เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2283 ความสุขง่ายมาก / ตอนที่ 2284 ปวดใจ
ตอนที่ 2283 ความสุขง่ายมาก
เฟิ่งจิ่วโบกมือ เอ่ยว่า “ลุกขึ้นเถอะ! อายุปูนนี้แล้วอย่าเอะอะก็คุกเข่า”
เธอสาวเดินไปข้างหน้าช้าๆ มานั่งข้างเตียง ยื่นมือไปจับชีพจรของเด็กหนุ่มบนเตียง ก่อนจะตรวจร่างกายของเขาเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยว่า “นี่เป็นอาการป่วยที่เกิดจากอยู่ใต้ดินเป็นเวลานานจนได้รับผลกระทบจากพลังหยิน ประกอบกับกับขาดสารอาหาร ขอเพียงได้ออกไปเดินข้างนอกบ่อยๆ ตากแดดและเพิ่มสารอาหารให้เขาหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้ว”
วินิจฉัยเสร็จ เธอล้วงน้ำยาสารอาหารขวดหนึ่งออกจากห้วงมิติ หันไปเอ่ยกับหญิงวัยกลางคนข้างๆ “เจ้าป้อนสิ่งนี้ให้เขาดื่ม”
หญิงวัยกลางคนหันไปมองผู้นำตระกูล ไม่รู้ว่าควรรับหรือไม่?
“รับไว้เถอะ! ทำตามที่นายท่านบอก” ผู้นำตระกูลเอ่ย พยักหน้าให้นางรับมา
“ข้าประคองเจ้าหกเอง” ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหนึ่งเสนอตัว ก้าวเข้ามาประคองเด็กหนุ่มบนเตียง เพื่อให้หญิงวัยกลางคนป้อนยาให้เขาดื่ม
เฟิ่งจิ่วกวาดมองเด็กคนอื่นๆ แวบหนึ่ง เอ่ยว่า “เด็กพวกนี้เองก็สุขภาพไม่ค่อยดีนัก ล้วนมีไอเย็นในร่างกาย” เธอเอ่ย ก่อนหยิบข้าวสารวิญญาณถุงหนึ่งออกจากห้วงมิติ ยื่นให้หญิงวัยกลางคนอีกคน “ต้มข้าวสารวิญญาณเป็นข้าวต้ม สุกแล้วให้เรียกข้า ข้าจะใส่ยาขับไอเย็นลงไปเพิ่มหน่อย”
“ได้ ได้” หญิงวัยกลางคนรับไปอย่างดีใจ ของอย่างข้าวสารวิญญาณ พวกเขาไม่เคยได้กินอีกเลยตั้งแต่เข้ามาที่นี่
“มีเนื้อที่ย่างสุกแล้วไม่ใช่หรือ? เอาออกมาให้พวกเขารองท้องก่อน” เฟิ่งจิ่วหันไปมองชายฉกรรจ์กลุ่มนั้น ลอบทอดถอนใจ ระดับวรยุทธ์ขนาดนี้ กลับมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ตกอับขนาดนี้ ช่างแปลกเสียจริง
“มาๆ มาทางนี้ให้หมด เหยื่อที่พวกเราล่าได้ครั้งนี้ล้วนเป็นฝีมือนายท่าน มีมากพอให้พวกเรากินไปได้อีกนาน” ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นตะโกนบอก จากนั้นก็เอาเนื้อที่ย่างเสร็จแล้วออกจากห้วงมิติมาหั่นแจกให้ทุกคน
นานแล้วที่ไม่ได้กลิ่นหอมของเนื้อ เห็นเนื้อย่างสัตว์อสูรตัวใหญ่ถูกวางอยู่ตรงหน้าพวกเขาอย่างนั้น ทั้งเด็กเล็กเด็กใหญ่ต่างก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ แววตาเป็นประกายขึ้นมา ส่วนผู้ใหญ่พวกนั้นต่างก็เผยยิ้มดีใจออกมา
