เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1995 กู้เซียงอี๋ / ตอนที่ 1996 แผลไฟไหม้จากป่าภูเขาไฟ
ตอนที่ 1995 กู้เซียงอี๋
ครั้นได้ยิน ชายวัยกลางคนลิงโลด รีบลุกขึ้นกล่าวขอบคุณ “เช่นนั้นข้ากลับไปเตรียมตัวก่อน ช่วงบ่ายค่อยพาลูกชายมา”
“อืม” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า ให้ตู้ฝานออกไปส่งเขา หลังจากทั้งสองออกไป เฟิ่งจิ่วก็ไปหาอาวุโสถาน
“ท่านปู่ถาน วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” เธอเดินเข้ามานั่งในห้อง
“ดีขึ้นมากแล้ว ลงจากเตียงได้แล้วล่ะ” อาวุโสถานตอบ เขามองเฟิ่งจิ่วก่อนเอ่ยว่า “ครั้งนี้ต้องขอบใจเจ้ามากจริงๆ หากไม่ได้เจ้า ข้าก็คงไม่รอดแล้ว เจ้าก็อย่าเรียกข้าว่าท่านปู่ถานเลย ข้าแบกรับคำเรียกขานว่าท่านปู่จากเจ้าไม่ไหว หากเจ้าไม่ดูแคลนข้า เช่นนั้นก็เรียกข้าว่าอาวุโสถานเหล่าเถิด!”
เธอยิ้มๆ พลางรับคำ “ได้” จากนั้นถามอีกว่า “เช่นนั้นต่อไปท่านมีแผนจะทำอะไรต่อหรือ? หากไม่มีแผนอื่นหรือไม่ได้ตั้งใจจะไปไหน ที่จริง ท่านอยู่ช่วยข้าที่นี่ได้”
ได้ยินอย่างนั้น อาวุโสถานประหลาดใจ “ได้หรือ? ข้าอยู่ที่นี่ต่อได้หรือ?” เดิมที่เขาก็ไร้ที่อาศัย บ้านที่เคยอยู่ก็หวนกลับไปไม่ได้แล้ว หากอยู่ที่นี่ต่อได้ กลับถือว่าเป็นที่อยู่อาศัยที่ไม่เลวทีเดียว
“ได้อยู่แล้ว ท่านอยู่ที่นี่ช่วยข้าดูแลของหน่อย และช่วยงานในหอจะสบายกว่าหน่อย” เธอยิ้มอธิบาย เอ่ยว่า “อย่างนั้นก็ตกลงตามนี้! ท่านพักฟื้นให้หายดีก่อน ต่อไปก็อาศัยอยู่ที่หอยาสวรรค์แห่งนี้ ถึงตอนนั้นข้าจะแนะนำคนในหอให้ท่านรู้จัก”
อาวุโสถานมีสีหน้าตื้นตันอย่างปิดไม่มิด “ชีวิตของข้าอาวุโสถาน นับจากนี้ถือว่าเป็นของเจ้าแล้ว” นางช่วยเขา แล้วยังมอบที่อยู่ให้อีก แล้วเขาจะไม่ตอบแทนนางอย่างดีได้อย่างไรกัน!
