เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 205 แข็งแรงยิ่งนัก! + ตอนที่ 2
ตอนที่ 205 แข็งแรงยิ่งนัก!
เฟิ่งจิ่วชำเลืองมองท่าทางได้ใจนั้น ก่อนเบะปาก “ก็ไม่เท่าไหร่”
“อ้อ จริงรึ? อาจต้องให้ข้าเข้าใกล้อีกหน่อย เจ้าจะได้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น” ดวงตาเขาหรี่ลง โน้มกายเตรียมจะก้าวเข้าหา
เฟิ่งจิ่วเห็นก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย รีบร้อนยกมือขึ้นตะโกน “หยุดๆๆ! ไม่ต้องเข้ามาๆ ร่างกายท่านช่างเลอเลิศนัก สัดส่วนพอดี แข็งแรงยิ่งนัก พอใจรึยัง?”
เขาเป็นคนประเภทไหนกัน? จะรังแกกันก็ไม่เห็นต้องทำอย่างนี้เลย ละอายใจบ้างหรือเปล่า?
เจ้าตำหนักยมราชก็ไม่เข้าไป ในความคิดเขา นางจะต้องมาเป็นผู้หญิงของตน ด้วยเหตุนี้ตอนนี้จึงไม่เร่งรัดอะไร เลี่ยงไม่ให้นางตกใจกลัวเสียจนกลายเป็นได้ไม่คุ้มเสีย
“มาถูหลังให้ข้าสิ” เขานอนฟุบลงบนขอบบ่อ เหลือเพียงแผ่นหลังไว้ให้นาง
เห็นเช่นนี้ แววตาเฟิ่งจิ่วฉายประกายน้อยๆ คิดๆ แล้วจึงเอ่ยว่า “ข้าจะช่วยถูหลังให้ก็ได้ แต่ท่านต้องอยู่นิ่งๆ ไม่ขยับ และอย่าหันกลับมา”
“ได้”
เจ้าตำหนักยมราชตอบรับอย่างเกียจคร้าน มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย สาวน้อยผู้นี้ ยังไม่รู้อีกว่าเขารู้ว่านางเป็นผู้หญิงนานแล้ว
หลังเขารับปาก เฟิ่งจิ่วถึงจะเดินไปหาเขาด้านนั้น เมื่อมาถึงด้านหลังเขา ในดวงตาก็ฉายแววสับสน
เธอเป็นแค่นักปรุงยาที่ถูกจับตัวกลับมาเท่านั้น แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะหันหลังให้โดยไม่ระวังตัวเช่นนี้ ไม่รู้จริงๆ ว่าไปเอาความเชื่อมั่นมาจากไหน ควรรู้ไว้ว่าหากเปลี่ยนเป็นคนที่ใจคดคิดไม่ซื่อ เขาหันหลังให้เช่นนี้ ทุกนาทีล้วนมีความเป็นไปได้ที่เขาจะสิ้นชีพลงในเงื้อมมือผู้อื่น
“ผ้าขนหนูล่ะ? ท่านเอามาด้วยรึเปล่า?” เธอถาม เห็นมือเขายื่นมือส่งผ้าขนหนูสีขาวผืนหนึ่งมาให้
หลังจากรับผ้าขนหนูมา เธอช่วยถูหลังให้เขาเป็นพักๆ แม้แต่ตัวเองยังรู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้าง นึกไม่ถึงว่าจะได้เปลือยกายแช่น้ำพุร้อนกับบุรุษ ซ้ำยังช่วยถูหลังให้อีก? ช่างเป็นเรื่องที่ไม่ว่าอย่างไรเมื่อก่อนก็ไม่กล้าจินตนาการโดยแท้
“แรงอีกหน่อย”
น้ำเสียงเขาแหบพร่าเล็กน้อย เพียงแค่เพราะนางถูเบาเกินไป คล้ายกำลังเกาให้เขาจักจี้อยู่ ทำให้ไฟชั่วร้ายในกายปะทุขึ้นมา ไม่มีเหตุผลอื่นใด
แน่นอนว่าเฟิ่งจิ่วฟังออกถึงน้ำเสียงที่มีความทุ้มต่ำและแหบแห้งเจือปนอยู่บางส่วน จึงเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แอบก่นด่าในใจ ก่อนจะออกแรงขึ้นอีกหน่อย เดิมทีคิดจะใช้เข็มเงินที่ซ่อนไว้ในผมทำให้เขาสลบแล้วค่อยออกไป ทว่า พอนึกถึงความไว้ใจที่อธิบายไม่ถูกนี้ก็ไม่อาจลงมือได้
ผ่านไปพักหนึ่ง เฟิ่งจิ่วก็เมื่อยแขนแล้ว แต่ชายผู้นี้กลับยังนอนฟุบไม่ไหวติงอย่างสบายใจเฉิบ จึงหยุดมือลง บอกว่า “ข้าว่าเจ้าตำหนักคงสุขสมใจพอแล้วกระมัง? แขนข้าเมื่อยแทบตาย ผิวก็แช่น้ำเสียจนจะเหี่ยวย่นแล้ว”
“อืม เจ้ากลับไปก่อนได้” เขาพูดอย่างเฉื่อยชา นอนฟุบไม่ขยับเขยื้อน
ได้ยินเช่นนี้ เห็นเขาหรี่ตานอนฟุบอยู่ เฟิ่งจิ่วถึงจะถอยออกมาตรงที่ตนวางเสื้อผ้าไว้ แล้วหยิบชุดมาสวมใส่ในน้ำ
เจ้าตำหนักยมราชเห็นนางหันหลังสวมเสื้อผ้า ลุกขึ้นจากน้ำ คิดจะเดินออกไปทั้งที่สวมเสื้อผ้าเปียกปอน ก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ “เจ้าจะสวมเสื้อเปียกโชกนี่เดินกลับไป?”
