เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2033 เฝ้าระวังกลางคืน / ตอนที่ 2034 หนึ่งในสิบจอมมาร
ตอนที่ 2033 เฝ้าระวังกลางคืน
ชายชราเดินเอามือไพล่หลังมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าเฟิ่งจิ่ว วางท่าราวกับผู้สูงส่ง “เจ้าเด็กเมื่อวานซืน เจ้ารู้หรือไม่ ข้าน่ะยอดเยี่ยมมากทีเดียว?”
“อืม รู้” เฟิ่งจิ่วตอบอย่างตรงไปตรงมา
เห็นเขาตอบรับอย่างไม่อ้อมค้อมเช่นนี้ ชายชราสะอึกเล็กน้อย พูดอะไรไม่ออก เขาถลึงตา ถามว่า “เจ้ารู้จริงหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นคนแบบไหนในสำนักดาราจักร?”
“อืม รู้ เปรียบเหมือนภูเขาไท่ซานในสำนัก” เธอยิ้มตอบ ดูต่างจากชายชราที่กำลังเบิกตากว้างอย่างชัดเจน
“แม้แต่เจ้าสำนักเห็นข้า ก็ยังต้องเรียกข้าว่าศิษย์พี่ด้วยความเคารพ” เขายกมือลูบหนวด ยืดอกวางท่าสูงส่ง
“อืม ข้ารู้” เธอยังคงพยักหน้ายิ้มๆ
“รู้แล้วเจ้ายังไม่ยอมกราบข้าเป็นอาจารย์อีก?” เขาถลึงตาเอ่ย
เห็นเขาดื้อดึงเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วถอนหายใจ “ข้ามีอาจารย์นานแล้ว”
“อาจารย์ของเจ้า? เป็นใคร? เป็นใครหน้าไหนในสี่สำนักเซียนหรืออย่างไร?” เขาครุ่นคิด ต้นกล้าชั้นดีอย่างนี้ อาจารย์ของเขาก็น่าจะไม่ธรรมดาอยู่บ้าง
“อาจารย์ของข้าท่านไม่รู้จักหรอก”
เฟิ่งจิ่วส่ายหน้าตอบ กระดูกของฉู่ป้าเทียนอาจารย์ของเธอจมอยู่ในจวนลับใต้น้ำนับหลายสิบปี แต่หากอยู่บนแผ่นดินใหญ่แถบใต้แม่น้ำ เพียงเอ่ยถึงคนที่มีอายุหน่อยล้วนรู้จักว่านั่นเป็นคนมีชื่อเสียงขนาดไหน ทว่าบนแผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำนี่ หากพวกเขารู้จักก็คงแปลกแล้ว
“คนที่ข้าไม่รู้จัก?” ได้ยินอย่างนั้น ฮุ่นหยวนจื่อชะงัก เอ่ยด้วยสายตาแปลกๆ “คนที่ข้าไม่รู้จักล้วนเป็นคนธรรมดาไร้ชื่อเสียง หรืออาจารย์ของเจ้าไม่ได้มีที่มาที่ไปอะไรเลย? เป็นเพียงคนธรรมดาที่ไร้ชื่อเสียง?”
เฟิ่งจิ่วยิ้มน้อยๆ “ไม่ว่าเขาจะเป็นคนแบบใด แต่เขาก็ถือเป็นคนที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง ใต้หล้านี้ มีผู้แข็งแกร่งเร้นกายจากยุทธภพมากมาย ผู้อาวุโสกล้าพูดหรือว่ารู้จักหมดทุกคน?”
ได้ยินอย่างนั้น ชายชราถึงกับพูดไม่ออก เป็นเรื่องจริงที่มีผู้แข็งแกร่งเร้นกายจากยุทธภาพมากมาย ผู้แข็งแกร่งที่เร้นกายจากยุทธภพเหล่านั้นเขาย่อมไม่รู้จักอยู่แล้ว แต่เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์คนนี้จะเป็นศิษย์ของผู้แข็งแกร่งที่เร้นกายจากยุทธภพแบบใดกันนะ?
