เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2065 คนใกล้หมึก ติดสีดำ / ตอนที่ 2066 เกรงใจแย่
ตอนที่ 2065 คนใกล้หมึก ติดสีดำ
“พรืด! ข้านึกว่าเจ้าจะเก่งสักแค่ไหนกันเชียว! ยังคิดจะใช้มีดทำร้ายคนอื่นเขาอีก?”
ชายวัยกลางคนที่ล้มอยู่ด้านหนึ่งหัวเราะเยาะ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนพื้น ตบฝุ่นตามตัวออก เหล่มองชายที่กระดูกมือหักด้วยหางตา
“แล้วเจ้าดีกว่าข้าสักแค่ไหนกันเชียว? ฟื้นแล้วยังแสร้งหมดสติอยู่ตรงนั้นอีก! ไม่ได้เรื่อง!” ชายที่กระดูกมือหักแค่นเสียงด้วยสีหน้าถมึงตึง ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเช่นกัน
“นั่นจะเหมือนกันได้อย่างไร? ข้านั้นดูออกว่าสามคนนั้นเก่งกาจเพียงใดจึงไม่กล้าทำอะไรอีก ไม่อย่างนั้น ไม่เพียงพวกเราแพ้และเสียทรัพย์สมบัติให้พวกเขา แต่อาจต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ด้วยก็ได้” แม้เขาจะรู้สึกเจ็บแค้นไม่ต่างกัน แต่ผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ หากคิดจะถือมีดสู้กับพวกนั้นจริงๆ เหมือนชายคนนั้น เดาว่าสุดท้ายพวกเขาคงไม่เหลือแม้แต่ชีวิตแล้ว
ส่วนคนพวกนั้นเห็นได้ชัดว่าต้องการเพียงสมบัติ ไม่ได้คิดทำร้ายใคร นับว่าปรานีมากแล้ว หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาชิงทรัพย์แล้วคงไม่ปล่อยให้คนรอดชีวิตไปได้แน่
“แต่จะว่าไป คนพวกนั้นเป็นใครกันแน่นะ?” ทั้งสองหันไปมองเหล่าลูกน้องที่หมดสติอยู่บนพื้น พลางพึมพำด้วยความสงสัยอยู่ตรงนั้น
“หึๆ ไม่รู้ว่าเป็นใครพวกเจ้าก็ยังกล้าลงมืออีกหรือ?”
เสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลังของพวกเขา เห็นเพียงคนกลุ่มแรกที่จากไปย้อนกลับมาอีกครั้ง เพียงแต่ยามนี้สีหน้าพวกเขาเหมือนกำลังยินดีกับความทุกข์ของผู้อื่นอยู่
“เจ้ารู้?” พวกเขาเป็นกลุ่มโจรที่ดักปล้นชิงอยู่แถวๆ นี้ จึงถือว่าคุ้นเคยกันอยู่บ้าง
“หากข้าไม่รู้ เดาว่าตอนนี้ข้าคงมีจุดจบเหมือนพวกเจ้า” ชายคนนั้นกวาดมองผ่านร่างกายที่ว่างเปล่าไร้สมบัติของพวกเขาด้วยสายตาเยาะเย้ย “ไม่เหลืออะไรแล้วล่ะสิ? รักษาชีวิตไว้ได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว”
“สามคนนั้นเป็นใครกันแน่?” ชายวัยกลางคนที่กระดูกมือหักถาม ในใจยังแค้นไม่หาย สมบัติเหล่านั้นเป็นสมบัติทั้งหมดที่พวกเขามี แต่กลับถูกชิงไปง่ายๆ อย่างนี้
“อีกสองคนข้าไม่รู้ แต่ตาเฒ่าคนนั้นก็คือฮุ่นหยวนจื่อแห่งสำนักดาราจักร แม้แต่เขาก็ยังกล้าเล่นงาน ข้าล่ะนับถือความใจกล้าของพวกเจ้าเสียจริงๆ!” ชายคนนั้นตอบ พลางส่ายหน้า ขี้คร้านจะเล่นงานพวกเขาซ้ำอีก
ทั้งสองได้ยินอย่างนั้น หน้าซีดไปทั้งดวง กอปรกับรู้สึกหวาดเสียว นึกไม่ถึงว่าเป็นฮุ่นหยวนจื่อแห่งสำนักดาราจักร? ผู้ที่เป็นดุจภูเขาไท่ซานของสำนักเซียน? สวรรค์! พวกเขาทำบาปมาแปดชาติหรือไรถึงได้บังเอิญเจอคนเช่นนั้นเข้า