“เนื้อของสัตว์ร้ายนี้มีพลังวิญญาณต่อนข้างเข้มข้น ร่างกายของเด็กๆ ยังอ่อนแออยู่ ไม่เหมาะกินเยอะ” เฟิ่งจิ่วเตือนพวกเขา เห็นพวกเด็กเล็กเด็กใหญ่หันมามองเธอตาปริบๆ จึงอธิบายต่อว่า “แต่ละคนกินชิ้นเล็กๆ ก็พอแล้ว อีกเดี๋ยวกินข้าวต้มแล้วค่อยกินเนื้อย่างอีก”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ” แต่ละคนเมื่อได้ยินอย่างนั้นต่างก็รับคำอย่างดีใจ
ในถ้ำอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเนื้อย่าง แต่ละคนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เห็นพวกเขามีความสุขด้วยเรื่องเล็กๆ เช่นนี้ เฟิ่งจิ่วอธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร
เพราะต้องติดอยู่ที่นี่ ฉะนั้นสิ่งของที่ถือว่าธรรมดาหาได้ง่ายสำหรับคนข้างนอก สำหรับพวกเขากลับกลายเป็นของล้ำค่า สำหรับพวกเขา ความสุขก็คือการได้กินอิ่มหนึ่งมือ ข้าวต้มวิญญาณหนึ่งด้วย หรือเนื้อย่างหนึ่งชิ้น…
หญิงวัยกลางคนสองคนที่ไปต้มข้าวต้มเมื่อครู่กลับมาบอกเฟิ่งจิ่ว “นายท่าน ข้าวต้มได้ที่แล้ว”
เฟิ่งจิ่วเดินตามพวกนางไปที่ถ้ำอีกห้องหนึ่ง เห็นตรงนั้นมีหม้อขนาดใหญ่วางอยู่ ข้าวสารในหม้อถูกต้มจนสุกเหลว กลิ่นหอมฉุยกระจายออกมา
เฟิ่งจิ่วเติมสมุนไพรขับไอเย็นเพิ่มพลังลงไปจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็เติมเกลือเข้าไปอีก สุดท้ายเอ่ยกับพวกนางว่า “ตักให้พวกเขากินกันคละหน่อยเถอะ!”
“เจ้าค่ะ” หญิงวัยกลางคนเผยยิ้ม ก่อนจะหันไปง่วนกับการตักข้าวต้มแจก
เด็กที่อายุน้อยที่สุดกินหมดไปหนึ่งถ้วยอย่างไม่กลัวร้อน จากนั้นถือถ้วยไว้มองเฟิ่งจิ่วอย่างอาลัยอาวรณ์…
………………………………….
ตอนที่ 2284 ปวดใจ
“ขะ ข้ากินอีกถ้วยได้หรือไม่?”
เด็กคนนั้นอายุเพียงเจ็ดแปดขวบ แต่กลับตัวเล็กกว่าเด็กในวัยเดียวกันเพราะขาดสารอาการมาเป็นเวลานาน ดวงหน้าซีดขาวซูบเซียวดูขลาดกลัว แต่กลับไม่อาจปกปิดความปรารถนาในดวงตาได้
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็อดปวดใจไม่ได้ เธอมองเด็กน้อย เผยยิ้มอ่อนโยน “ได้อยู่แล้ว”
ครั้นเอ่ยจบ เธอก็เห็นดวงหน้าขนาดเท่าฝ่ามือของเด็กน้อยแย้มรอยยิ้มเต็มใบหน้า รีบวิ่งไปหาหญิงวัยกลางคน “ท่านป้า นายท่านบอกว่าข้ากินข้าวต้มอีกถ้วยหนึ่งได้”
ภาพนี้ทำให้ผู้ใหญ่ในตระกูลกู่ต่างก็ดวงตาแดงก่ำอย่างทนไม่ไหว แต่ก่อนพวกเขาเคยเป็นตระกูลเร้นลับ แต่นึกไม่ถึง กลับมีวันหนึ่งที่ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
ถูกขังในนี้ ทำได้เพียงใช้ชีวิตราวคนป่า กินอาหารไม่ครบสามมือ ตัวลีบผอมเหมือนฟืน เห็นเด็กรุ่นหลังในตระกูลเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนอย่างนี้ ในใจพวกเขามีหรือจะไม่รู้สึกแย่?
