เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2209 แก้พิษ / ตอนที่ 2210 ไม่เจอกันนาน
ตอนที่ 2209 แก้พิษ
ไข่มุกสีเขียวมรกตเม็ดนั้นไหลเวียนอยู่ในเลือดของเธอ ที่ใดที่มันเคลื่อนผ่าน ดวงจิตของเธอสามารถมองเห็นได้ว่ามีประกายแสงสีเขียวสว่างระยิบระยับอยู่ กลิ่นอายอันบริสุทธิ์ฟอกเลือดของเธอให้สะอาด กระทั่งหลังจากไข่มุกเม็ดนั้นเคลื่อนผ่านทุกจุดในกายเธอหนึ่งรอบมาถึงจุดตันเถียน ก็ผสานกลายเป็นหนึ่งเดียวกับเม็ดบัวเขียว
เห็นเพียงเมื่อไข่มุกหลอมรวมกับเม็ดบัวเขียว เม็ดบัวเขียวราวกับดูดซับสารอาหารเข้าไป มันมีขนาดใหญ่ขึ้นหนึ่งรอบ อีกทั้งพลังที่กระจายอยู่รอบเม็ดบัวเขียวก็เข้มข้นขึ้นด้วย
ครั้นสัมผัสได้ว่ากระบวนการเหล่านั้นเงียบหายไปแล้ว เธอรู้สึกประหลาดใจ รีบตรวจชีพจรของตนเอง ครั้นตรวจดูก็อดตะลึงไม่ได้
“พิษในร่างกายไม่มีแล้ว?”
เธอพึมพำกับตนเองอย่างไม่อยากเชื่อ ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร เดิมเธอมีร่างกายที่พิษทุกชนิดไม่อาจกล้ำกลายได้อยู่แล้ว ทว่าพิษชนิดนี้ที่จอมมารพิษสร้างขึ้นมานั้นประหลาดมาก ซ้ำยังผสมเลือดสัตว์อสูรอะไรบางอย่างเข้าไปด้วย แต่ร่างกายเดิมของเธอกลับต้านพิษไม่ไหว แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เหตุใดพิษจึงหายไป?
“เม็ดบัวเขียวแก้พิษให้อย่างนั้นหรือ? เม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดนี่แก้พิษได้ด้วยอย่างนั้นหรือ?” เธอพึมพำ ลอบสงสัยในใจ สายตากวาดมอง ก็เห็นเศษสิ่งของที่แตกกระจายอยู่บนพื้น จึงก้าวเข้าไปเก็บขึ้นมาดู “ทำไมคุ้นตานัก? เหมือน…”
เธอครุ่นคิด ไม่นานก็นึกออก “นี่มันไข่มุกของเจ้าขนเขียวไม่ใช่หรือ?” เอ่ยจบ เธอก็ถึงบางอ้อ ใช่แล้ว ไข่มุกที่เคลื่อนไหวไปตามเส้นเลือดในร่างกายของเธอ กระทั่งถูกเม็ดบัวเขียวกลืนกินเข้าไปเมื่อกี้นี้…
ยามนึกมาถึงตรงนี้ เธอรู้สึกตะลึงอย่างบอกไม่ถูก นี่มันเรื่องอะไรกันนี่ เจ้าขนเขียวเป็นไก่ตัวหนึ่ง แต่กลับออกไข่เป็นไข่มุกเม็ดหนึ่ง และไข่มุกเม็ดเธอเองก็ไม่รู้ว่าเอาไว้ใช้ทำอะไร ทว่าจู่ๆ เวลานี้มันกลับถูกเม็ดบัวเขียวกลืนกิน ราวกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว แล้วยังแก้พิษในร่างกายของเธอให้อีก
“คงไม่ใช่ว่าเจ้าขนเขียวกินอะไรที่ไม่ควรกินเข้าไป จึงได้ออกไข่เป็นไข่มุกเช่นนี้หรอกกระมัง?” เธอได้แต่พึมพำอยู่อย่างนั้น เห็นตนเองเปียกน้ำไปทั้งตัว จึงเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ด้านหนึ่ง รู้สึกว่าร่างกายไม่ได้มีอะไรผิดปกติไปจริงๆ จึงหายตัวออกจากห้วงมิติ
ยามปรากฏกายอยู่ที่หน้าถ้ำภูเขาอีกครั้ง เธอหันมองรอบๆ ไม่ได้เร่งรีบกลับไป แต่ใช้ดวงจิตกวาดสัมผัสบริเวณนี้ จากนั้นก็เดินไปยังทิศทางหนึ่ง