ทว่า ที่ทำให้พวกเขาแค้นยิ่งกว่าก็คือ คนที่ทำให้พวกเขาล้มหมดสติกลับไม่ใช่ฮุ่นหยวนจื่อ ทว่าเป็นเด็กหนุ่มชุดเขียวที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง
“ข้างหน้ามีถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง คืนนี้เราไปพักที่นั่นดีหรือไม่?” ตาเฒ่าชี้ไปที่ถ้ำด้านหน้า พลางเสนอ
“ได้ พวกท่านไปก่อน ข้าไปดูรอบๆ ว่ามีสัตว์ป่าหรือไม่” เดินทางอยู่ในป่าแห่งนี้ หากไม่มีเนื้อกินก็เหมือนถูกลงโทษ
“อยู่ในที่แห่งนี้เจ้ายังอยากจะกินเนื้ออีกหรือ? ไม่ต้องคิดแล้ว ที่นี่ไม่มีสัตว์ป่าอะไรทั้งนั้น” ตาเฒ่าโบกมือ ก่อนจะสาวเดินเข้าไปในถ้ำ
จัวจวินเยวี่ยที่อยู่ด้านหนึ่งหันมองเฟิ่งจิ่ว “ข้าไปกับเจ้าก็แล้วกัน! แม้สัตว์ป่าจะน้อย แต่หากโชคดีก็อาจเจอ”
เฟิ่งจิ่วหันไปยิ้มตาหยีให้เขา “ข้านึกออกแล้ว ในเมื่อที่นี่มีสัตว์ป่าให้เห็นน้อย อย่างนั้นพวกเราไปเอามาจากถ้ำของคนอื่นก็ได้”
พวกกลุ่มคนนี้ดักปล้นอยู่แถวนี้ต้องล่าสัตว์เป็นแน่ๆ ไปเอามาจากพวกเขาก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?
ได้ยินอย่างนั้น จัวจวินเยวี่ยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเผยยิ้มน้อยๆ “ก็ดีเหมือนกัน อย่างนั้นไปดูกันเถิด!”
ตาเฒ่าเห็นทั้งสองคุยไปด้วยเดินกลับทางเดิมไปด้วย ก็อดส่ายหน้าไม่ได้ “เขาถึงว่าคนอยู่ใกล้หมึก มักติดสีดำ!”
………………………………….
ตอนที่ 2066 เกรงใจแย่
ในถ้ำที่อยู่ห่างจากที่นี่ระยะหนึ่ง มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งดื่มสุรากินเนื้อและพูดคุยกันอยู่ ขณะกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานได้ที่ เสียงหัวเราะหนึ่งพลันดังก้อง
“พี่ใหญ่เยี่ยมยอดที่สุดดังคาด ดูแวบเดียวก็รู้ว่านั่นคือฮุ่นหยวนจื่อแห่งสำนักดาราจักร โชคดีที่พวกเราไม่ได้เข้าไปผสมโรงกับพวกนั้น ไม่เช่นนั้นตอนนี้เราอาจมีสภาพเหมือนเจ้าโง่สองกลุ่มนั้นแล้วก็ได้”
“นั่นสิ เมื่อกี้ตอนที่เรากลับไปดู คนของสองกลุ่มนั้นล้วนหมดสติล้มอยู่บนพื้น ทรัพย์สินบนร่างกายล้วนถูกกวาดไปจนราบคาบ หัวหน้าของสองกลุ่มนั้นแม้ตื่นขึ้นมาก่อน หนึ่งในนั้นคิดจะใช้มีดลอบเล่นงานสามคนนั้น นึกไม่ถึงกลับถูกเหยียบมือจนกระดูกหัก”
“จะว่าไปแล้ว สามคนนั้นไม่เอาชีวิตพวกเขาก็ดีเท่าไรแล้ว หากเป็นคนอื่น หลังจากกวาดทรัพย์สินไปจนหมด ชีวิตของพวกเขาก็คงไม่เหลือไว้ให้ด้วย”
“ฮุ่นหยวนจื่อผู้นั้นอย่างไรก็เป็นคนของสำนักดาราจักร ย่อมไม่กระทำอะไรเหี้ยมโหดเกินไปนัก จะให้เขาสังหารคนทีเดียวมากมายขนาดนั้น เขาย่อมต้องลังเลอยู่แล้ว”
“ตอนนี้คนสองกลุ่มนั้นหนีเตลิดกันไปหมดแล้ว พี่ใหญ่นับว่าจิตใจดี ไม่ได้ไล่สังหารพวกเขาเสียให้สิ้นซาก”
“ใช่แล้ว พี่ใหญ่จิตใจดีนัก”
ทุกคนผลัดกันพูด ต่างพากันประสบสอพลอพี่ใหญ่ของพวกเขา หนึ่งในนั้นคอยรินสุราให้พวกเขา หัวหน้าของคนเหล่านี้ครั้นได้ยินคำสรรเสริญต่างๆ นานาก็เบิกบานใจนัก หัวเราะเสียงก้องกังวาน พลางยกถ้วยสุราขึ้นสูง “มาๆ ดื่มเหล้าๆ!”
