เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 199 ตกลงไป! + ตอนที่ 200 กอดไม
ตอนที่ 199 ตกลงไป!
ในเรือนหลัก นายท่านเหยียนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินออกมา ปลายผมยังมีหยดน้ำเกาะ มานั่งลงที่ข้างโต๊ะ รินน้ำดื่ม ก็ได้ยินเสียงอิ่งอีลอยมาจากด้านนอก
“นายท่าน”
“เข้ามา” น้ำเสียงทุ้มต่ำที่น่าดึงดูดดังมาจากด้านใน
อิ่งอีได้ยินเสียงก็เดินเข้าไป เห็นเขาที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะ จึงออกหน้าเอ่ยถาม “นายท่าน ข้าน้อยพาคนมาแล้ว จะให้พวกนางเข้ามาตอนนี้เลยหรือไม่ขอรับ?”
“ให้พวกนางเข้ามาเถอะ!”
“ขอรับ!” น้ำเสียงอิ่งอีมีความตื่นเต้นดีใจบางส่วน เดินออกไปพาคนเข้ามาทันที
นายท่านเหยียนมองเขาอย่างแปลกใจนิดหน่อย ไม่รู้จริงๆ ว่าเขากำลังมีความสุขกับอะไรกันแน่?
และที่เขายิ่งไม่รู้ คือเจ้าตัวจ้อยผู้อยู่ไม่นิ่งกำลังปีนขึ้นหลังคาจากบนต้นไม้ไปยังหลังคาเรือนหลักอย่างเงียบเชียบ
เพราะที่พำนักเรือนหลักนายท่านเหยียนนอกจากทหารอารักขาสองนายที่เฝ้าสวน ตามมุมมืดก็ไม่มีคนเฝ้าอยู่ ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีใครสังเกตเห็นเงาร่างสีแดงนั้นบนหลังคา
หลังจากอิ่งอีพาหญิงสาวทั้งสองเข้ามาก็ถอยออกไป พร้อมทั้งปิดประตูห้องเรียบร้อย ฉีกยิ้มเฝ้าอยู่นอกเรือน
ในห้อง นายท่านเหยียนมองหญิงสาวรูปโฉมงามเลิศทั้งสอง ในห้วงทะเลแห่งความคิดกลับนึกถึงใบหน้าเสียโฉมของแม่หนูนั่น ดวงตาฉายแววเล็กน้อย ใจลอยไปบ้าง
“นายท่าน ข้าน้อยจะเช็ดผมให้นายท่านนะเจ้าคะ!” หญิงสาวนางหนึ่งในนั้นพูดขึ้นเสียงเบา เห็นชายหนุ่มรูปงามราวเทพบุตร นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความหลงใหลและปลาบปลื้ม
นายท่านเหยียนคืนสติ เมื่อเห็นหญิงสาวนั้นสวมชุดกระโปรงสีแดง คิ้วก็ขมวดขึ้นมา กล่าวอย่างไม่ชอบใจ “ใครอนุญาตให้เจ้าสวมชุดสีแดง?”
แรงกดดันบนร่างและท่าทางของผู้เหนือกว่าปลดปล่อยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ หญิงสาวทั้งสองตกใจเสียจนสองขาอ่อนระทวยทรุดลงไป
“ขอ ขออภัยนายท่านเจ้าค่ะ”
และตอนนี้ เฟิ่งจิ่วที่มาถึงบนหลังคาเก็บซ่อนกลิ่นอาย เปิดกระเบื้องแผ่นหนึ่งออกมองไปด้านในอย่างเงียบๆ เห็นหญิงสาวทั้งสองคุกเข่าตัวสั่นงันงกอยู่เบื้องหน้านายท่านเหยียน
ในใจเธอแอบคิด ‘ช่างไม่รู้จักอ่อนโยนกับสตรีเลยจริงๆ’
“ลุกขึ้นมา เช็ดผมให้แห้งซะ” สีหน้าอึมครึม พยายามเก็บแรงกดดันบนร่างไว้
“เจ้าค่ะๆ” หญิงสาวที่สวมชุดแดงรีบร้อนขานรับ ลุกขึ้นมาตรงฉากกั้นหยิบผ้าขนหนูไปด้านหน้า ช่วยเขาเช็ดหยดน้ำบนปลายผมให้แห้งอย่างระมัดระวัง
นายท่านเหยียนจ้องหญิงสาวงดงามที่ยืนก้มหน้าน้อยๆ อยู่ตรงหน้า คิ้วขมวดเบาๆ เอ่ยว่า “เจ้า เข้ามาสิ”
“เจ้าค่ะ”
หญิงสาวผู้นั้นขานรับ เงยหน้าขึ้นมองนายท่านเหยียนด้วยความเขินอายปนขลาดกลัว เคลื่อนฝีเท้าก้าวบัวงามมาเบื้องหน้าเขาเบาๆ
นายท่านเหยียนจ้องมองเอวบางตรงหน้า ก่อนจะยกแขนขึ้นเข้าไปโอบ แต่พอเข้ามาสู่อ้อมแขน กลับรู้สึกไม่ถูกต้อง ชัดเจนว่าเป็นผู้หญิงเหมือนกัน เอวก็เหมือนๆ กัน ทำไมเมื่อเขาโอบไว้ถึงรู้สึกแตกต่าง?
