เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2091 หมดสติไปแล้ว / ตอนที่ 2092 ฟื้นขึ้นมา
ตอนที่ 2091 หมดสติไปแล้ว
นึกถึงวิธีการตาต่อตาฟันต่อฟันที่นางใช้แล้วก็อดส่ายหน้ายิ้มไม่ได้ วิธีการเช่นนี้เดาว่ามีแต่นางเท่านั้นที่ทำได้ ไม่รู้ว่าตอนที่ท่านปู่ของเขารับนางเป็นศิษย์ จะรู้หรือไม่ว่านางมีนิสัยเช่นนี้
เมื่อนึกถึงท่านปู่ของเขา บอกไม่ถูกว่าเขารู้สึกเช่นไร ด้านหนึ่งก็คิดว่าในที่สุดเรื่องที่ท่านย่าให้เขาตามสืบก็มีเบาะแสแล้ว ด้านหนึ่งก็รู้สึกเสียดายที่ทำได้เพียงรับรู้เรื่องท่านปู่ของเขาจากปากของนางเท่านั้น
เขารู้ ในใจของท่านพ่อของเขายึดติดกับเรื่องนี้มาตลอด หากท่านพ่อรู้เรื่องนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร?
ขณะเดียวกัน ณ หอยาสวรรค์ในเมืองร้อยนที ตรงมุมห้องของชั้นหนึ่ง
“เหลิ่งหวา เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าพักนี้เสี่ยวเอ้อร์ผิดปกติไป?” ตู้ฝานเดินมาหาเหลิ่งหวาและถาม พลางพยักเพยิดให้หันไปมองเงาร่างที่กำลังง่วนอยู่กับงาน
“ผิดปกติตรงไหน?” เหลิ่งหวาอ่านบัญชีในมือ ถามโดยไม่เงยหน้า
“ผิดปกติทุกตรงนั่นแหละ!”
ตู้ฝานแย่งบัญชีในมือเขาไปหนีบไว้ใต้วงแขน พลางอธิบายว่า “ช่วงก่อนนางชอบมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้เจ้า เอาแต่เรียกหาพี่ชายเหลิ่งหวาๆ ตลอด ตอนนี้กลับทำเหมือนเจ้าไร้ตัวตน เจ้าไม่รู้สึกแปลกบ้างหรือ? หนำซ้ำ เจ้าสังเกตหรือไม่? ทำไมข้ารู้สึกว่าช่วงนี้นางผอมลงไปมาก? อีกทั้งพักนี้หน้าตาก็ดูซีดเซียว คงไม่ใช่เพราะครั้งก่อนข้าพูดเกินไป ทำให้นางเสียใจจนป่วยแล้วกระมัง?”
พูดมาถึงตรงนี้ ตู้ฝานก็เริ่มเป็นกังวลอย่างอดไม่ได้ แม่นางเสี่ยวเอ้อร์นับว่าเป็นคนน่าคบหาคนหนึ่ง ไม่เคยคิดร้ายต่อใคร และตรงไปตรงมา โดยเฉพาะนางเป็นบุตรีตระกูลผู้ดีแต่กลับไม่เคยวางมาด ซื่อตรงต่อคนอื่น ตอนนี้แม้จะเห็นว่านางยิ้มและหัวเราะอยู่ทุกวัน แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูหดหู่อย่างไรชอบกล
ได้ยินอย่างนั้น เหลิ่งหวาหันไปมองเด็กสาวที่กำลังยุ่งกับงานตรงหน้า เห็นว่าพักนี้นางผอมลงไปไม่น้อยจริงๆ ดวงหน้าที่เคยอ้วนกลม ยามนี้ผอมจนเห็นคางเรียวยาว สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย ดูนางก็ไม่ได้ร่าเริงเช่นแต่ก่อนแล้วจริงๆ
“ไว้ข้าหาเวลาไปคุยกับนางเอง” เหลิ่งหวาเอ่ย
“อืม อย่างนั้นตอนนางจะกลับเรียกนางไปที่ลานด้านหลัง ข้าก็จะไปด้วย ข้าคิดว่าคำพูดของข้าครั้งก่อนคงแรงเกินไป” ตู้ฝานทอดถอนใจอย่างรู้สึกผิด เด็กสาวดีๆ นางหนึ่ง หากคิดไม่ตกเพราะคำพูดของเขาจริงๆ เช่นนั้นหากนายท่านกลับมาแล้วไม่ถลกหนังเขาก็แปลกแล้ว
ทว่า ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ทางนี้ พลันได้ยินเสียงร้องตกใจทางมาจากด้านหน้า
“เสี่ยวเอ้อร์ เสี่ยวเอ้อร์? เจ้าเป็นอะไรไป?”
