เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1967 ชายชราผู้หมดสติ / ตอนที่ 1968 เหิมเกริมได้เสียที่ไหน
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 1967 ชายชราผู้หมดสติ / ตอนที่ 1968 เหิมเกริมได้เสียที่ไหน
ตอนที่ 1967 ชายชราผู้หมดสติ
ดูต่อไปก็ซื้อยาที่อยากได้ไม่ได้อยู่ดี ดูต่อไปก็มีแต่จะคันยุบยิบข้างในใจจนยากจะทานทน น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ ยาบนชั้นสองนี้แม้มีเงินก็ซื้อไม่ได้ อย่างนั้นลงไปดูชั้นหนึ่งดีกว่า ไม่แน่อาจซื้อได้สักขวดสองขวด
เวลานี้ ที่ชั้นหนึ่ง ผู้คนจับตัวกันเป็นกลุ่มพูดคุยถกเถียงกันเสียงเบา และท่ามกลางฝูงชน ชายชราคนหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ทั้งริมฝีปากและขอบตาล่างล้วนเป็นสีม่วง ดูท่าทางเหมือนถูกยาพิษอย่างไรอย่างนั้น
“คนผู้นี้หน้าไม่คุ้นเลย น่าจะไม่ใช่คนของเมืองร้อยนทีของเรากระมัง! เหตุใดเมื่อกี้ถึงได้บุกเข้ามาข้างในกันนะ?”
“คนผู้นี้มีพลังอยู่ในระดับเซียนเหินขั้นสูงสุดเชียวนะ พลังเช่นนี้ถือว่าไม่อ่อนแอแล้ว หากอยู่ในตระกูลใหญ่ในเมืองของเรานับได้ว่าเป็นคนมีตำแหน่งแล้ว”
“เขาบาดเจ็บด้วยล่ะ พวกเจ้าดูตรงหน้าอกเขาสิ มีรอยเลือดเส้นหนึ่ง! อีกอย่างรอยเลือดก็กลายเป็นสีดำแล้ว ดูท่าคงถูกยาพิษไม่ผิดแน่”
“ถ้าอย่างนั้น คนผู้นี้ไม่น่าใช่คนที่ร้านขายยาอื่นในเมืองส่งตัวมาก่อกวนหอยาสวรรค์หรอกกระมัง?”
“ดูไม่เหมือนนะ แต่คนคนนี้ที่อื่นไม่ไป ดันแบกเอาแผลบุกเข้ามาในนี้ เมื่อกี้ตอนเห็นคนบุกเข้ามาอย่างนี้ หลายคนตกใจ แต่นึกไม่ถึงเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มลงไปแล้ว”
ฟั่นหลินที่ถูกล้อมอยู่กลางวงตรวจชีพจรให้ชายชรา ก่อนจะหันไปบอกกับตู้ฝานที่อยู่ด้านหนึ่ง “ถูกยาพิษ พิษไหลเข้ากระแสชีพจร หนำซ้ำอวัยวะภายในเสียหาย เรียกได้ว่าเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น ตู้ฝานพยักหน้า เห็นเหลิ่งหวาก็มาด้วย จึงกระซิบบอกเขาเบาๆ ก่อนจะหันไปตะโกนสั่ง “เด็กๆ หามคนไปที่ลานด้านหลัง”
ได้ยินอย่างนั้น ทุกคนประหลาดใจ หามไปที่ลานด้านหลัง? คนของหอยาสวรรค์คิดจะรับคนไว้รักษาหรือ? ขณะที่พวกเขากำลังนึกสงสัย ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังมา
“ช้าก่อน!”
รองหัวหน้าเดินลงมาจากชั้นบน มองตู้ฝานกับเหลิ่งหวาแวบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มเยาะ “ยาของหอยาสวรรค์ของพวกเจ้ามีฉายาว่ายาสวรรค์ไม่ใช่หรือ? ได้ยินมาว่าเจ้าของหอแห่งนี้ยังมีวิชาแพทย์ที่ชุบชีวิตคนตายได้ด้วย ครานี้ประจวบเหมาะมีคนถูกยาพิษและบาดเจ็บหนักอยู่ตรงนี้พอดี ไม่สู้เชิญนายท่านของพวกเจ้ามารักษาคนผู้นี้ ให้พวกข้าได้ยลฝีมือด้านวิชาแพทย์ของเจ้าของหอหน่อยเป็นอย่างไร?”
