เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 229 เมืองลิ่วเต้า! + ตอนที่ 23
ตอนที่ 229 เมืองลิ่วเต้า!
“คุณหนูไม่เพียงน่ารัก ซ้ำยังจิตใจงดงามกว้างขวางไม่ถือสาหาความกับม้าข้าตัวนี้ ข้าน้อยขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้”
เธอยิ้มประสานมือคำนับ มองใบหน้าสาวน้อยสวยงามมากเสน่ห์ที่แดงก่ำดั่งผลผิง รอยยิ้มในดวงตายิ่งลึกขึ้น มือหนึ่งจูงเหล่าไป๋ เอ่ยว่า “เช่นนี้ ข้าน้อยต้องขอลาไปก่อน”
“โอ้ ได้ คุณชายเดินทางดีๆ นะเจ้าคะ” สาวน้อยถูกคำพูดไม่กี่ประโยคของเฟิ่งจิ่วและสายตาที่ราวกับมีกระแสไฟออดอ้อนเสียจนเคลิบเคลิ้มหลงใหล แทบจะตอบรับตามคำพูดเฟิ่งจิ่ว
เห็นเด็กหนุ่มชุดแดงทั้งขอโทษขอโพย ชายคนข้างๆ กันยากจะพูดอะไรอีก สุดท้าย น้องสาวเขาไม่ว่าอะไร เขาก็ไม่ต้องพูด หากยังหาเรื่องหนุ่มน้อยนั่น เท่ากับเขาจงใจหาเรื่องอย่างเห็นได้ชัด
จนกระทั่งเฟิ่งจิ่วพลิกตัวขึ้นม้า ขี่เหล่าไป๋ออกประตูหมู่บ้านไปอย่างเชื่องช้า สาวน้อยถึงจะได้สติกลับมา “อ๊ะ! ข้าลืมถามว่าคุณชายท่านนั้นชื่ออะไรเลย!”
เห็นนางมีสีหน้าเศร้าใจ ชายคนนั้นใบหน้าหม่นหมอง สะบัดแขนเสื้อพูดว่า “กลับไปเถอะ!”
สองวันต่อมา
เฟิ่งจิ่วจูงเหล่าไป๋เข้าประตูเมืองลิ่วเต้า เดินเข้าประตูมาก็เห็นภาพทิวทัศน์คึกคักด้านใน ถอนใจอยู่ในใจอย่างอดไม่ได้ ‘สมกับเป็นแคว้นระดับหก โรงเรือนร้านค้าใดๆ ในเมืองนี้ล้วนไม่อาจเปรียบเทียบกับเมืองหลวงของแคว้นแสงสุริยันได้เลย’
“ได้ยินหรือไม่? ช่วงนี้ภูตหมอผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมาเยือนเมืองลิ่วเต้าเรา ว่ากันว่าท่านเจ้าเมืองเป็นคนต้อนรับด้วยตัวเองเลยนะ”
“เป็นไปไม่ได้กระมัง! ข้าได้ยินว่าวันนั้นที่งานประลองการยาเกิดอุบัติเหตุขึ้น ภูตหมอท่านนั้นก็ถูกคนของตำหนักยมราชลักพาตัวไป”
“ได้ยินว่าถูกปล่อยตัวออกมานานแล้ว ไม่เช่นนี้ช่วงนี้แต่ละถิ่นจะมียาพวกนั้นโผล่มาได้อย่างไร? ยาที่อยู่ในงานประมูลมีไม่มาก แต่ทุกขวดล้วนเป็นยาที่ล้ำค่าในหมู่ยา ว่ากันว่าเมืองหลวงอย่างเมืองลิ่วเต้าเราโชคดีได้รับยาของภูตหมอมาขวดหนึ่ง หลังดื่มยาไป โรคที่ท่านเจ้าเมืองไม่มีทางรักษามาตลอดในที่สุดก็หาย! เรื่องนี้แพร่หลายในหมู่วงศ์ตระกูลชนชั้นสูง ข้าได้ยินญาติผู้พี่ที่เป็นข้ารับใช้ในจวนท่านเจ้าเมืองพูดขึ้นมาถึงได้รู้”
“จริงหรือเท็จกัน? เก่งกาจเพียงนั้นเลย?”
