เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1987 ยิ้มแล้วงามนัก / ตอนที่ 1988 พูดไม่ออก
ตอนที่ 1987 ยิ้มแล้วงามนัก
“เรื่องนี้…” เหลิ่งหวามองนางอย่างลังเล “ท่านจะมาช่วยงานที่นี่หรือ?”
“ใช่แล้ว! พี่หญิงเฟิ่งบอกว่าข้ามาที่นี่ได้เสมอไม่ใช่หรือ? ข้าคิดดูแล้วอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ มาช่วยงานที่นี่ดีกว่า แต่อย่างไรเรื่องนี้ก็ต้องบอกพี่หญิงเฟิ่งก่อน!” นางยิ้มกว้างมองเขา ก่อนจะกระซิบเสียงเบาว่า “อีกอย่าง หากมาช่วยงานที่นี่ ก็ยังได้เจอพี่เหลิ่งหวาบ่อยๆ ด้วย”
เมื่อได้ยินแล้ว รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าเหลิ่งหวาพลันแข็งทื่อ “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน! นายท่านอยู่บนชั้นใต้หลังคา ท่านขึ้นไปบอกนางเอง ตอนนี้ข้ายังมีงานต้องไปทำ คงขึ้นไปกับท่านด้วยไม่ได้”
“ได้” นางพยักหน้า กล่าวว่า “อย่างนั้นข้าขึ้นไปก่อน” เอ่ยจบ ก็สาวเดินขึ้นไปบันไดไปทันที
หยางเสี่ยวเอ้อร์มาบ่อยมาก ตอนขึ้นไปบนชั้นใต้หลังคากลับไม่ได้ถูกขวาง เพียงแต่เหลิ่งหวาที่ยังยืนอยู่ที่เดิมเห็นแล้วก็กลัดกลุ้ม มองดูเงาร่างของนางขึ้นไปชั้นบน ได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจเบาๆ
“เพิ่งจะเช้าตรู่ถอนหายใจอะไรกัน?” เหลิ่งซวงที่ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อใดยืนอยู่ข้างกายเขา ถามขึ้น
“ท่านพี่” เหลิ่งหวาเห็นว่าเป็นนาง จึงเผยรอยยิ้มออกมา “ท่านมาอยู่นี่ได้อย่างไร? ไม่ต้องขึ้นไปรับใช้นายท่านหรือ?”
“นายท่านอยู่ข้างบนไม่ต้องให้ข้ารับใช้ นางสั่งให้ข้าลงมาดูว่ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่” เหลิ่งซวงอธิบาย มองน้องชายของนาง ถามด้วยความเป็นห่วง “เมื่อครู่เจ้าเป็นอะไรไป? สองสามวันนี้เหนื่อยหรือ?”
“เปล่าขอรับ” เขาส่ายหน้ายิ้มๆ “เมื่อครู่แม่นางเสี่ยวเอ้อร์บอกว่าอยากมาช่วยงานที่หอยาสวรรค์ ข้าจึงให้นางขึ้นไปถามนายท่านบนชั้นใต้หลังคา” ขณะอธิบาย เขาเงียบไปครู่หนึ่ง มองหน้าพี่สาวเอ่ยว่า “ท่านพี่ ข้ารู้สึกว่าแม่นางเสี่ยวเอ้อร์ค่อนข้าง ค่อนข้างสนิทสนมกับข้าเป็นพิเศษ”
เหลิ่งซวงมองใบหน้าอ่อนโยนดุจหยกของเขาและเอ่ยว่า “อืม แม่นางหยางผู้นี้ปฏิบัติกับชายหนุ่มที่หน้าตาดีเป็นพิเศษ แม้เจ้าจะหน้าตาไม่เลว แต่หัวหน้าองครักษ์เฟิ่งทั้งแปดก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน แต่นางกลับปฏิบัติตัวกับเจ้าเป็นพิเศษ นั่นเพราะมีเหตุผลสำคัญ คือเจ้าเป็นคนอ่อนโยนและมีมารยาทต่อผู้อื่น”