เสื้อผ้าแนบแน่นบนเรือนร่างนางเพราะความเปียกชุ่ม เผยส่วนโค้งเว้าอันงดงามออกมา ถึงแม้กอดผ้าบางปิดด้านหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง แต่รูปร่างที่ปรากฏรางๆ กลับทำให้เขามองเสียจนร่างกายร้อนผ่าวขึ้นมา
ยิ่งไปกว่านั้น ตลอดทางกลับไปมีทหารอารักขาทั้งในที่แจ้งที่ลับมากมาย คนจะไม่เห็นกันหมดแล้วได้อย่างไร?
“สวมเสื้อผ้าเปียกๆ กลับไปแล้วเกี่ยวอะไรกับท่านด้วย? ข้ากลับห้องก็ต้องเปลี่ยนอยู่แล้ว”
เฟิ่งจิ่วกล่าวอย่างไม่สนใจนัก ฝีเท้าก้าวออกไปไม่คิดหยุด ทว่าเวลาต่อมาร่างกายกลับแข็งทื่อ
………………………………………………….
ตอนที่ 206 ความวาบหวามล้นปรี่!
“สวมเสื้อคลุมข้ากลับไป”
น้ำเสียงทุ้มต่ำที่แหบพร่าลอยมาจากด้านหลัง ลมหายใจอุ่นรินรดอยู่ข้างหู ทำให้ใบหูรู้สึกชาปนจักจี้ เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย มองแขนของบุรุษที่โอบเข้ามาจากด้านหลัง ท่อนแขนกำยำโอบตัวเธอไว้ด้านใน ก่อนที่เสื้อคลุมจะห่อหุ้มร่างเธอไว้จากด้านหลังมาด้านหน้า
เฟิ่งจิ่วไม่หันกลับไป ร่างกายแข็งทื่อน้อยๆ ไม่เพียงแค่เพราะเขายื่นมือมาโอบตัวไว้เพื่อคลุมเสื้อให้อย่างกะทันหัน ยังเพราะร่างกายที่แนบชิดเข้ามาอีก…ไม่ได้สวมเสื้อผ้าอะไรเลยรึ?
“อืม ขอบคุณมาก”
เธอลนลานตอบรับ เร่งฝีเท้าเดินออกไป นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ถูกคนกลั่นแกล้งแล้วยังต้องขอบคุณ จะไม่เป็นธรรมเกินไปแล้ว
เห็นฝีเท้านางตื่นตระหนกลนลานหน่อยๆ ราวกับหนีเอาชีวิตรอด เจ้าตำหนักยมราชยกมุมปากยิ้มชอบใจ
เมื่ออิ่งอีที่เฝ้าอยู่ด้านนอกบ่อน้ำพุร้อนเห็นร่างนั้นเดินลุกลี้ลุกลนออกมาจากด้านใน ก็เบิกตาโตอย่างอดไม่ได้ เอ่ยถามด้วยความตกตะลึงว่า “เจ้า เจ้าออกมาได้ยังไงกัน?”
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเขา ไม่พูดไม่จา แค่ดึงเสื้อคลุมบนร่างให้กระชับ จากนั้นตรงเข้าไปในเขตเรือน
“สะ สวรรค์! ข้ามองผิดไปกระมัง? เขาคลุมเสื้อนายท่านไว้รึ?” เขาอุทาน ถลึงมองร่างที่หายลับไปกลางค่ำคืน อดใจรอแทบไม่ไหวอยากลองเข้าไปดูว่าสถานการณ์ด้านในเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ว่าบ่อน้ำพุร้อนนั้นวางค่ายกลไว้ เขาเดินเข้าไปไม่ได้เลย!