ทั้งสองหันไปมองด้านหน้า เห็นเสี่ยวเอ้อร์ที่ยุ่งอยู่กับงานของนางจู่ๆ ก็หมดสติล้มลงไป โชคดีที่หญิงขายยาที่อยู่ข้างๆ ประคองไว้จึงไม่ล้มลงไป ทั้งสองเห็นก็รีบเดินเข้าไป
“ดูเอาๆ! ข้าว่าแล้วว่านางต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ เพิ่งพูดหยกๆ ก็เกิดปัญหาขึ้นแล้วจริงๆ” ตู้ฝานเอ่ย หันไปกำชับหญิงขายยาด้วยความร้อนใจ “ไป ไปเรียกฟั่นหลินไปที่หลังเรือนหน่อย”
เวลานี้ เหลิ่งหวาก้าวเข้าไปอุ้มคนไปที่หลังเรือนแล้ว ตู้ฝานเดินตามอยู่ข้างๆ ฟั่นหลินที่อยู่บนชั้นสองเองก็ตามไปหลังจากที่หญิงขายยาไปรายงาน
เพิ่งจะเข้าไปที่ลานสวนด้านหลังก็ถูกตู้ฝานลากเข้าไปข้างใน “เร็วเข้าๆ เจ้ารีบไปดูว่าเสี่ยวเอ้อร์เป็นอย่างไรบ้าง จู่ๆ นางก็หมดสติล้มลงไป หน้าซีดจนน่ากลัว ก่อนออกเดินทางนายท่านยังกำชับให้ดูแลนางดีๆ ด้วย หากกลับมาแล้วเห็นนางในสภาพนี้ ไม่เอาผิดพวกเราก็แปลกแล้ว”
ฟั่นหลินมองเขาแวบหนึ่ง ถามด้วยความแปลกใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
………………………………….
ตอนที่ 2092 ฟื้นขึ้นมา
“ดูคนก่อน ดูแล้วค่อยว่ากัน” ตู้ฝานลากเขาเข้าไป พอมาถึงข้างเตียง ก็ชี้ไปที่เสี่ยวเอ้อร์ซึ่งกำลังนอนหมดสติอยู่บนเตียง พลางเร่งเร้า “เร็วๆ ดูอาการนางหน่อย”
ฟั่นหลินนั่งเก้าอี้ข้างเตียง ก่อนจะยื่นมือไปตรวจชีพจรนาง ผ่านไปครู่หนึ่งก็ดึงมือกลับและเอ่ยกับทั้งสองว่า “เกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่? คุณหนูตระกูลผู้ดีนางหนึ่ง เหตุใดร่างกายขาดสารอาหารจนมีสภาพเช่นนี้ได้?”
“อะ อะไรนะ?” ตู้ฝานชะงัก
เหลิ่งหวาที่อยู่ข้างๆ ถามว่า “นางเป็นอย่างไรบ้าง? เหตุใดจึงหมดสติไป?”
“นางน่าจะไม่ได้กินข้าวให้ดี กอปรกับร่างกายใช้พลังงานเยอะเกินไปและมีเรื่องกลัดกลุ้มในใจ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่รอนางฟื้นแล้วให้นางกินอะไรหน่อย ร่างกายก็จะค่อยๆ ฟื้นตัวเอง”
ฟั่นหลินอธิบาย ลุกขึ้นมองทั้งสอง ก่อนจะถามด้วยสีหน้าแปลกๆ “พวกเจ้าแบ่งงานอะไรให้นางทำกันแน่? เหตุใดจึงทำให้นางเหนื่อยเกินขีดจำกัดร่างกายขนาดนี้? พวกเจ้าคงไม่ได้ฉวยโอกาสตอนนายท่านไม่อยู่ รังแกแม่นางน้อยคนนี้หรอกนะ?”