“แน่นอนสิ ข้าจะบอกเจ้านะ ยาของภูตหมอว่ากันว่ายอดเยี่ยมกว่ายาอายุวัฒนะของนักเล่นแร่แปรธาตุ หนำซ้ำต่อให้มีเงินก็ซื้อไม่ได้ สองวันนี้เมืองลิ่วเต้าเรามีคนต่างถิ่นมาเยือนกันไม่น้อยเลย เจ้าไม่เห็นรึ? คงปรี่มาหาภูตหมอหลังจากได้รับข่าว”
ได้ยินคำพูดพวกคนบนร้านน้ำชาด้านนั้น เฟิ่งจิ่วก็เลิกคิ้วเบาๆ แววตาสดใสฉายประกาย จูงเหล่าไป๋เดินไปด้านหน้า
หลังเดินมาหนึ่งช่วงถนน ก็หยุดฝีเท้าลงตรงหน้าโรงเตี๊ยมที่ชื่อว่า เหนือเมฆ เสี่ยวเอ้อร์ด้านในรีบร้อนเข้ามารับหน้า
“มีแขกมา!”
เสี่ยวเอ้อร์ตะโกนไปด้านใน พลางรับเชือกจูงม้าที่เฟิ่งจิ่วยื่นให้ บอกว่า “บังเอิญจริงๆ ที่ท่านลูกค้ามา ชั้นสองของโรงเตี๊ยมเรายังมีอีกหนึ่งห้องว่าง แสงสว่างก็ดียิ่งนักขอรับ”
“อืม” เธอโยนทองก้อนชิ้นหนึ่งให้เสี่ยวเอ้อร์ สั่งการว่า “เตรียมปลาเล็กกับกุ้งตัวเล็กห้าจินให้ม้าข้าด้วย ที่เหลือตบรางวัลให้เจ้า”
เสี่ยวเอ้อร์หรี่ตายิ้มทันใด “ขอบคุณท่านลูกค้ามากขอรับ โปรดวางใจได้ ข้าน้อยจะดูแลม้าท่านเป็นอย่างดีแน่นอน”
เสี่ยวเอ้อร์ที่เข้ามารับหน้าด้านหลังนำเธอมายังโต๊ะหน้าร้าน หลังจ่ายเงิน ก็พาเธอขึ้นไปชั้นสอง
หลังสั่งเสี่ยวเอ้อร์ให้เตรียมน้ำร้อน และอาบน้ำแล้ว เธอก็เปลี่ยนชุดสีแดงมาสวมชุดคลุมขาว เส้นผมสีหมึกถูกเกล้าขึ้น เก็บไว้ซึ่งความเปิดเผยและร้ายกาจ กลายเป็นคุณชายผู้สง่างามสูงส่ง
เห็นท้องฟ้ายังเช้าอยู่ จึงนั่งขัดสมาธิปรับลมปราณฝึกฝนวิชาอยู่บนเตียง จนกระทั่งเวลาตอนเย็น เมื่อท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ถึงจะลุกขึ้นเดินออกจากโรงเตี๊ยม คิดจะเดินเล่นชมทิวทัศน์ค่ำคืนของเมืองลิ่วเต้านี้ และลองหาอะไรกิน
กลับไม่รู้ว่า เจ้าตำหนักยมราชเพราะได้ยินข่าว ตอนนี้จึงมาถึงในเมืองลิ่วเต้าแล้ว…
………………………………………………….