เอ่ยมาถึงตรงนี้ เหลิ่งซวงอดยิ้มไม่ได้ แล้วก็เพราะรอยยิ้มนี้ ทำให้ดวงหน้าเย็นชาของนางดูมีชีวิตชีวา ยิ่งดูมีเสน่ห์ชวนหลงใหลขึ้นมา
“แม่นางเสี่ยวเอ้อร์ผู้นี้กลับมีนิสัยตรงไปตรงมา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมกับใคร ข้าดูออกว่านางมีใจให้เจ้า ในเมื่อเจ้าไม่มีใจให้คนอื่นเขา เจ้ารีบบอกนางให้กระจ่างโดยเร็วจะดีกว่า”
“ท่านพี่ ปกติท่านไม่ค่อยพูด เหตุใดวันนี้จึงพูดกับข้ามากมายขนาดนี้? ท่านพี่ ที่จริงเวลาท่านยิ้มแล้วงามนัก” เหลิ่งหวาจ้องนางด้วยดวงตาอันเป็นประกาย คิดว่าท่านพี่ของเขาเวลายิ้มแย้มช่างดูงดงาม และอ่อนโยนนัก
เขารู้มาแต่เด็กแล้วว่าพี่สาวดีกับเขามาก สองพี่น้องพึ่งพากันดุจเป็นชีวิตของกันและกัน หากตอนนั้นไม่ได้พบนายท่าน อาจไม่มีพวกเขาในตอนนี้ พี่สาวที่ในอดีตมีนิสัยเย็นชาดุจน้ำแข็งอยู่กับนายท่านมานาน กลับไม่ได้เย็นชาเท่าแต่ก่อนแล้ว
ได้ยินอย่างนั้น เหลิ่งซวงตวัดมองเขา ก่อนหุบรอยยิ้มบนใบหน้า “เอาล่ะ ข้ายังต้องไปเดินดูรอบๆ อีก เจ้าไปทำงานของเจ้าเถิด!” ขณะเอ่ย ก็เตรียมจะหันตัวเดินไป แต่ใครเล่าจะรู้ ครั้นหันตัวไปก็เห็นน่าหลันจื่อเยี่ยนเดินเข้ามา
น่าหลันจื่อเยี่ยนเห็นนางก็อดยิ้มกว้างไม่ได้ “แม่นางเหลิ่งซวง”
เหลิ่งหวามองน่าหลันจื่อเยี่ยนแวบหนึ่ง ก่อนหันไปมองพี่สาวของเขาที่กำลังขมวดคิ้ว จึงยิ้มๆ ก้าวเดินไป “คุณชายน่าหลัน เหตุใดวันนี้จึงมีเวลาว่างมาได้? มียาหรือสิ่งใดที่ต้องการซื้ออย่างนั้นหรือ?”
………………………………….
ตอนที่ 1988 พูดไม่ออก
“อ้อ ข้าว่างไม่มีอะไรทำจึงมา” น่าหลันจื่อเยี่ยนตอบ หันไปมองเหลิ่งซวงที่อยู่ด้านหนึ่ง ก่อนเอ่ยปากอย่างตรงไปตรงมา “แม่นางเหลิ่งซวง วันนี้ยุ่งหรือไม่? ข้าอยากชวนเจ้าไปดื่มชา ไม่ทราบมีเวลาหรือไม่?”
“ต้องขออภัย ข้ายุ่งมาก ขอตัวก่อน” เหลิ่งซวงตอบ ก่อนหันตัวเดินจาไป
น่าหลันจื่อเยี่ยนยืนเก้ออยู่ที่เดิม มองเหลิ่งหวา “คือว่า อย่างนั้นข้ากลับก่อนแล้ว”
“ข้าไปส่งคุณชายน่าหลัน” เหลิ่งหวายิ้มอย่างอ่อนโยน ไปส่งเขาที่นอกประตู กลับเห็นเขายืนอยู่หน้าประตูใหญ่ไม่ยอมไปไหน ทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด จึงถาม “คุณชายน่าหลันยังมีเรื่องใดหรือ?”
