เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2163 เจ้าเป็นใครกันแน่ / ตอนที่ 2164 แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 2163 เจ้าเป็นใครกันแน่ / ตอนที่ 2164 แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ
ตอนที่ 2163 เจ้าเป็นใครกันแน่
เจ้าเขาโอสถสูดดมกลิ่นหอมของยา ก่อนจะตะลึงค้างไป เขาเป็นเจ้าเขาแห่งยอดเขาโอสถ และยิ่งเป็นผู้นำของสี่นักเล่นแร่แปรธาตุจากสี่สำนักเซียนใหญ่ เพียงได้กลิ่นหอมของยานี้ก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่เขาไม่เคยคาดคิดเลย ไม่เคยคาดคิดเลยว่า…
“เปรี้ยง!”
เสียงสายฟ้าเส้นหนึ่งฟาดฟันลงมา ก้องกังวานจนดึงเขากลับมาจากห้วงตกตะลึง เขาจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างเหม่อลอย ชั่วขณะหนึ่งนั้นไม่รู้ว่าควรตอบสนองเช่นไร
“เปรี้ยง!”
สายฟ้าเส้นที่สองฟาดฟันลงมา ตามมาด้วยสายฟ้าเส้นที่สามที่ผ่าตามลงมาติดๆ กลิ่นหอมของยาถูกดึงกลับจนหมด มีเพียงกลิ่นอายสายฟ้าที่กระจายอยู่ในอากาศ และเหล่าศิษย์ในสำนักที่กำลังนั่งขัดสมาธิฝึกวรยุทธ์พลันลืมตาขึ้นมาในเวลานี้ พวกเขาจ้องมองเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าด้วยสายตาประหลาดใจ รวมถึง…ยาเตานั้นของเขา!
ไป๋ชิงเฉิงอึ้งงัน เห็นสายฟ้าสามเส้นผ่าลงมา จิตใจของนางเริ่มสับสนลนลาน หากไม่ใช่เพราะฝืนยืนหยัดต่อไป เวลานี้ ขาทั้งสองข้างของนางคงอ่อนแรงจนไม่อาจประคองร่างให้ยืนอยู่ได้แล้ว
เจ้าสำนักยืนขึ้น สาวเดินไปข้างหน้า ฝีเท้าของเขาแฝงไว้ด้วยอารามร้อนใจ สายตาเต็มไปด้วยความสอดส่องอย่างปิดไม่มิด เขาเดินหยุดข้างกายเด็กหนุ่มชุดเขียว ถามว่า “ยากลั่นเสร็จแล้วหรือ?”
“อืม เสร็จแล้ว” เธอพยักหน้า ก้าวเข้าไปโบกมือ ฝาเตาถูกเปิด จากนั้นก็หยินยาสามเม็ดที่อยู่ข้างในออกมา ทว่าหนึ่งในนั้นดูต่างจากอีกสองเม็ดที่เหลือ สีของมันไม่เหมือนกัน อีกสองเม็ดที่เหลือกลับเป็นยาทลายใจสีม่วงระดับหกคุณภาพสูง
เฟิ่งจิ่ววางยาสามเม็ดไว้ในจานหยกบนโต๊ะด้านหนึ่ง กลิ่นอายพลังวิญญาณอันเข้มข้นที่กระจายออกมาจากยาสามเม็ดนั้นทำให้เจ้าสำนักและเจ้าเขาทุกคนจ้องมองด้วยความตกตะลึง
“นะ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นยาระดับหกคุณภาพสูง! หนำซ้ำในสามเม็ด เขายังกลั่นสำเร็จได้ถึงสองเม็ด!”
เจ้าเขาท่านหนึ่งอุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อ เขาเบิกตากว้างจ้องมองเด็กหนุ่มชุดเขียวที่อยู่ด้านหนึ่ง แววตาตื่นตะลึง “จะ เจ้าทำได้อย่างไรกันแน่? เจ้าอายุยังน้อยเช่นนี้ เหตุใดจึงกลั่นยาเช่นนี้ได้แล้ว?”
“ยะ ยาทลายใจสีม่วงระดับหกคุณภาพสูง!”
