั้น หลังจากปรับปรุงหอยาสวรรค์เสร็จ ก็เริ่มจัดวางสิ่งของต่างๆ ตู้ฝานก็จัดวางค่ายกลบริเวณทะเลสาบจนใกล้เสร็จแล้ว และเมื่อการเคลื่อนไหวเหล่านี้ของหอยาสวรรค์เริ่มเป็นที่พูดถึง ตระกูลและกลุ่มอำนาจใหญ่ในเมืองร้อยนทีก็เริ่มจับตาดูหอยาสวรรค์แห่งนี้
สมาคมนักปรุงยาได้ยินข่าวว่าตลาดตะวันตกเตรียมเปิดตัวหอยาสวรรค์ ก็กำลังถกเถียงหารือกัน
“หอยาสวรรค์ช่างเปิดตัวอลังการนัก ถึงขนาดกล้าตั้งชื่อโดยใช้คำว่ายาสวรรค์ คงไม่ได้คิดว่ายาที่พวกเขาหลอมออกมาเป็นยาวิเศษวิโสจริงๆ หรอกกระมัง?”
“กล้าตั้งชื่อว่ายาสวรรค์ บางที ในหอยาสวรรค์อาจมีนักปรุงยาที่เก่งกาจคนใดอยู่ก็เป็นได้”
“นักปรุงยาที่เก่งกาจอีกแค่ไหนก็ไม่กล้าใช้คำว่ายาสวรรค์มาตั้งชื่อ คำว่ายาสวรรค์หมายถึงอะไร? หมายถึงยาที่มีบนสวรรค์เท่านั้น ข้ากลับอยากรู้นัก หอยาสวรรค์แห่งนี้เปิดอยู่ในถนนตลาดตะวันตกที่ร้างไร้เงาคนอย่างนั้น ถึงเวลานั้นใครจะเดินไปใช้บริการถึงที่นั่นกัน!”
นักเล่นแร่แปรธาตุสองสามคนกำลังถกเถียงกัน เวลานี้เอง มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างใน นักเล่นแร่แปรธาตุพวกนั้นเห็นผู้มา ก็พากันลุกขึ้นคารวะ
“รองประธาน”
“เรื่องที่พวกเจ้าคุยกันเมื่อครู่ข้าได้ยินแล้ว เมื่อวานมีคนในเมืองมาซื้อยาแล้วมาบอกข้า ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ขายยา จะต้องมีนักเล่นแร่แปรธาตุที่มีคุณสมบัติคู่ควรประจำอยู่ รอหอยาสวรรค์ของพวกเขาเปิดกิจการเมื่อใด พวกเจ้าตามข้าไปตรวจสอบดู หากไม่มีนักเล่นแร่แปรธาตุประจำอยู่ที่นั่น หอยาสวรรค์ของพวกเขาก็ไม่อาจเปิดอยู่ที่นี่ได้”
พวกนั้นได้ยินก็ตาเป็นประกาย “รองประธานปราดเปรื่อง!”
ขณะเดียวกัน ณ ตระกูลหยาง
“เสี่ยวเอ้อร์ เพื่อนเจ้าพวกนั้นเป็นใครกันแน่? มีข่าวบอกว่าที่นั่นตั้งชื่อว่าหอยาสวรรค์ เป็นที่ขายยาอะไรทำนองนั้นหรือ?”
ผู้นำตระกูลหยางขมวดคิ้วถามลูกสาวตนเอง แต่รอฟังอยู่ครู่หนึ่งก็ยังไม่ได้ยินเสียงตอบ จึงหันไปดู เห็นนางกำลังเอามือคางหนึ่งชันคางและเหม่อลอยอยู่ จึงถาม “เสี่ยวเอ้อร์ เจ้าเป็นอะไรไป? เสี่ยวเอ้อร์? เสี่ยวเอ้อร์?”
“หา? ท่านพ่อ มีอะไรหรือ?” หยางเสี่ยวเอ้อร์ได้สติ หันไปถามพ่อของนาง
“ข้าว่าหลายวันนี้เจ้าเป็นอะไรไป เอาแต่นั่งเหม่อลอยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว? เหตุใดตัวอยู่บ้าน หัวใจกลับบินออกไปข้างนอกแล้ว?” ผู้นำตระกูลหยางส่ายหน้าถอนหายใจ
“เปล่านะเจ้าคะ! ข้าแค่กำลังใช้ความคิดอยู่” นางเอ่ยอย่างเหงาหงอย หลายวันนี้พี่ชายเหลิ่งหวากับพี่หญิงเฟิ่งต่างกำลังยุ่งอยู่ นางไม่กล้าไปรบกวนพวกเขา ได้แต่รอวันที่หอยาสวรรค์ของพวกเขาเปิดกิจการเท่านั้น
………………………………….