ทว่าด้านนอก เฟิ่งจิ่วที่ตามกลิ่นหอมของสุราและเนื้อมากำลังยิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับสุนัขจิ้งจอกก็ไม่ปาน เธอหันไปพยักหน้าให้จัวจวินเยวี่ย “เป็นอย่างไร? ข้าพูดถูกใช่ไหมเล่า? คนพวกนี้จะต้องมีเนื้อแน่ๆ เจ้าดมดูสิ ยังมีกลิ่นหอมของสุราด้วย! ถือโอกาสเอากลับไปให้ตาเฒ่าหน่อยดีกว่า”
“อืม” จัวจวินเยวี่ยพยักหน้า มองสองคนที่กำลังยืนเฝ้ายามอยู่ข้างหน้า พลางเอ่ยกับเฟิ่งจิ่วว่า “หนึ่งต่อหนึ่ง”
“ได้”
ทั้งสองพุ่งโฉบเข้าไป มายืนอยู่ข้างหลังคนเฝ้ายามทั้งสองโดยที่พวกเขายังไม่ทันรู้ตัว เงื้อมีดในมือฟันลงไป ของบนตัวทั้งสองร่วงตกลงในมือ ขณะเดียวกันสองคนที่ถูกตีจนหมดสติก็ล้มลงไปกับพื้น
ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะยิ้มโดยไม่ได้นัดหมาย สูดดมกลิ่นหอมของเนื้อและสุรา พลางสาวเท้าเดินไปข้างใน ได้ยินเสียงหนึ่งดังออกมาพอดี “พลิกเนื้อย่างตรงนั้นหน่อย อย่าปล่อยให้ไหม้เล่า”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วกลืนน้ำลาย เฮ้อ อย่างไรเธอก็เป็นปุถุชนคนธรรมดาอยู่วันยังค่ำ เธอไม่ชอบกินยาเลี่ยงอาหาร แต่ชอบกินอาหารและเนื้อสัตว์
ย่องฝีเท้าเร็วและเบามาจนถึงบริเวณถ้ำ เธอยิ้มและชะโงกหน้าเข้าไป แต่กลับทำให้คนข้างในตกใจจนกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง
“เฮ้ย! เป็นเจ้าหนุ่มเสื้อเขียวนั่น!”
“ซี๊ด! สะ สองคนนี้กลับมาอีกทำไมกัน?”
กลุ่มคนที่กำลังนั่งล้อมรอบกองไฟกินเนื้อย่างกันตกใจเพราะสองคนที่จู่ๆ ก็บุกเข้ามา แต่ละคนลุกพรวดพราดตั้งท่าระวังตัว รีบถอยกรูดเข้าไปในถ้ำ ยืนเบียดเสียดกันแน่น
“ฮี่ๆ พวกเจ้าไม่ต้องกลัว พวกข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย” เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยี ก่อนจะเดินมาดมกลิ่นตรงหน้าเนื้อย่าง “อืม เนื้อย่างนี้กลิ่นหอมนัก!”
เห็นอย่างนั้น กอปรกับได้ยินเด็กหนุ่มชุดเขียวว่าอย่างนั้น ชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้าสงบสติอารมณ์ เอ่ยว่า “หาท่านชอบเนื้อย่างนี้ ข้ายกให้พวกท่าน” เขาหวังเพียงว่าพวกเขาได้เนื้อย่างแล้วจะรีบจากไปเสีย
“อย่างนั้นหรือ! ทำอย่างนั้นก็เกรงใจแย่น่ะสิ” เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยี ทว่าดวงตากลับจ้องวนเวียนอยู่ที่ไหสุราที่วางอยู่ด้านหนึ่ง หน้าตาไม่ได้แสดงออกถึงความเกรงใจแม้แต่น้อย
………………………………….