เวลาไม่นานนัก เมื่อเห็นนายท่านที่สวมเพียงชุดซับในเดินออกมา อิ่งอีก็รีบร้อนเข้าไปรับหน้า เอ่ยถามตะกุกตะกักว่า “นะ นายท่าน ทำไมข้าน้อยเห็น…เห็นภูตหมอ…ออกมาจากด้านในด้วยล่ะขอรับ?”
สองคนนี้ คงไม่ได้อาบน้ำด้วยกันอยู่ด้านในหรอกกระมัง?
นายท่านเขาที่หล่อเหลาปานเซียนเดินดิน ทรงอำนาจราวเทพสวรรค์ อาบน้ำอยู่ด้วยกันด้านในกับภูตหมอที่บอบบางอ้อนแอ้นซ้ำยังใบหน้าเสียโฉม? แค่นึกถึงภาพนั้น มุมปากเขาก็กระตุก ไม่กล้าคิดต่อไปอีกเลย
“น่าบังเอิญ เขาเองก็แช่น้ำร้อนอยู่ด้านในเหมือนกัน” มุมปากเจ้าตำหนักยมราชมีรอยยิ้ม ก่อนสาวเท้าเดินไปยังเขตเรือน
อิ่งอีแหงนมองฟ้าอย่างหมดคำพูด บังเอิญ? บังเอิญจริงๆ หรือ? ปกตินายท่านไม่ได้เข้ามาแช่น้ำร้อนเวลานี้เสียหน่อย…
ดูจากความวาบหวามล้นปรี่บนหน้านายท่าน เขาไม่คิดว่านายท่านจะไม่คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้า
เมื่อกลับมาถึงในเรือน เจ้าตำหนักยมราชเข้าห้องไป ส่วนอิ่งอีคอยเฝ้าตรงสวนด้านนอก ทว่าในใจกลับระส่ำระสายอยู่ตลอด ด้วยเหตุนี้จึงยืนยามด้วยใจลอยอยู่บ้าง ขนาดฮุยหลางเข้ามาข้างกายเขาก็ยังไม่สังเกตเห็น
“เฮ้ย ทำไมสองวันนี้เจ้าท่าทางจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอดเลย?” ฮุยหลางตบไหล่อิ่งอี ถามด้วยความสงสัยอยู่บ้าง
อิ่งอีมองเขาแวบหนึ่ง เดิมทีไม่คิดจะพูดด้วย แต่พอลองคิดๆ ดูแล้ว หลังจากมองประตูห้องที่ปิดสนิทก็กดน้ำเสียงลง ถามว่า “ฮุยหลาง เจ้าอยู่หอสายลมหนาวมาหลายวัน เห็นผู้ชายไปแสวงหาความสุขกับพวกเด็กหนุ่มจริงหรือ?”
“เห็นสิ!” ฮุยหลางพยักหน้า นึกถึงยามที่ถูกคนลูบไล้กล้ามหน้าท้อง ทั้งร่างก็ขนลุกซู่ขึ้นมา
“ผู้ชายกับผู้ชายทำแบบนั้นกัน…ยังไง?”
“เจ้าอยากรู้เรื่องนี้ทำไม ฮึ ไม่งั้นเจ้าลองบอกนายท่าน ให้ส่งเจ้าไปหาประสบการณ์ที่หอสายลมหนาวเสียสิ” ฮุยหลางยิ้มเยาะอย่างมีเจตนาร้าย
อิ่งอีไม่สนใจที่อีกฝ่ายประชด กล่าวด้วยความคับอกคับใจ “ตอนนี้ข้าเป็นห่วงนายท่านเหลือเกิน”
“หมายความว่าอะไร?” ฮุยหลางผงะไป ไม่เข้าใจเล็กน้อย
“หรือเจ้ามองไม่ออกว่านายท่านทำตัวผิดปกติกับภูตหมอ? เย็นนี้พวกเขาสองคนแช่บ่อน้ำร้อนที่เขาด้านหลังด้วยกัน เจ้าไม่เห็นหรือ ตอนนายท่านออกมาทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยคำว่าความวาบหวามล้นปรี่เลย เฮ้อ ข้ากลัวจริงๆ ว่าขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเกิดเรื่องขึ้นได้น่ะ!”
มองไปทางฮุยหลาง กลับเห็นเขาขยิบตามาให้ จึงอดถามไม่ได้ว่า “ตาเจ้าเป็นอะไร?”
………………………………………………….