เธอจำได้ว่าได้ยินเสียงคน น่าจะเป็นคนแถวนี้ ยามนี้จอมมารพิษตายแล้ว สำนักปัญจพิษไม่อาจสร้างภัยคุกคามอะไรให้กับหอยาสวรรค์และตลาดมืดอีก จึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนกลับไป
เพียงแต่หากเธอไม่กลับไป พี่ชายของเธอจะต้องร้อนใจแน่นอน
นึกมาถึงตรงนี้ เธออดเผยยิ้มไม่ได้ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าพี่ชายของเธอจะมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เขาองอาจและยืนหยัดได้ด้วยตนเอง
พิษในร่างกายถูกแก้แล้ว ภัยคุกคามก็ถูกกำจัดแล้วเช่นกัน อารมณ์ของเธอผ่อนคลายตามไปด้วย เธอสาวเดินไปข้างหน้าช้าๆ หลังเดินออกมาระยะหนึ่งจึงค่อยพบว่าแถวนี้ถูกวางค่ายกลไว้ด้วย
หลังเดินเลี่ยงค่ายกลนั้นอย่างง่ายดายและเดินออกมาอีกระยะหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงรางๆ ดังมาจากข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ เธอเก็บซ่อนกลิ่นอาย เขย่งปลายเท้ากระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ เงาร่างสีแดงไหวผ่านบนต้นไม้ เข้าใกล้คนพวกนั้นอย่างรวดเร็วและเงียบงัน
กระทั่งมาถึงต้นไม้ต้นที่อยู่ใกล้คนกลุ่มนั้น จึงเห็นคนที่นั่งล้อมวงกันอยู่ข้างล่างสวมชุดของสำนักเมฆาหยกอยู่ และท่ามกลางคนพวกนี้ กลับมีคนหนึ่งที่เธอรู้จักอยู่ด้วย
ต้วนเยี่ย
เธอหยักยกมุมปากเผยยิ้มออกมา เพิ่งแยกจากซ่งหมิงมาไม่นาน นึกไม่ถึงจะได้มาเจอต้วนเยี่ยที่นี่ พรหมลิขิตนี้หนอ ช่างเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจจริงๆ
………………………………….
ตอนที่ 2210 ไม่เจอกันนาน
“อาจารย์อา ข้าอยากกลับไปก่อน”
ต้วนเยี่ยยืนเอ่ยกับชายวัยกลางคนคนหนึ่ง บางทีอาจเพราะเสียงที่ได้ยินก่อนหน้านั้น รวมถึงสังหรณ์ใจที่ไม่ดี ทำให้เขาเป็นห่วง อยากกลับออกจากที่นี่ไปก่อนเพื่อสืบข่าวของเฟิ่งจิ่วดู
“พวกเรายังออกมาได้ไม่นาน เจ้าก็จะกลับแล้วหรือ? มีเหตุผลอะไรหรือไม่?” ชายวัยกลางคนถามอย่างไม่เข้าใจ เขามองหน้าต้วนเยี่ย เอ่ยว่า “ก่อนมาอาจารย์ของเจ้ากำชับเป็นพิเศษ เจ้าต้องตั้งใจฝึกหนัก หากเจ้าจากไปตอนนี้ ข้ากลับไปคงไม่สะดวกให้คำอธิบายกับอาจารย์ของเจ้า”
“ข้าเป็นห่วงสหายคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ได้ยินเสียงกรีดร้องข้างในนั้น ไม่รู้เพราะอะไร ข้ารู้สึกไม่สบายใจ อยากกลับไปสืบข่าวของนางสักหน่อย” ต้วนเยี่ยอธิบายด้วยน้ำเสียงหนักใจ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้น…”
ชายวัยกลางคนยังเอ่ยไม่ทันจบ ก็เห็นคนขว้างอะไรบางอย่างเข้ามาโดนหัวของต้วนเยี่ย เขาอ้าปากค้าง หันไปมองยังทิศทางนั้นโดยอัตโนมัติ ครั้นเห็นหญิงงามในชุดแดงนั่งอยู่บนต้นไม้ เขาอดตะลึงค้างไม่ได้
ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน? เหตุใดไปนั่งอยู่ตรงนั้น?