ได้ยินอย่างนั้น ฝูงชนมีสีหน้าแตกต่างกันไป คนผู้นี้ดูท่าทางเหมือนเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย จะให้คนในหอยาสวรรค์รักษางั้นหรือ? เกิดเขาตายขึ้นมา…
ขณะเดียวกัน เฟิ่งจิ่วที่อยู่บนห้องใต้หลังคาชั้นสามกำลังเอนตัวหรี่ตาพักผ่อนบนตั่ง ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นข้างล่างแม้แต่น้อย เพราะเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่นั่งอยู่ข้างๆ เพื่อให้เธอได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ ได้ร่ายเขตอาคมกั้นเสียงเอาไว้ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในชั้นหนึ่ง
กระทั่งเหลิ่งหวามาเคาะประตู เฟิ่งจิ่วจึงตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ
“ตื่นแล้วหรือ?” เซวียนหยวนโม่เจ๋อถาม มองเธอที่ยังคงง่วงงุน
“อืม ข้าได้ยินเสียงเคาะประตู” เฟิ่งจิ่วขยี้ตา มองเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ก่อนจะหันไปมองเหลิ่งหวาที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง “ทำไม? มีเรื่องอะไรงั้นหรือ?” หากไม่มีเรื่องใด เหลิ่งหวาไม่น่าจะขึ้นมา
“นายท่าน ที่ชั้นหนึ่ง…” เหลิ่งหวาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เธอฟังคร่าวๆ รวมถึงเรื่องที่รองหัวหน้าท้าทายด้วย
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วกระตุกมุมปากเผยรอยยิ้ม “ก็แค่รองหัวหน้า ไม่จำเป็นต้องไปสนใจเขา”
เธอเอ่ยพลางนั่งตัวตรง ส่งดวงจิตลงไปที่ชั้นหนึ่ง ครั้นปล่อยดวงจิตออกไปแล้วเห็นชายชราที่กำลังหมดสติ นัยน์ตาของเธอหดเล็กลง รีบลุกพรวดขึ้นมาทันที
………………………………….
ตอนที่ 1968 เหิมเกริมได้เสียที่ไหน
“คนรู้จักหรือ?” เซวียนหยวนโม่เจ่อเห็นสีหน้าของเธอ จึงรู้ว่าชายชราคนนั้นต้องเป็นคนรู้จักของเธอแน่ เดาว่าน่าจะมีวาสนาลึกซึ้งต่อกันด้วย
“อืม” เฟิ่งจิ่วรับคำ หันไปกำชับเหลิ่งหวา “หามคนไปที่ลานด้านหลัง”
“ขอรับ” เหลิ่งหวารับคำ หันตัวลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว
“ข้าจะลงไปดูหน่อย ท่านอยู่นี่ไปก่อนเถิด!” เธอหันไปบอกเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ก่อนจะตามลงไป และมุ่งหน้าไปยังลานด้านหลัง
เวลานี้ ณ ชั้นหนึ่ง เพราะคำพูดของรองหัวหน้า บรรยากาศพลันแปลกประหลาดขึ้นมา คนรอบข้างไม่กระซิบกระซาบกันอีก ทำเพียงจ้องมองพวกเขาพลางนึกในใจว่าเรื่องนี้หอยาสวรรค์จะจัดการอย่างไร?
ดูท่าทาง รองหัวหน้าสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุผู้นี้ต้องไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่ แม้คนของหอยาสวรรค์จะไม่รักษาชายชราคนนี้ แต่เพียงแค่เรื่องที่ชายชราตายในหอยาสวรรค์ก็ทำให้พวกเขาเสียชื่อเสียงได้แล้ว เพราะอย่างไร วันนี้ก็เป็นวันเปิดกิจการวันแรกของพวกเขา หากมีคนตายในวันเปิดกิจการ ถึงอย่างไรก็ดูเป็นลางร้ายอยู่ดี
“นายท่านสั่งว่าให้หามคนไปที่ลานด้านหลัง” เสียงของเหลิ่งหวาดังมาจากข้างหลัง กลุ่มคนหลีกทาง ก็เห็นชายสองคนก้าวเข้าไปเตรียมจะหามคนไป
ทว่า รองหัวหน้าที่เห็นภาพนั้นรีบตะโกน “รอเดี๋ยว!”