หญิงสาวผู้นั้นเห็นนายท่านเหยียนโอบเอวบ้างแน่นบ้างคลาย ก็ระรื่นใจชั่วขณะ ร่างกายแอบอิงเข้าหา เรียกขานอย่างนุ่มนวล “นายท่าน…”
เสียงเพิ่งเปล่งไป ตัวก็ถูกผลักออกอย่างโหดร้าย ล้มหมอบลงบนพื้นพร้อมความอับอาย
“อ๊ะ!” หญิงสาวอุทาน ล้มลงบนพื้นสองตาน้ำตาพรั่งพรู มองชายหนุ่มที่เปลี่ยนสีหน้าฉับพลันด้วยท่าทางขลาดกลัวอ่อนแอน่าสงสาร
อิ่งอีได้ยินเสียงอุทานในห้องจึงเร่งรีบเปิดผลักประตูปรี่เข้ามา “เกิดอะไรขึ้นขอรับ?”
ทว่า เมื่อเห็นภาพในห้อง ก็งุนงงเล็กน้อย
“ใครอนุญาตให้เจ้ามาพิงตัวข้า?”
นายท่านเหยียนลุกยืนขึ้น แรงกดดันทั่วร่างและกลิ่นอายเยือกเย็นแผ่กระจาย น่าหวาดกลัวยิ่งนัก หญิงสาวทั้งสองในห้องตกใจเสียจนคุกเข่าตัวสั่นเทา ไม่กล้าเงยหน้า
ทันใดนั้น เสียงเล็กๆ เล็ดลอดมาจากหลังคา แววตานายท่านเหยียนเย็นเยียบ ตะโกนเสียงเข้ม “ใครนะ?” ฝ่ามือรวมรวมกระแสลมโจมตีไปนหลังคา
“อ๊ะ!”
เฟิ่งจิ่วอุทาน ร่างกายตกลงไปอย่างไม่ทันได้ไหวตัว
………………………………
ตอนที่ 200 กอดไม่ปล่อย!
เมื่อนายท่านเหยียนเห็นเงาร่างสีแดงที่คุ้นเคย สายตาหรี่ลง รีบร้อนลอยตัวพุ่งเข้าไปรับคนไว้
เฟิ่งจิ่วกอดคอเขาไว้ตามสัญชาตญาณ ซุกหน้าอยู่ข้างศีรษะ จนกระทั่งรู้สึกปลอดภัย ถึงจะเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นสีหน้าดำมืด ก็ยิ้มหน้าเหยเก
“นายท่านเหยียน นั่น คงไม่ได้รบกวนท่านกระมัง?”
สิ้นสุดน้ำเสียง สายตาจับจ้องบนใบหน้าไร้หน้ากาก พลันรู้สึกเหมือนจะคุ้นตากับใบหน้านี้อยู่บ้าง
อิ่งอีเห็นเขาก็ยกมือขึ้นปิดหน้าอย่างอดไม่ได้ ‘ทำไมถึงมีเขาอยู่ทุกที่เลยนะ? พิลึกจริงๆ!’
หนำซ้ำพอเห็นเขาตกลงมา นึกไม่ถึงว่าวินาทีแรกนายท่านก็เข้าไปรับ ราวกับกลัวเขาบาดเจ็บ ท่าทีกังวลใจเพียงชั่วครู่ อิ่งอีมองเสียจนสีหน้าซีดขาว
แย่ล่ะ! นายท่านถูกใจเจ้าเด็กนี่แล้วจริงๆ!
นายท่านเหยียนอุ้มคนในอ้อมแขนไว้ สีหน้าหมองหม่น เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ปีนขึ้นไปทำอะไรบนหลังคา? หากไม่ระวังเจ้าอาจถูกฆ่าเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นนักฆ่าได้ ไม่รู้บ้างรึ?”
แย่จริงๆ เลย! ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงน่าเป็นกังวลเพียงนี้?
หากเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะเขาเห็นชัดว่าเป็นนางถึงไม่โจมตีอีก มิเช่นนั้น เวลานี้ชีวิตนางคงไม่รอดแล้ว!