เจ้าเขาโอสถที่เดินเบียดเข้ามาจ้องมองยาสามเม็ดที่วางอยู่บนจานหยก พึมพำเสียงเบาราวกับสติหลุดลอยไปแล้ว เขาจ้องมองยาบนจานหยกอย่างไม่ละสายตา ราวกับคิดว่าตนเองตาฝาดไปแล้ว
“เป็นไปได้อย่างไร…นี่มันเป็นไปได้อย่างไร…”
ไป๋ชิงเฉิงที่ไม่รู้มายืนอยู่ข้างโต๊ะตั้งแต่เมื่อใด ครั้นเห็นยาสองเม็ดที่เต็มไปด้วยลายอักขระยาระดับหก นางหน้าซีดเผือด จิตใจลนลาน สองขาอ่อนแรงล้มนั่งลงไปบนพื้น
เฟิ่งจิ่วเห็นสีหน้าของทุกคน ก่อนหันไปเอ่ยกับเจ้าเขาโอสถ “ท่านเจ้าเขาเยี่ย ยาของท่านเล่า? เอาออกมาเทียบดูก็รู้แล้วว่าใครแพ้ใครชนะ”
ได้ยินอย่างนั้น เจ้าเขาโอสถสะท้านไปทั้งใจ จ้องเด็กหนุ่มชุดเขียวตรงหน้าเขม็ง “เจ้าเป็นใครกันแน่!” คนที่มีพรสวรรค์ในการกลั่นยาเช่นนี้ ไม่มีทางเป็นคนธรรมดาไร้ชื่อเสียงอย่างแน่นอน! เด็กหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่!
ครั้นเขาเอ่ยวาจานี้ออกไป ไม่เพียงพวกเจ้าสำนัก แม้แต่ไป๋ชิงเฉิงที่ล้มนั่งอยู่บนพื้นก็กำหมัดแน่น กัดฟันถามว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่! เป็นใครกันแน่!”
นั่นสิ! เด็กหนุ่มชุดเขียวคนนี้เป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงสามารถกลั่นยาเช่นนี้ออกมาได้? เห็นชัดว่าการประลองกลั่นยาในครั้งนี้เด็กหนุ่มชุดเขียวเป็นฝ่ายชนะแล้ว
เพียงแต่ว่าคนคนนี้เป็นใครกันแน่? นาทีนี้ ทุกคนต่างก็อยากรู้ว่าเด็กหนุ่มที่เอาชนะเจ้าเขาโอสถ ด้วยการกลั่นยาทลายใจสีม่วงระดับหกคุณภาพสูงผู้นี้เป็นใครกันแน่!
………………………………….
ตอนที่ 2164 แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ
สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เธอ เฟิ่งจิ่วหยักยิ้มมุมปากน้อยๆ ประสานมือคารวะ ยิ้มและเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงแววเกียจคร้านเล็กน้อย “ทุกท่าน ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการสักหน่อย ข้าน้อยเฟิ่งจิ่ว”
“เฟิ่งจิ่ว?”
ครั้นได้ยินชื่อนั้น ทุกคนรู้สึกคุ้นหู ราวกับเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนมาก่อน เพียงแต่ กลับนึกไม่ออกในทันที
“ทำไมเหมือนข้าเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนมาก่อน?” เจ้าเขาท่านหนึ่งเอ่ยขึ้น หน้าตาครุ่นคิด แต่กลับนึกไม่ออก
“ข้าเองก็เหมือนจะเคยได้ยินมาก่อน เพียงแต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินใครพูดถึงตอนไหน” เจ้าเขาอีกท่านก็เอ่ยขึ้น หน้านิ่วคิ้วขมวด
เจ้าสำนักเองก็รู้สึกคุ้นหูเช่นกัน เพียงแต่แม้แต่เขาก็นึกไม่ออกเช่นกัน
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วก็ยิ้มถามว่า “ท่านเจ้าสำนัก ท่านเจ้าเขาทั้งหลาย การประลองครั้งนี้ข้าเป็นฝ่ายชนะ ใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยิน ทุกคนต่างหยุดครุ่นคิดว่าเฟิ่งจิ่วเป็นใครกันแน่ พวกเขามองหน้ากัน ลอบสังเกตสีหน้าของเจ้าเขาโอสถที่เหมือนจะทำใจรับไม่ได้ รวมถึงไป๋ชิงเฉิงที่ราวกับสติหลุดลอยไปแล้ว
การประลองครั้งนี้ แพ้ชนะเป็นเรื่องของคนเพียงสองคน เจ้าเขาโอสถแพ้ ก็เสียเพียงหญ้าเจ็ดดาราอายุห้าร้อยปีไปต้นเดียว แต่หากไป๋ชิงเฉิงแพ้แล้ว นั่นกลับหมายถึงทั้งชีวิตของนาง…
นึกมาถึงตรงนี้ พอจะเอ่ยปากก็ลำบากใจ หากไป๋ชิงเฉิงคือเฟิ่งซิงจริงๆ แต่กลับพ่ายแพ้ให้กับเฟิ่งจิ่ว จนต้องกลายเป็นข้ารับใช้ของเขาไปชั่วชีวิต ขอถามหน่อย คนอย่างนี้จะใช่เฟิ่งซิงจริงๆ งั้นหรือ?