เฟิ่งจิ่วนั่งอยู่ในห้องอีกครู่หนึ่งก็ออกไป หลังจากสะสางงานในลานสวนด้านหลังเสร็จ เธอก็ไปพักผ่อนบนชั้นใต้หลังคา กระทั่งช่วงบ่ายเหลิ่งหวามารายงานว่าคนของตระกูลกู้มากันแล้ว
ในลานสวนด้านหลังของหอยาสวรรค์ นอกจากชายวัยกลางคนผู้นั้น ยังมีผู้ชายอายุประมาณยี่สิบสามสิบปีคนหนึ่งอย่ด้ย ชายคนนั้นสวมชุดคลุมสีเขียวเข้ม ร่างกายกำยำแข็งแกร่ง ใบหน้าแข็งกร้าว มีส่วนคล้ายกับชายวัยกลางคนหลายส่วน ยามนี้ เขานั่งเหยียดหลังตรง จิบชาไปพลางๆ สีหน้าสงบนิ่งเรียบเฉย คล้ายกับไม่ใส่ใจว่าจะรักษาบาดแผลบนตัวได้หรือไม่เลยแม้แต่น้อย
ตอนที่เฟิ่งจิ่วเข้ามา เธอเห็นชายชุดคลุมสีเขียวเข้ม คนคนนั้นแม้จะนั่งหลังเหยียดตรงอยู่ แต่ก็ให้ความรู้สึกสูงส่ง ดูรูปร่างแล้วก็มีส่วนคล้ายกวนสีหลิ่นพี่ชายของเธอหลายส่วน สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจที่สุดก็คือบุคลิกสุขุมและเฉยชาของอีกฝ่าย
“ภูตหมอ” ผู้นำตระกูลกู้เห็นเฟิ่งจิ่วมา รีบลุกขึ้นประสานมือพร้อมยิ้มกว้าง “นี่ก็คือลูกชายของข้า กู้เซียงอี๋”
กู้เซียงอี๋เห็นอย่างนั้นก็ลุกขึ้น แต่กลับไม่คารวะ เพียงพยักหน้า “ภูตหมอ” จากนั้นก็ลอบมองพิจารณาเฟิ่งจิ่วเงียบๆ เหมือนกับคนส่วนมาก ยามเห็นเฟิ่งจิ่วครั้งแรก ดวงตามีแววตะลึงลานในความงาม
ทว่าเฟิ่งจิ่วสังเกตเห็น อีกฝ่ายนอกจากตะลึงในความงามของเธอแล้ว ไม่นานก็รีบปรับสีหน้าเป็นปกติ และมองเธออย่างชื่นชมด้วยสายตาปกติของเขา นิสัยเช่นนี้ ความตั้งมั่นนี้ นับว่าหายากนัก
“ภูตหมอ คืออย่างนี้ แผลของลูกชายข้าอยู่ที่หัวไหล่ เพราะแผลค่อนข้างร้ายแรง มือซ้ายเริ่มไม่มีความรู้สึกแล้ว ฉะนั้น…” ผู้นำตระกูลกู้กำลังอธิบายว่าเหตุใดลูกชายของเขาจึงไม่คารวะ
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ เอ่ยว่า “ไม่เป็นไร นั่งเถิด!” เธอพยักหน้าให้ทั้งสองนั่งลง ก่อนหันไปเอ่ยกับกู้เซียงอี๋ “ยื่นมือออกมา”
กู้เซียงอี๋ยื่นมือขวาขึ้นมาวางบนโต๊ะ ไม่นานก็เห็นอีกฝ่ายยื่นนิ้วมือกดลงบนข้อมือเพื่อตรวจชีพจร ครู่หนึ่งผ่านไป ก็หดมือกลับ
………………………………….
ตอนที่ 1996 แผลไฟไหม้จากป่าภูเขาไฟ
“ถอดเสื้อออก ข้าดูแผลหน่อย” เฟิ่งจิ่วเอ่ย
กู้เซียงอี๋ชะงักเล็กน้อย มองเธออย่างลังเล ก่อนเตือนว่า “ภูตหมอ บาดแผลค่อนข้างน่ากลัว” เพราะอย่างไรก็เป็นสตรี เขาคิดว่าไม่ควรทำให้เธอตกใจจะดีกว่า
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วอดยิ้มไม่ได้ “บาดแผลน่ากลัว? ไม่เป้นไร ข้ายังไม่เคยเจอแผลที่ทำให้ข้ากลัวได้”
ผู้นำตระกูลกู้ที่อยู่ข้างๆ อดเอ่ยขึ้นไม่ได้ “ภูตหมอเป็นหมอ บาดแผลแบบใดบ้างไม่เคยเห็น? มาๆ ข้าช่วยเจ้าถอดเสื้อ” เขาห่วงว่าแขนข้างขวาของลูกชายขยับไม่ได้ จะถอดเสื้อลำบาก
“ไม่ต้อง ข้าถอดเองได้”