“เหอะๆๆ ข้าแค่ปีนหลังคาขึ้นไป ไป… ชมจันทร์! ใช่แล้ว ชมพระจันทร์!”
เธอยิ้มหน้าเหยเก เห็นตัวเองถูกเขาอุ้มไว้ในอ้อมกอด จึงเร่งรีบบอกว่า “นายท่านเหยียน ท่านวางข้าลงได้แล้วล่ะ”
ทว่าตอนนี้ สายตานายท่านเหยียนกลับจับจ้องบนแขนเฟิ่งจิ่ว ชุดแดงถูกครูดขาด แขนขาวเนียนโดนบาดเป็นรอยเลือด
เห็นสายตาเขาจ้องมองตรงแขน เฟิ่งจิ่วมองไป พอเห็นก็พูดยิ้มๆ “คงโดนกระเบื้องบาดเข้าตอนที่ตกลงมา ไม่เป็นอะไรหรอก ข้ากลับไปพันแผลเสียหน่อยก็พอ”
พูดจบ เธอก็ดิ้นรนอยากจะลงจากอ้อมแขนเขา แต่ใครจะรู้ว่าเขากลับกอดเธอไว้ไม่ปล่อย ซ้ำยังใช้แววตาดุดันที่แฝงไปด้วยความโกรธเคืองมองมาเหมือนข่มขู่ ทำให้ตัวเธอแข็งทื่อไม่กล้าขยับ
คนคนนี้เป็นอะไรกันแน่? มีสาวงามหยาดเยิ้มอยู่สองคนกลับไม่สนใจ ทำไมต้องมากอด ‘ผู้ชาย’ อย่างเธอไว้ไม่วางมือ?
“นายท่านเหยียน ท่าน…”
“หุบปาก!”
เขาตะคอกเสียงเข้ม อุ้มเธอเดินไปข้างโต๊ะ เห็นหญิงสาวสองนางยังคุกเข้าอยู่ตรงนั้น อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น “อิ่งอี ส่งพวกนางกลับไปซะ!”
“นายท่าน…”
“อย่านะ!”
เฟิ่งจิ่วตะโกน มองนายท่านเหยียนที่อุ้มเธอไว้ไม่ปล่อย บอกว่า “พวกนางมาปรนนิบัติท่านไม่ใช่รึ? ทำไมถึงไล่ไปเสียเล่า? ท่านดูสาวงามสองนางนี้สิ ท่าทางอ้อนแอ้นอรชร หน้าตางดงาม ซ้ำรูปร่างยังน่าเย้ายวนถึงเพียงนี้ ส่งกลับไปก็น่าเสียดายแย่!”
อิ่งอีมองเฟิ่งจิ่วอย่างยากจะเห็นด้วย คิดว่าคำพูดนี้ช่างกล่าวตรงกับความในใจเขา
ไม่ง่ายเลยที่นายท่านจะเอ่ยปากให้ส่งหญิงงามทั้งสองเข้ามาปรนนิบัติ ตอนนี้กลับต้องส่งกลับไป ไม่ใช่ว่าเขาวุ่นวายไปสูญเปล่ารึ?
เขายุ่งวุ่นวายไปเปล่าๆ ยังไม่เท่าไหร่ แต่ปัญหาก็คือ หากทางที่นายท่านเลือกถูกพาให้โอนเอียงไปจริงๆ นั่นจะดีได้อย่างไรเล่า?
“ปรนนิบัติ?”
นายท่านเหยียนมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง “ใครบอกเจ้าว่าพวกนางมาปรนนิบัติข้า?”
“อิ่งอีไง!” เธอพูดโดยไม่แม้แต่จะคิด
ได้ยินเช่นนี้ นายท่านเหยียนก็กวาดมองอิ่งอีอย่างเย็นชา จากนั้น ค่อยก้มหน้ามองสาวน้อยที่อุ้มไว้ ถามว่า “ดังนั้น เจ้าถึงแอบปีนไปบนหลังคา?”
“แหะๆ ไม่ใช่เพราะข้าไม่เคยเห็นหนึ่งมังกรสองหงส์งามนัวเนียกันหรอกนะ…” พอพูดออกไปถึงรู้ตัวว่าไม่ถูกต้องนัก จึงรีบร้อนปิดปากไว้
อิ่งอีข้างๆ ไม่อาจทนมองต่อ ยังหยัดอยู่กับความเป็นไปได้ที่ถูกปัดลอยลิ่วไป เอ่ยปากแนะนำว่า “นายท่าน นี่ท่าน…จะไม่ปล่อยภูตหมอลงมาก่อนรึขอรับ?”
……………………………