“เหลิ่งหวา พี่สาวเจ้านาง นางชอบอะไรหรือ?” น่าหลันจื่อเยี่ยนถาม เรื่องอย่างการเอาใจหญิงเขาเองก็ไม่เคยทำมาก่อน อยากมอบเครื่องประดับแก้วแหวนเงินทองให้ กลับรู้สึกว่านางจะไม่ชอบอีก
เหลิ่งหวายิ้มๆ ตอบว่า “คุณชายน่าหลันไม่จำเป็นต้องเสียแรง พี่สาวข้าปกติก็ไม่ค่อยชอบอะไรเป็นพิเศษ หากเป็นคนที่นางชอบ แม้ให้ของไม่มีราคา นางก็จะมองเสมือนสมบัติล้ำค่า”
“ก็จริง” เขาพยักหน้า เป็นเชิงว่าเข้าใจ “เช่นนั้นข้ากลับก่อนแล้ว”
เห็นเขากลับไปแล้ว เหลิ่งหวายิ้มๆ ส่ายหน้าเดินกลับเข้าไปในหอยาสวรรค์ น่าหลันจื่อเยี่ยนผู้นี้ไม่รู้เป็นอะไร กลับหมายตาพี่สาวของเขา เพียงเสียดาย พี่สาวของเขากลับไม่สนใจเขา
เข้ามาข้างใน ก็ได้ยินเสียงตะโกนด้วยความดีใจของหยางเสี่ยวเอ้อร์ดังมา
“พี่เหลิ่งหวา พี่หญิงเฟิ่งอนุญาตแล้ว” หยางเสี่ยวเอ้อร์วิ่งเสียงดังตึงตังมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ยิ้มตาหยีมองหน้าเขา “พี่หญิงเฟิ่งอนุญาตแล้ว นางบอกว่าข้ามาช่วยงานที่นี่ได้”
“อย่างนั้นหรือ! เช่นนั้นต่อจากนี้หากท่านไม่เข้าใจอะไรก็ถามข้า หรือถามตู้ฝานได้” เหลิ่งหวายิ้มตอบ
“ได้” นางตอบรับเสียงใส จ้องมองเหลิ่งหวาด้วยแววตาเสน่หาและชมชอบอย่างไม่ปิดบัง มองดูจนเหลิ่งหวารู้สึกกระอักกระอ่วน
นึกถึงคำพูดของพี่สาวก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเอ่ยว่า “แม่นางเสี่ยวเอ้อร์ ท่านมาที่ลานข้างหลังหน่อย ข้ามีเรื่องจะบอก”
ได้ยินอย่างนั้น หยางเสี่ยวเอ้อร์ประหลาดใจ แต่กลับรับคำอย่างเบิกบาน “ได้” จากนั้นก็เดินตามเขาไปที่ลานข้างหลัง
ข้างหลังไม่มีใครอยู่ ทั้งสองนั่งลงข้างโต๊ะ เหลิ่งหวามองแม่นางน้อยที่ยิ้มด้วยความเบิกบานใจอยู่ตรงหน้า ชั่วขณะหนึ่งกลับไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไรดี
“พี่เหลิ่งหวา ท่านจะคุยอะไรกับข้าหรือ?” หยางเสี่ยวเอ่อร์ถามด้วยน้ำเสียงแหลมใส สองมือชันคางมองเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ท่าน…” เขาอ้าปากค้าง คำพูดมาถึงริมฝีปากแล้วก็กลับคำ “คืออย่างนี้ ข้าอยากถามท่านว่า มาช่วยงานที่นี่พ่อของท่านอนุญาตแล้วหรือ? เขาจะตำหนิอะไรหรือไม่?” ถามจบ เขาก็ถอนหายใจ ไม่นึกว่าจะพูดคำพูดพวกนั้นไม่ออก
“พี่เหลิ่งหวาไม่ต้องเป็นห่วง ท่านพ่อของข้าอนุญาต เขาเห็นข้ามาที่นี่ทุกวันก็ทำอะไรไม่ได้ ซ้ำยังบอกว่าหากข้าอยู่ที่หอสวรรค์เขาเองก็วางใจ”
“อย่างนั้นหรือ! อย่างนั้นก็ดีแล้ว” เขาพยักหน้า มองนาง สุดท้ายก็ทำได้เพียงยิ้ม “อย่างนั้นท่านก็ไปทำงานเถิด! คอยต้อนรับแขกที่ชั้นหนึ่งก็แล้วกัน!”
“ได้ เช่นนั้นข้าไปข้างหน้าก่อน พี่เหลิ่งหวามีอะไรก็เรียกข้าได้” นางยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินไปด้านหน้า
ตู้ฝานไม่รู้เดินออกมาจากที่ใด ยิ้มๆ เดินมานั่งข้างโต๊ะ มองเหลิ่งหวาที่กำลังเอือมระอา เอ่ยว่า “คุณชายเหลิ่งหวาผู้อ่อนโยนสง่างามของเราเหตุใดทำหน้าจนใจเช่นนั้นเล่า?”
“เจ้าอย่าหัวเราะเยาะข้า” เหลิ่งหวายิ้มอย่างเหนื่อยหน่าย
………………………………….