ทั้งสองพูดคุยต่อปากต่อคำกันอยู่ทางนี้ ขณะที่อีกด้านหนึ่งทุกคนได้เริ่มก่อไฟกันแล้ว ก่อนจะเรียกทั้งสองไป ชายชราเดินเอามือไพล่หลังไปนั่งลงข้างกองไฟ ส่วนเฟิ่งจิ่วเขย่งปลายเท้ากระโดดขึ้นต้นไม้ จากนั้นก็เอนหลังพักผ่อนอยู่บนกิ่งไม้
“เสี่ยวจิ่ว เจ้าไม่ลงมาผิงไฟกินอะไรหน่อยหรือ?” ไฉเฟิงเดินมาใต้ต้นไม้ ก่อนถาม
“ไม่ล่ะ ข้ายังมีของกินเก็บไว้อยู่” เฟิ่งจิ่วที่อยู่บนต้นไม้ตอบ ก่อนหยิบสุราออกมาดื่มหนึ่งอึก
เห็นอย่างนั้น ไฉเฟิงล้วงเอาธัญพืชแห้งแท่งหนึ่งโยนขึ้นบนต้นไม้ “เอ้า รับไว้ ข้าให้เจ้า”
เฟิ่งจิ่วรับไว้ เอ่ยว่า “ขอบใจ”
ไฉเฟิงยิ้มๆ ก่อนจะเดินกลับไปพุดคุยกับทุกคนที่ข้างกองไฟ
เฟิ่งจิ่วปรือตาพักผ่อน รู้สึกเหมือนกิ่งไม้ขยับเล็กน้อยจึงลืมตาขึ้น และเห็นว่าบนกิ่งไม้ที่อยู่ไม่ไกลมีจัวจวินเยวี่ยหรี่ตาเอนหลังพิงกิ่งไม้ ในมือกอดกระบี่ยาวไว้
เห็นอย่างนั้น เธอละสายตากลับมา จากนั้นต่างฝ่ายต่างก็หลับ ไม่ได้สนใจกัน เดิมนึกว่าจะได้พักผ่อนเต็มที่ทั้งคืน ใครจะรู้ ตอนเที่ยงคืนกลับได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เธอลืมตากระเด้งตัวนั่งหลังตรง
ขณะเดียวกัน จัวจวินเยวี่ยที่อยู่บนต้นไม้ต้นเดียวกันก็ลืมตาและลุกนั่งเช่นกัน เขาหันมามองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ฮุ่นหยวนจื่อที่พักผ่อนอยู่ข้างกองไฟข้างล่างเองก็รู้ตัวแล้วเหมือนกัน เขาหันมองเฟิ่งจิ่วที่อยู่บนต้นไม้โดยสัญชาตญาณ ก่อนจะแปลกใจที่เห็นเด็กหนุ่มตื่นแล้วเช่นกัน
เจ้าเด็กนี่สัญชาตญาณการระวังตัวไม่เลวเหมือนกันนี่! เขาคิดในใจ พลางใช้เท้าสะกิดพวกฝานอี้ซิวที่อยู่ข้างๆ
“ท่านบุพพาจารย์?” ฝานอี้ซิวลืมตาตื่น มองเขาด้วยความง่วงงุนและสงสัย
………………………………….
ตอนที่ 2034 หนึ่งในสิบจอมมาร
“ท่านบุพพาจารย์อะไร? ยังไม่รีบลุกขึ้นอีก เราถูกล้อมไว้หมดแล้ว!” ชายชราเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ สิ้นเสียงของเขา พวกตระกูลไฉรีบตื่นด้วยความตกใจ
“ถูกล้อมไว้หมดแล้ว?” คนของตระกูลไฉตั้งท่าระวังตัว “เหตุใดคนเฝ้ายามกลางคืนจึงไม่ส่งสัญญาณใดมาเลย?”
คุณชายรองไฉใช้ดวงจิตสำรวจ ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าตึงเครียด “ถูกฆ่าแล้ว!”
กลิ่นคาวเลือดจางๆ กระจายไปในอากาศ ขณะที่รอบด้าน ไอสังหารอันเย็นเยียบแผ่ปกคลุมไปทั่ว ทำให้บรรยากาศยามค่ำคืนเช่นนี้ยิ่งหนาวเหน็บกว่าเดิม
ได้ยินอย่างนั้น ทุกคนตึงเครียดขึ้นมาทันที ถูกฆ่าแล้ว? ถูกฆ่าอย่างเงียบเชียบแล้วงั้นหรือ? ช่างร้ายกาจยิ่งนัก! ช่างเป็นวิธีการลอบสังหารที่ยอดเยี่ยม! ไม่นึกเลยว่าจะสามารถสังหารคนได้โดยไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย
ครั้นเห็นรอบๆ ไร้การเคลื่อนไหว ฮุ่นหยวนจื่อส่งสัญญาณให้คุณชายรองไฉเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน
เห็นอย่างนั้น คุณชายรองไฉตวาดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ใครน่ะ! ออกมานะ!”
