เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2131 โรงเตี๊ยม / ตอนที่ 2132 เกิดเรื่อง
ตอนที่ 2131 โรงเตี๊ยม
“คุณชาย หากไม่พอก็เรียกข้าได้เลยนะขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์เอ่ยก่อนจะถอยออกไป
เธอรินสุราอุ่นๆ ถ้วยหนึ่ง ยกขึ้นจิบ ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบถั่วดินกิน พลางสังเกตคนในชั้นหนึ่ง พอมองพิจารณาดีๆ เธอกลับพบปัญหาบางอย่าง
คนพวกนี้นอกจากผู้ฝึกตนบางส่วน ที่เหลือส่วนมากล้วนมีโรคติดตัว โดยเฉพาะหญิงอายุน้อยนางหนึ่งที่อยู่ตรงมุมห้อง นางแต่งกายเรียบง่าย นั่งอุ้มเด็กน้อยอายุสามปีที่กำลังหลับสนิทอยู่ตรงมุมร้าน ดูท่าทางแล้วเจ้าของโรงเตี๊ยมคงใจดีให้พวกนางสองแม่ลูกเข้ามาค้างคืนข้างในนี้หนึ่งคืน
เด็กน้อยในอ้อมแขนหญิงนางนั้นหน้าซีดขาว ใบหน้าเล็กๆ บวมเป่ง ใช้เสื้อผ้าพันรอบตัวหลายชั้น แต่ก็ยังมีอาการกระตุกสั่นให้เห็นเป็นบางครั้ง เห็นอย่างนั้น เธอจึงเรียกเสี่ยวเอ้อร์มา
“คุณชาย มีอะไรให้รับใช้หรือขอรับ?” เสี่ยวเอ้อร์เดินมาหาเธอ ก่อนถาม
“สองแม่ลูกนั่นเป็นใคร?” เธอหันไปมองหญิงสาวและเด็กน้อยในอ้อมแขนของนางตรงมุมร้าน
เสี่ยวเอ้อร์มองตามสายตาของเฟิ่งจิ่ว ก่อนจะถึงบางอ้อ รีบตอบว่า “นางผ่านทางมาขอรับ หญิงนางนี้น่าสงสารมาก นางบอกว่าลูกนางป่วยหนัก จึงหมดเงินไปกับการรักษาไม่น้อย แต่ก็ยังรักษาไม่หาย หนำซ้ำหมอยังบอกว่าลูกนางอยู่ได้ไม่เกินสองสามวันแล้ว ฟังจากที่หญิงนางนั้นเล่า พ่อของเด็กหย่ากับนาง กลับบ้านมารดาก็กลับไม่ได้ เข้าบ้านแม่สามีก็เข้าไม่ได้ นางได้ยินมาว่าหอยาสวรรค์มีท่านหนึ่งชื่อภูตหมอ วิชาแพทย์ยอดเยี่ยมนัก จึงอยากไปขอรับการรักษา”
พูดมาถึงตรงนี้ เสี่ยวเอ้อร์ยิ้มๆ “เถ้าแก่ของเราเป็นคนดี เห็นข้างนอกอากาศหนาว ซ้ำหญิงนางนั้นยังอุ้มเด็กอายุสามขวบไว้อีก จึงให้นางเข้ามาพักคืนหนึ่ง อย่างไรอยู่ข้างในนี้แม้นั่งอยู่ที่มุมร้านก็ยังดีกว่าอยู่ข้างนอก”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วพยักหน้า เอ่ยกับเสี่ยวเอ้อร์ว่า “เจ้าไปเชิญนางมานี่เถิด!”