หลังจากที่ทุกคนกินอิ่ม ผู้นำตระกูลเรียกเด็กและผู้ใหญ่ทั้งหมดสามสิบเก้าคนมารวมตัวกัน แม้แต่เด็กหนุ่มที่อาการร่อแร่เมื่อครู่ก็ถูกประคองมาด้วย เพียงแต่หลังจากที่ดื่มน้ำยาสารอาหารเข้าไป ลมปราณของเขาก็กลับมาเป็นปรกติมากแล้ว สีหน้าก็ดีขึ้นไม่น้อย
“ออกไปครั้งนี้พวกข้าเกือบไม่ได้กลับมาแล้ว เป็นนายท่านที่ช่วยพวกเราไว้ ฉะนั้น พวกข้าจึงให้คำสัตย์สาบาน ตระกูลกู่ทั้งตระกูลนับถือเขาเป็นนายท่าน” ชายชราประกาศขณะมองทุกคนที่อยู่ในนี้
ก่อนหน้านี้ทุกคนรู้เรื่องคร่าวๆ พวกเขารู้ว่าเด็กหนุ่มชุดเขียวคนนี้ช่วยพวกผู้นำตระกูลไว้ และล่าสัตว์มาให้พวกเขา อีกทั้งยังมอบข้าวสารวิญญาณให้พวกเขา รักษาอาการป่วยให้เด็กๆ หลายคนด้วย เวลานี้พอได้ยินคำพูดของผู้นำตระกูล พวกเขากลับไม่ลังเล รีบคุกเข่าคารวะทันที
“คารวะนายท่าน”
ทุกคนร้องขึ้นอย่างพร้อมเพรียง เสียงของทั้งหญิงชายเด็กผู้ใหญ่ดังผสมกัน แม้สถานการณ์จะดูอิหลักอิเหลื่ออยู่บ้าง แต่ใบหน้าของแต่ละคนล้วนฉายด้วยความเคารพเลื่อมใส
เฟิ่งจิ่วมองพวกเขา ก่อนเอ่ย “ลุกขึ้นมาเถอะ!”
“ขอบคุณนายท่าน” พวกเขารับคำ ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ติดตามข้า ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าลำบาก และเงื่อนไขอย่างเดียวที่ข้ามีต่อพวกเจ้า ก็คือความซื่อสัตย์” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทว่ากลับดังชัดเจนในโสตประสาทของทุกคน
“ขอภักดีต่อนายท่านจนชีวิตจะหาไม่! ไม่มีวันทรยศ!”
ผู้นำตระกูลให้คำสัตย์ จากนั้นคนอื่นๆ ต่างก็ตะโกนให้คำสัตย์พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ““ขอภักดีต่อนายท่านจนชีวิตจะหาไม่! ไม่มีวันทรยศ!”
“ดีมาก”
เธอพยักหน้า หันไปมองพวกเขาแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “เข้ามาที่นี่แล้วไม่อาจพัฒนาวรยุทธ์ได้ พลังของเด็กๆ ต่างก็อ่อนแอมาก แม้จะไม่สามารถพัฒนาพลังได้ แต่ไม่อาจละเลยทักษะการต่อสู้ได้ ตั้งแต่วันนี้ พวกเจ้าต้องเพิ่มความเข้มในการฝึกทักษะการต่อสู้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ร่างกายก็จะแข็งแรงขึ้น”
“นอกจากนี้ ระหว่างนี้พวกเจ้าก็พักฟื้นร่างกายอยู่ในนี้ให้ดีก่อน ข้ายังต้องออกไปมองหาผู้ฝึกตนที่มีความสามารถอีกบางส่วน” เธอบอกพวกเขา ขณะเดียวกันก็พลิกมือ หยิบขวดยาจำนวนหนึ่งให้พวกเขา
“นี่เป็นยาที่ใช้ทั่วไป พวกเจ้าเก็บไว้เผื่อได้ใช้ ข้าเดาว่าอาจไม่ได้กลับมาในเร็วๆ นี้”
ได้ยินคำกำชับของเฟิ่งจิ่ว กอปรกับเห็นยาที่เขายื่นให้ ทุกคนนิ่งอึ้ง ไม่รู้ว่าควรรับมาดี? หรือไม่ควรรับดี? จะให้ดี ท่านผู้นำตระกูลออกหน้าพูดจะดีกว่า
“นายท่าน ยาเหล่านี้ท่านเก็บไว้ใช้เองเถอะ!”
………………………………….