ที่จริง สิ่งที่เขาตะลึงยิ่งกว่าคือ เขาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ตรงนั้น โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาร้าย ไม่เช่นนั้น เกรงว่า…
ต้วนเยี่ยถูกคนขว้างสิ่งของใส่หัว ก้มหน้ามองก็เห็นว่าเป็นเมล็ดผลไม้ อดหน้าดำคร่ำเครียดไม่ได้ เงยหน้าหันไปมองข้างหลัง ขณะเดียวกันก็ตะโกนถาม
“ผู้ใดกัน!”
อย่าว่าแต่ตอนนี้เขามีพลังและฐานะที่ไม่ธรรมดาในสำนักเลย ก่อนจะเข้าสำนักเมฆาหยก นอกจากเฟิ่งจิ่ว หญิงผู้ไม่เคยอยู่ในกฎเกณฑ์ใดๆ คนนั้นก็ไม่เคยมีใครกล้าเอาสิ่งของปาหัวเขาแม้แต่คนเดียว คนคนนี้กินหัวใจหมีดีเสือขาวเข้าไปแล้วกระมัง ถึงได้กล้าเอาเมล็ดผลไม้ขว้างหัวเขา!
ทว่า ครั้นเงยหน้ามองขึ้นไป ยามสายตากระทบเงาร่างสีแดงบนต้นไม้ เขากลับตกใจอ้าปากค้าง ถอยหลังไปสองก้าวโดยอัตโนมัติ เบิกตากว้างชี้นิ้วไปทางเธออย่างเหลือเชื่อ
“จะ จะ เจ้ามาอยู่นี่ได้อย่างไร!”
สิ้นเสียงของต้วนเยี่ย บรรดาลูกศิษย์ในสำนักที่กำลังนั่งพักพูดคุยกันอยู่ใต้ต้นไม้เงยหน้ามองตาม ครั้นมองเห็นก็อึ้งค้าง ต่างก็ตะลึงในความงามของเงาร่างสีแดงที่นั่งเอนเฉียงอยู่บนต้นไม้
เห็นเพียง หญิงสาวคนนั้นสวมชุดกระโปรงสีแดงสะดุดตา เส้นผมที่ดำขลับดุจน้ำหมึกถูกมัดเป็นช่อเล็กๆ ด้วยผ้าผูกสีแดง ปล่อยสยายไว้ด้านหลัง สายลมกรีดพัดผ่านเบาๆ ปอยผมไล้ผ่านพวงแก้มอันงดงามคู่นั้น เสริมให้ความเฉื่อยชานั้นดูยิ่งมีเสน่ห์ มองดูจนเหล่าลูกศิษย์ชายปากอ้าตาค้าง
ในโลกผู้บำเพ็ญเซียน สิ่งที่ไม่เคยขาดคือคนงาม ทว่า คนงามที่งดงามมีเสน่ห์แต่กลับแฝงไว้ด้วยรัศมีสูงส่งจนไม่อาจดูหมิ่นเช่นหญิงสาวตรงหน้านี้กลับหายากนัก
รัศมีสูงส่งที่ราวกับมีมาแต่กำเนิดของนาง ทำให้พวกเขาเมื่อเห็นแล้วก็อดรู้สึกละอายใจที่เทียบไม่ได้ อยากจะละสายตาจากไป แต่กลับไม่อาจละสายตาไปจากเง่าร่างสีแดงสะดุดตาของนางได้
“เสี่ยวเยี่ยเยี่ย ไม่เจอกันนานสบายดีหรือไม่!”
เฟิ่งจิ่วหรี่ตา หยักยกมุมปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มชวนหลงใหล ชั่วขณะหนึ่ง ดวงหน้าที่เดิมก็งามล่มเมืองอยู่แล้ว ยิ่งเธอยิ้มเช่นนี้ ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ชวนลุ่มหลงเข้าไปอีก ทำให้หัวใจของเหล่าชายหนุ่มที่อยู่ข้างล่างหลุดลอยไม่อยู่กับตัว เผลอจ้องมองอย่างเหม่อลอย
ได้ยินคำขานเรียกหยอกล้อที่ไม่ได้ยินมานาน ต้วนเยี่ยจ้องเธอด้วยใบหน้าแดงผ่าว เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “บอกแล้วอย่างไรว่าอย่าเรียกไปเรื่อย ไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้ เจ้าก็ยังเหลาะแหละไม่ได้เรื่องอยู่เหมือนเดิม ไม่อายคนอื่นบ้างหรืออย่างไร”
เฟิ่งจิ่วยิ้มมองเขา “เจ้ายังหน้าแดงง่ายเหมือนเดิมอยู่สินะ!”
………………………………….