“หา?” เสี่ยวเอ้อร์ตะลึง ถึงขั้นตั้งตัวไม่ทัน
เฟิ่งจิ่วเอ่ยออกไปก็ตระหนักได้ว่าไม่ค่อยเหมาะ จึงยิ้มเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าพวกนางน่าสงสาร นี่ก็เป็นเวลากลางดึก อุณหภูมิลดลง นั่งอยู่ตรงนั้นก็คงหนาว จึงอยากเชิญนางมาดื่มสุราอุ่นสักหน่อย อีกอย่าง ข้าพอรู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง ช่วยดูอาการลูกนางได้”
ได้ยินอย่างนั้น เสี่ยวเอ้อร์เผยยิ้ม “คุณชาย ท่านช่างเป็นคนดี ข้าจะไปเชิญนางมาเดี๋ยวนี้” เสี่ยวเอ้อร์เอ่ย ก่อนจะเดินไปที่มุมร้าน
หญิงอายุน้อยที่อุ้มลูกไว้ในอ้อมแขนพอได้ยินเสี่ยวเอ้อร์เอ่ย ก็หันมามองเด็กหนุ่มชุดเขียวที่นั่งอยู่ข้างในด้วยความตกใจระคนสงสัย เห็นอีกฝ่ายแม้ว่าเป็นชาย แต่อย่างไรก็ยังเด็ก จึงลุกขึ้นเดินตามเสี่ยวเอ้อร์มาทางนี้
“คุณชาย” หญิงอายุน้อยอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขน กลีบปากซีดเซียวแห้งแตก
“นั่งเถิด!” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า รินสุราอุ่นถ้วยหนึ่งแล้วเลื่อนไปตรงหน้านาง “ดื่มสุราอบอุ่นร่างกายสักหน่อย”
“ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ” หญิงอายุน้อยเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะนั่งลงอย่างระมัดระวัง มือหนึ่งอุ้มลูก มือหนึ่งยกสุราขึ้นดื่ม เพราะรีบดื่มเกินไป จึงสำลัก
“แค่กๆ!”
หญิงสาวรีบวางถ้วยสุราในมือ ยกมือปิดปากไอ สุราไหลลงท้อง สัมผัสอุ่นร้อนกระจายไปทั่ว ร่างกายที่เดิมทีเย็นเฉียบ เวลานี้อุ่นขึ้นมาบ้างแล้ว ทำให้นางอดรู้สึกซาบซึ้งต่อคุณชายอายุน้อยตรงหน้าไม่ได้
“ข้าน้อยขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ” นางคารวะขอบคุณอีกครั้ง
“เอามือของลูกเจ้าออกมา ข้าจะตรวจชีพจรให้เขา” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า มองเด็กน้อยในอ้อมแขนหญิงสาว
หญิงสาวได้ยินก็ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะดึงเสื้อผ้าชั้นนอกของลูกนางลง…
………………………………….
ตอนที่ 2132 เกิดเรื่อง
เฟิ่งจิ่ววางนิ้วมือลงบนชีพจรของเด็กน้อย หลังจากตรวจคร่าวๆ ก็เอ่ยว่า “เป็นโรคลมชัก ไม่ใช่เรื่องใหญ่” จากนั้นดึงมือกลับมาแล้วหยิบเข็มเงินออกมา “วิชาแพทย์ของข้าไม่เลว เจ้าจะให้ข้าลองหน่อยหรือไม่?”
หญิงสาวได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจ มือที่อุ้มลูกกระชับแน่นทันที ให้เขาลอง? ให้เด็กหนุ่มตรงหน้าลองงั้นหรือ? เขารู้วิชาแพทย์จริงหรือ? หากลองแล้วเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไรเล่า?