เขาปฏิเสธความช่วยเหลือจากพ่อ ถอดสายคาดเอวและเสื้อตัวนอกออกด้วยตนเอง เพียงแต่ เสื้อตัวนอกนั้นยังถอดออกง่าย แต่พอเป็นเสื้อตัวในกลับถอดไม่ง่ายแล้ว หนำซ้ำ เพียงการถอดเสื้อผ้าง่ายๆ บนหน้าผากกลับมีเหงื่อซึมแล้ว
เห็นอย่างนี้ เฟิ่งจิ่วหันไปเอ่ยกับเหลิ่งซวงที่อยู่ด้านหนึ่ง “เหลิ่งซวง ช่วยเขาถอดเสื้อที แล้วก็ผ้าที่มัดไว้นั่นก็แกะออกเสีย”
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งรับคำ ก้าวเข้ามายืนอยู่ข้างกู้เซียงอี๋ยื่นมือจะช่วยเขาถอดเสื้อ
ครั้นถูกหญิงสาวประชิดตัวกะทันหัน กู้เซียงอี๋รีบถอยหนี “ไม่ต้องแล้ว ข้าให้ท่านพ่อช่วยก็ได้”
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วกระดกคิ้ว จ้องกู้เซียงอี๋ด้วยความสนใจ
เหลิ่งซวงเห็นอย่างนั้นก็ชะงักไปเช่นกัน มองชายตรงหน้าแวบหนึ่ง ก่อนหันไปมองนายท่านของนาง
ผู้นำตระกูลกู้ที่อยู่ข้างๆ ได้สติก็ก้าวเข้ามา ยิ้มเอ่ยว่า “ขายหน้าภูตหมอกับแม่นางเหลิ่งแล้ว ลูกชายข้านิสัยประหลาด แต่เขาไม่ได้มีเจตนาร้าย”
“ไม่เป็นไร แค่ถอดเสื้อออกก็พอ” เฟิ่งจิ่วเอามือข้างหนึ่งชันคาง จ้องมองสองพ่อลูกด้วยสายตาขบขัน
กู้เซียงอี๋ได้ยินอย่างนั้นสีหน้าก็ดูประดักประเดิด คำพูดนี้เหตุใดฟังดูแปลกๆ? เขาหันมองภูตหมอแวบหนึ่ง เห็นอีกฝ่ายใบหน้าเปื้อนยิ้ม จ้องมองเขาด้วยสายตาหยอกเย้า ส่วนผู้หญิงที่ชื่อเหลิ่งหวาใบหน้าเย็นชา เดินกลับไปยืนเงียบๆ อยู่ที่เดิมอีกครั้ง
เขาอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ ข้างหลังภูตหมอยังมีเด็กหนุ่มอยู่อีกคน เหตุใดยามนางสั่งให้คนช่วยเขาถอดเสื้อผ้าและแกะผ้าพันแผลออกจึงไม่เรียกเด็กหนุ่มมา? กลับเรียกผู้หญิงชุดดำคนนั้นมา?
ดูไม่ออกจริงๆ ว่าภูตหมอคนนี้เป็นคนอย่างไร? พฤติกรรมความคิดเหมือนจะต่างจากคนทั่วไปอยู่บ้าง
เมื่อถอดเสื้อตัวในออก และแกะผ้าพันแผล กลิ่นเน่าที่แรงกว่าเมื่อครู่ก็โชยออกมา นั่นทำให้กู้เซียงอี้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
เฟิ่งจิ่วที่ได้กลิ่นนั้นยักคิ้ว สายตาจับจ้องแผลก่อนจะลุกขึ้น แผลอยู่ในตำแหน่งระหว่างแขนและหัวไหล่ข้างขวา จุดที่เน่ามีขนาดเท่าฝ่ามือ เริ่มเห็นกระดูกรางๆ อาการค่อนข้างรุนแรง แต่สิ่งที่ทำให้เฟิ่งจิ่วแปลกใจก็คือ มีบาดแผลเช่นนี้อยู่บนตัว คนผู้นี้กลับสามารถทำหน้านิ่งไร้อารมณ์ได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ
“แผลของท่านได้มาได้อย่างไร? บาดเจ็บมาจากสิ่งใด?” เธอถามขณะจ้องใบหน้าแข็งกร้าวของกู้เซียงอี๋
กู้เซียงอี๋ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนตอบว่า “ข้าเจอภูเขาไฟปะทุตอนอยู่ในป่าภูเขาไฟ ถูกหินลาวาที่พุ่งออกมาลวก”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วประหลาดใจ ประกายสงสัยพาดผ่านดวงตา “แม้จะถูกหินลาวาลวกก็ไม่น่าจะรุนแรงเช่นนี้ หรือหินลาวาก้อนนั้นมีอะไรพิเศษ?”
………………………………….