“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน!” ตู้ฝานรีบปฏิเสธ “ที่จริงเรื่องมันมีอยู่ว่า…” เขาเล่าเรื่องในวันนั้นให้ฟั่นหลินฟังแบบสั้นๆ
ครั้นฟังจบ ฟั่นหลินก็พยักหน้าเหมือนถึงบางอ้อ “ที่แท้ก็อย่างนี้เอง ไม่น่าเล่านางดูมีเรื่องกลัดกลุ้มในใจ” เขายิ้มๆ ก้าวเข้าไปตบไหล่เหลิ่งหวา “สองวันนี้เจ้าดูแลนางให้มากหน่อย ชี้แนะทางสว่างให้นาง ข้าจะสั่งคนไปต้มยามาให้นางดื่มหน่อย”
“ไหนว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรไงเล่า? เหตุใดยังต้องดื่มยา?” ตู้ฝานอดถามไม่ได้
“ให้นางดื่มยาทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าหน่อย ที่เหลือก็อยู่ที่พวกเจ้าจะชี้แนะนางอย่างไรแล้ว” ฟั่นหลินตอบ จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
“เจ้าเฝ้านางอยู่ตรงนี้ก่อน ข้าจะให้คนกลับไปต้มโสมมาให้หน่อย” เหลิ่งหวากำชับ ขณะกำลังจะเดินออกไปก็ถูกดึงมือไว้ก่อน
“ไม่เอานะ! เจ้าอยู่นี่ เรื่องนี้ข้าไปจัดการเอง” ตู้ฝานแย้ง ไม่รอให้เหลิ่งหวาพูดอะไร เขารีบเดินออกไปก่อน ทว่า พอไปถึงข้างนอกก็หยุดเดินกะทันหัน ก่อนหันกลับมาถามว่า “ใช่สิ เสี่ยวเอ้อร์หมดสติ เรื่องนี้ควรให้คนกลับไปรายงานที่บ้านหน่อยหรือไม่?”
ได้ยินอย่างนั้น เหลิ่งหวาหันไปมองเสี่ยวเอ้อร์ที่ยังไม่ฟื้น ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “อย่าเพิ่งเลย รอนางฟื้นแล้วค่อยว่ากัน พ่อนางจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมากนัก”
“ก็ดีเหมือนกัน อย่างนั้นข้าไปล่ะ” เขาเอ่ย ก่อนจะสาวเดินจากไป
เหลิ่งหวานั่งเฝ้าอยู่ในห้อง เห็นคนบนเตียงยังไม่ฟื้น จึงนั่งมองเงียบๆ อยู่ข้างๆ เสียงประตูเปิดดังเอี๊ยด เหลิ่งซวงในชุดกระชับตัวสีดำเดินเข้ามา
“ท่านพี่” เห็นผู้มา เหลิ่งหวาลุกขึ้นขานเรียก
“นางเป็นอย่างไรบ้าง?” เหลิ่งซวงมองเสี่ยวเอ้อร์ที่อยู่บนเตียง ก่อนจะถาม
“เห็นว่าไม่ได้กินข้าวให้ดี หิวจนหมดสติไป แล้วก็มีเรื่องกลัดกลุ้มในใจ” เหลิ่งหวาตอบ
ได้ยินอย่างนั้น เหลิ่งซวงมองเหลิ่งหวา ก่อนเอ่ยว่า “รอนางฟื้นขึ้นมาเมื่อใดเจ้าอยู่คุยกับนางหน่อย บอกให้นางพักสักสองสามวันให้หายดีเสียก่อน”
“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว” เหลิ่งหวาเอ่ย เห็นพี่สาวของเขาจะกลับแล้ว จึงลุกขึ้นเดินไปส่งนาง
เดินกลับเข้ามานั่งในห้องครู่หนึ่ง ไม่นานเสี่ยวเอ้อร์ที่อยู่บนเตียงก็ฟื้น ครั้นเห็นนางฟื้น เหลิ่งหวายิ้มอย่างอ่อนโยน “ตื่นแล้วหรือ?” เห็นนางจะลุกขึ้น จึงเอ่ยว่า “นอนต่อเถิด ข้าจะอยู่คุยกับเจ้าสักเดี๋ยวก็แล้วกัน!”
“พี่ชายเหลิ่งหวา ข้าเป็นอะไรไปหรือ?” เสี่ยวเอ้อร์ดึงผ้าห่มขึ้นคลุม ท่าทางเหมือนกังวลและตระหนก
เหลิ่งหวายิ้มอย่างอ่อนโยน “พักนี้เจ้าไม่ได้กินข้าวให้ดีใช่หรือไม่?”
“ข้า ข้ากินนะ” เธอหลุบตา ตอบเสียงเบา
………………………………….