เหลิ่งหวาขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าตู้ฝานที่อยู่ด้านหนึ่งกลับมีสีหน้าเย็นชาแล้ว แต่ครั้งนี้พวกเขายังไม่ทันพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังมา
“รองหัวหน้าขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่า ทำไมเล่า? หรือว่าท่านมีปัญญารักษา?”
เสียงเย็นใสไม่รู้ดังมาจากที่ใด ดังก้องอยู่ในหอยาสวรรค์ ไม่ว่าชั้นหนึ่งหรือชั้นสอง ล้วนได้ยินเสียงนี้อย่างชัดเจน
รองหัวหน้าได้ยินเสียงนั้นก็ลิงโลด รีบถาม “ท่านคือเจ้าของหอยาสวรรค์หรือ?” บีบคั้นให้เขาเผยตัวสำเร็จจนได้! แต่ทำไมเสียงนี้เป็นเสียงของผู้หญิงเล่า?
“ชายชราที่อยู่ตรงหน้ารองหัวหน้าชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ท่านยังมีแก่ใจมาถามว่าข้าเป็นใคร ประวิงเวลาเช่นนี้ ช่างเป็นพฤติกรรมที่น่าอับอายยิ่ง การกระทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งรองหัวหน้าสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุของท่านเลยจริงๆ”
ขณะที่เฟิ่งจิ่วพูดอยู่นั้น เหลิ่งหวาได้หามชายชราไปที่ลานด้านหลังแล้ว ครั้นเห็นคนถูกหามไปแล้ว กอปรกับถูกพูดจาเยาะเย้ยถากถาง รองหัวหน้าจึงหน้าแดงก่ำ สะบัดแขนเสื้อ แค่นเสียงด้วยความโมโหโกรธา “เหอะ! เจ้าเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ช่างสามหาวยิ่ง! ข้าว่าเจ้าไม่กล้าเผยตัวต่อหน้าผู้คน ไม่เช่นนั้นจะซ่อนตัวโผล่มาให้เห็นแค่หางได้อย่างไร…อึก!”
เขายังพูดไม่ทันจบ ก็พลันรู้สึกถึงแรงกดดันอันแข็งแกร่งกดทับลงมา ทำให้เขาถึงกับตัวงอ สองเข่ากระแทกลงพื้นทันที ขณะเดียวกัน เขากระอักเสียงดัง เลือดลมในร่างกายป่วนพล่าน เลือดตีขึ้นมาที่ลำคอ จากนั้นก็ทะลักออกจากปาก
เขาในตอนนี้ รู้สึกตกตะลึงพรึงเพริด ใบหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นเทา ความหวาดกลัวที่เกิดจากก้นบึ้งหัวใจพลันพลุ่งพล่านและแผ่ปกคลุมไปทั่วร่าง ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกสักคำ รู้สึกเพียงหวาดกลัวสุดขีด ราวกับว่าอีกเพียงเสี้ยวนาทีชีพจรและเส้นเลือดของเขาจะระเบิด ขอเพียงอีกฝ่ายต้องการ เขาก็จะตายทันที
“ผู้หญิงของข้ามีหรือจะยอมปล่อยให้มดปลวกอย่างเจ้ามาสั่งสอน! ช่างไม่รู้จักกลัวความตายเสียบ้างแล้ว!”
เสียงของเซวียนหยวนโม่เจ๋อดังลงมาจากชั้นใต้หลังคา แม้ตัวเขาจะไม่ลงมา แต่แรงกดดันอันแข็งแกร่งได้กดทับอยู่บนตัวรองหัวหน้าทั้งหมด ดุจภูเขาไท่ซานกดทับลงมา ทำให้เขาหน้าซีด พูดอะไรไม่ออกสักคำ
เวลานี้ หัวหน้าและคนอื่นๆ รีบลงมาจากชั้นสอง เห็นภาพที่รองหัวหน้านั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น
………………………………….