จากที่พวกเขารู้มา เฟิ่งซิงนั้นไม่ว่าจะเป็นด้านพรสวรรค์หรือโชคชะตาล้วนยอดเยี่ยมทั้งนั้น เฟิ่งซิงนั้นเป็นถึงเจ้าแห่งใต้หล้า มิใช่คนที่ใครจะเทียบได้ง่ายๆ แต่ไป๋ชิงเฉิงนั้น คล้ายว่าจะไม่ได้ขาดไปเพียงเรื่องโชคชะตาเท่านั้น…
“ท่านอาจารย์ ได้โปรดประกาศผลแพ้ชนะเถิด!” ซ่งหมิงเอ่ย หันไปมองอาจารย์ของเขา ซึ่งก็คือเจ้าสำนักตะวันฉาย เขาเชื่อ ด้วยคุณธรรมของท่านอาจารย์ของเขา จะต้องตัดสินเรื่องนี้ด้วยความยุติธรรมอย่างแน่นอน
ได้ยินอย่างนั้น เจ้าสำนักจ้องมองเจ้าเขาโอสถและไป๋ชิงเฉิงด้วยสายตามื่อความหมายลึกซึ้ง ก่อนหันไปกระซิบคุยกับเหล่าเจ้าเขาที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็ลั่นวาจาแฝงกลิ่นอายพลังวิญญาณกระจายไปทั่วบริเวณ “การประลองกลั่นยาในครั้งนี้ เฟิ่งจิ่วเป็นผู้ชนะ”
สุ้มเสียงแฝงกลิ่นอายพลังวิญญาณกระจายไปทั่ว ดังกระทบโสตประสาทของศิษย์ในสำนักทุกคนอย่างชัดเจน ทุกคนเบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ โดยเฉพาะเหล่าลูกศิษย์ของเจ้าเขาโอสถ ยิ่งตะโกนค้านผลการตัดสินเสียงดัง “เป็นไปได้อย่างไร! อาจารย์ของพวกเราจะแพ้เจ้าหนูนั่นได้อย่างไรกัน!”
สายคมปลาบแฝงแรงกดดันของเจ้าสำนักตวัดมองไปรอบๆ ทุกคนพลันสงบเสียงลงในทันใด เขาละสายตากลับมา หันไปมองเจ้าเขาโอสถที่ยืนอึ้ง สายตาจับจ้องยาทลายใจสีม่วงบนจานหยกเขม็ง ถามว่า “เยี่ยเหล่า ท่านแพ้แล้ว ท่านยอมรับหรือไม่?”
เจ้าเขาโอสถดึงสติกลับมาแล้วยิ้มขมขื่น “ขอรับ ข้าแพ้แล้ว ข้าแพ้อย่างราบคาบเลย” ยาทลายใจสีม่วงระดับหกคุณภาพสูงของคนอื่นเขาวางอยู่ตรงหน้าถึงสองเม็ดอย่างนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพหรือสีของยาล้วนชนะเขาอย่างขาดลอย แล้วเขายังมีเหตุผลอะไรให้ไม่ยอมแพ้อีก?
“แหม่ ยอมแพ้ก็ดีแล้ว” เฟิ่งจิ่วหรี่ตา ใบหน้าประดับรอยยิ้ม “แม้พ่ายแพ้แล้วก็ต้องรักษาเกียรติไว้ นี่สิจึงทำให้ผู้คนชื่นชมสรรเสริญอย่างแท้จริง” ขณะเอ่ย เธอตบไหล่เจ้าเขาโอสถ ก่อนจะก้าวเข้าไปเอาขวดออกมาแล้วหยิบยาเก็บใส่ขวด
ส่วนเจ้าเขาโอสถที่ได้ยินเฟิ่งจิ่วพูดอย่างนั้น ชั่วขณะหนึ่งถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
ทั้งที่เขารู้สึกเสียใจและรู้สึกแย่มากแท้ๆ ทั้งที่เขาถูกกระทบกระเทือนจิตใจหนักถึงเพียงนี้ เด็กหนุ่มกลับพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยว่าแม้พ่ายแพ้แล้วก็ต้องรักษาเกียรติ บอกว่าการที่ตนเองยอมรับความพ่ายแพ้อย่างองอาจทำให้เขายกย่องสรรเสริญ วาจานี้ช่างเอ่ยได้สวยหรูนัก
………………………………….