“หึๆ นึกไม่ถึงว่าในคณะเดินทางเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตาเช่นนี้กลับมีคนเก่งอยู่คนสองคนเช่นนี้”
เสียงหัวเราะเย็นชาหนึ่งดังขึ้น น้ำเสียงของคนผู้นั้นเย็นยะเยือก ในเสียงพูดแฝงไว้ด้วยแรงกดดันอันแข็งแกร่ง ทันทีที่เปล่งเสียงออกไป พวกลูกศิษย์ที่ระดับพลังต่ำหน่อยต่างรู้สึกถึงเลือดลมอันพลุ่งพล่านในร่างกาย ร่างกายเริ่มมีอาการผิดปกติ
เห็นคนทางนี้เริ่มตัวงอเหมือนแทบยืนไม่อยู่ ฮุ่นหยวนจื่อขมวดคิ้ว แรงกดดันขุมหนึ่งพุ่งออกจากตัวเขา ผลักแรงกดดันที่แผ่ปกคลุมเข้ามาให้ออกไป เสียงแหบชราตวาดกร้าวออกไปอย่างทรงพลัง “เจ้าเป็นใคร! จงปรากฏตัว!”
“อ้อ? นึกไม่ถึง ฮุ่นหยวนจื่อจากสำนักดาราจักรเองหรือ?” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ เจ้าตัวกลับเดินออกมาจากเงามืดด้วย
อาศัยแสงจันทร์ รวมถึงแสงจากกองไฟสองกอง พวกเขาเห็นอย่างชัดเจน นั่นเป็นชายชราอายุราวหกสิบเจ็ดสิบปีคนหนึ่ง ทั้งที่เป็นชายชรา บนตัวกลับสวมชุดคลุมสีแดงหม่น ไม่เข้ากับใบหน้าแก่ชราของเขาเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับทำให้ดูแปลกๆ
ทว่าแม้ใบหน้าของคนผู้นี้จะแก่ชรา แต่เสียงของเขากลับเหมือนชายวัยกลางคน ไม่ได้ฟังดูมีอายุเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ชายชราผู้นี้เดินออกมา ยังมีคนชุดดำจำนวนหนึ่งปรากฏตัวบริเวณรอบๆ ด้วย
“ผู้ฝึกวิชามาร! เป็นผู้ฝึกวิชามาร!”
การปรากฏตัวของคนพวกนั้น รวมถึงการแสดงกลิ่นอายโดยไม่ปิดซ่อนอีก ทำให้พลังมารอันชั่วร้ายแผ่ปกคลุมไปทั่ว กลุ่มคนตื่นตระหนก อดถอยหลังไม่ได้ มือที่ถือกระบี่สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
ไม่น่าเล่าถึงได้สังหารคนเฝ้ายามกลางคืนได้อย่างเงียบเชียบ! ที่แท้คนพวกนี้ก็เป็นผู้ฝึกวิชามาร! กลิ่นอายรอบกายของพวกเขาที่แผ่กระจายออกมา ยิ่งชวนให้อกสั่นขวัญแขวน
ผู้ฝึกวิชามารนั้นโหดเหี้ยมกระหายเลือด ผู้ฝึกมารก็คือศัตรูตัวฉกาจของผู้ฝึกวิชาเซียน เป็นศัตรูของทุกคนที่เลือกเดินเส้นทางแห่งคุณธรรม! และเช่นกัน ทุกคนที่เลือกเดินบนเส้นทางแห่งคุณธรรมก็เป็นศัตรูของผู้ฝึกวิชามารเช่นกัน!
หากเจอพวกเขา ไม่ว่าจะเคยมีความแค้นต่อกันหรือไม่ ผู้ฝึกวิชามารก็จะสังหารไว้เว้นหน้า! วิธีการอันโหดเหี้ยมอำมหิตของพวกเขา เทียบกับกลุ่มทหารรับจ้างแมงป่องแล้ว ยิ่งเทียบไม่ติด!
นึกไม่ถึง ตลอดเส้นทางที่พวกเขาเดินมา พวกเขาระมัดระวังมาตลอด แต่กลับมาถูกผู้ฝึกวิชามารหมายหัวที่นี่เสียได้ พวกเขาโดนหมายหัวตั้งแต่เมื่อใดกันแน่? เหตุใดจึงไม่รู้ตัวสักนิด
ฮุ่นหยวนจื่อจ้องชายชราคนนั้น ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าก็คือจอมมารโลหิต หนึ่งในสิบจอมมารใต้อาณัติของปีศาจจอมมาร!” น้ำเสียงของเขาฟังดูมั่นใจ เห็นได้ชัดว่าจำอีกฝ่ายได้แล้ว
“หึๆ ท่านเซียนฮุ่นหยวนช่างสายตาเฉียบแหลม”
ชายชราผู้นั้นประสานสองมือวางไว้ตรงหน้าท้อง สาวเดินเข้ามาทีละก้าวๆ ยามชุดคลุมสีแดงหม่นสวมอยู่บนกายชายชราผู้นั้น กลับดูแปลกประหลาดเมื่ออยู่ใต้ผืนฟ้ายามค่ำคืนเช่นนี้
………………………………….