แม้จะคิดเช่นนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าเด็กหนุ่มเป็นคนจิตใจดีขนาดนี้ บางทีนางน่าจะเชื่อเขาสักครั้ง
ด้วยเหตุนี้ นางจึงถามว่า “คุณชายจะลองอย่างไรหรือ? มีอันตรายหรือไม่? เข็มพวกนั้น…จะฝังที่ใด? ต้องใช้เข็มเงินพวกนี้ด้วยหรือ? เด็กยังอายุน้อยขนาดนี้ ข้ากลัวว่า…”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วหยักยิ้มมุมปาก “ข้าไม่ได้ช่วยรักษาให้ใครง่ายๆ หรอกนะ เพียงแต่เห็นเจ้านั่งอุ้มลูกอยู่ตรงนั้นพอดี ลูกของเจ้าก็ยังเด็กขนาดนี้ จึงอยากจะช่วยเจ้าสักครั้ง ตามใจเจ้า หากเจ้าไม่ยินยอมข้าก็จะไม่บังคับ”
“ไม่เจ้าค่ะๆ คุณชายเป็นคนจิตใจดี ข้าน้อยซาบซึ้งน้ำใจ เพียงแต่ ไม่ทราบว่าคุณชายช่วยอธิบายโรคของลูกชายข้าอย่างละเอียดได้หรือไม่เจ้าคะ?” นางถาม คิดในใจว่าหากเด็กหนุ่มอธิบายได้ นั่นก็แสดงว่าเขารู้วิชาแพทย์จริงๆ เพราะโรคลมชักที่เขาว่ามาไม่เหมือนกับหมอพวกนั้นที่นางเคยไปหามา ไม่แปลกที่นางจะกังวล
วาจารอบคอบของหญิงสาวทำให้เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ มองนางแวบหนึ่ง ก่อนอธิบายว่า “โรคลมชักหรือที่เรียกว่าโรคชักกระตุก คนที่ป่วยเป็นโรคนี้มักมีร่างกายเย็นเฉียบ บางครั้งก็มีอาการกระตุกเบาๆ กลางคืนยามนอนหลับ ผู้ป่วยมักสะดุ้งตื่น หัวใจเต้นเร็วนอนไม่หลับ หากรักษาไม่ทันเวลา อย่างเบา…” เธอยังพูดไม่จบ ก็ถูกตัดบท
“เป็นเด็กเป็นเล็กก็ทำทีเป็นหมอกับเขาแล้วหรือ? เจ้าสำเร็จการศึกษาแล้วหรือ? มีตราหมอแล้วหรือไม่?” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเหล่มองเฟิ่งจิ่ว แค่นเสียงเอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าทุกคนเป็นหมอกันได้หมดงั้นหรือ? หรือคิดจะใช้เด็กเป็นตัวทดลอง? ช่างจิตใจโหดเหี้ยมนัก!”
เฟิ่งจิ่วยักคิ้ว หันไปมองคนผู้นั้น หยักยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ส่วนหญิงสาวครั้นได้ยินอย่างนั้น กอปรกับเห็นชายวัยกลางคนผู้นั้นติดตราหมอไว้ตรงหน้า ก็อุ้มลูกถอยหลังไปสองสามก้าวพลางมองเฟิ่งจิ่วอย่างหวาดระแวง
เห็นได้ชัดว่านางเชื่อคำพูดของชายวัยกลางคน เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็มีตราหมอ แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าดูอายุน้อยขนาดนี้ แม้แต่หมอหลายคนยังบอกว่าเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ เด็กหนุ่มคนนี้จะมีความสามารถรักษาหายได้จริงๆ หรือ? หรือคิดจะใช้ลูกนางเป็นตัวทดลองเพื่อฝึกฝนจริงๆ?
นึกมาถึงตรงนี้ นางอุ้มเด็กถอยหลังไปด้วยความหวาดระแวง พลางเอ่ยว่า “ข้าน้อยขอบคุณคุณชาย ลูกคือชีวิตของข้า อภัยที่ข้าน้อยไม่กล้าลองส่งเดช” พูดจบ นางก็อุ้มเด็กถอยกลับไปที่มุมเดิมอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วส่ายหน้ายิ้มๆ เธอช่างยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ ช่างเถิด ตอนแรกเห็นว่าเด็กคนนั้นอายุยังน้อยจึงเกิดความสงสาร อยากช่วยนางรักษาลูกนางสักหน่อย นึกไม่ถึงคนอื่นเขากลับไม่ยอมรับน้ำใจ!
“แม่นางน้อย ข้าเห็นว่าเจ้าก็เป็นสาวงามนางหนี่ง ตอนนี้เป็นเวลากลางดึกพอดี ข้างนอกลมหนาวพัดโชยน่าเบื่อ หากเจ้าทำให้พวกเราพี่น้องมีค่ำคืนอันรื่นรมย์ได้ บางทีข้าอาจช่วยรักษาลูกในอ้อมแขนของเจ้าให้ เจ้าคิดว่าอย่างไร?” ชายสูงผอมที่นั่งอยู่ข้างหมอคนนั้นกล่าว ดวงตาจับจ้องไปที่ดวงหน้าที่นับว่าสะสวยของหญิงอายุน้อยนางนั้น
หญิงอายุน้อยตกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น หน้าซีดเผือดไปทั้งดวง…
………………………………….