ตอนที่ 230 ตลาดกลางคืนในเมือง
ในที่พำนักแห่งหนึ่ง ฮุยหลางลนลานมายังเรือนด้านหลัง เห็นนายท่านกำลังนั่งดื่มชาอยู่ด้านใน จึงออกหน้าคารวะ
“นายท่าน ตามที่ข้าน้อยรู้มาจากการตรวจสอบ ภูตหมอในเมืองลิ่วเต้านี้เป็นไปได้มากว่าคือตัวปลอมขอรับ”
เจ้าตำหนักยมราชมองเขาแวบหนึ่ง บอกว่า “ทำไมพูดเช่นนั้น?”
“เวลาที่ปรากฏตัวไม่ถูกต้อง ภูตหมอในเมืองลิ่วเต้านี้โผล่มาเจ็ดวันก่อน แต่ตอนนั้นตัวเขายังอยู่ในหอเรา ดังนั้นจึงบอกว่าภูตหมอคนนี้เป็นตัวปลอมขอรับ”
“ในเมื่อเป็นตัวปลอม ก็หาโอกาสเปิดโปงเขาซะ” เจ้าตำหนักยมราชเอ่ยเสียงทุ้ม ชะงักไปนิด ก่อนถามอีกว่า “ทางด้านตลาดมืดนั้นยังไม่มีข่าวคราวนางรึ?”
ฮุยหลางผงะไปสักพัก หลังรู้ว่านางที่นายท่านเอ่ยหมายถึงภูตหมอ ค่อยบอกว่า “ตอนนี้ยังไม่มีขอรับ หลังจากผู้ติดตามข้างกายภูตหมอคนนั้นได้ยินข่าวว่าภูตหมออยู่ที่นี่ จึงตามมาด้วยกันกับคนของตลาดมืดขอรับ”
ยังไม่มีข่าวคราว? แล้วนางไปหลบอยู่ที่ไหนกันเล่า?
เจ้าตำหนักยมราชครุ่นคิดในใจ นิ้วชี้เคาะเบาๆ บนโต๊ะหิน เม้มริมฝีปาก ขมวดคิ้วน้อยๆ ทำให้อิ่งอีและฮุยหลางข้างๆ มองหน้ากัน ก่อนจะก้มหน้าลงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
นายท่านละทิ้งเรื่องในตำหนักยมราชไม่สนใจ พอได้ยินว่ามีข่าวภูตหมอก็เข้ามา การเอาใจใส่เช่นนี้ หากอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงพวกเขาต้องดีใจแน่นอน แต่กลับกลายเป็นว่า ภูตหมอนั่นเป็นผู้ชาย! ซ้ำยังใบหน้าเสียโฉม จะให้พวกเขามีความสุขได้อย่างไร?
ฮุยหลางคิดไปคิดมา เงยหน้าขึ้นมองเจ้าตำหนักยมราช แนะนำอย่างระมัดระวัง “นายท่าน ทิวทัศน์ยามค่ำคืนในเมืองลิ่วเต้านี้งดงามเป็นที่หนึ่ง ออกไปเดินหน่อย ไม่ดีกว่ารึขอรับ?”
“อืม” เจ้าตำหนักยมราชขานรับ สะบัดเสื้อคลุมเดินไปด้านนอก
อิ่งอีและฮุยหลางเห็นท่าทาง จึงรีบร้อนตามไปด้านหลัง
พอตกกลางคืน โรงเตี๊ยมร้านค้าโรงเหล้าสองข้างถนนใหญ่ต่างพากันจุดโคมสว่างขึ้น โคมไฟแต่ละโคมสว่างไสวไปทั่วค่ำคืนอันมืดมิด คล้ายดวงดาวระยิบระยับภายใต้ค่ำคืน แพรวพราวน่าหลงใหล
บนถนนใหญ่คนสัญจรไปมา เพื่อนสนิทมิตรสหายเดินมาพร้อมหน้า ชายหนุ่มหญิงสาวแต่ละคู่ รวมถึงเหล่าเด็กน้อยที่วิ่งเล่นกัน บนใบหน้าล้วนเอ่อล้นไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขใจ เสียงพ่อค้าเร่ตะโกนขายของ เสียงเสี่ยวเอ้อร์ร้านรวงคอยต้อนรับแขก ปะปนอยู่ท่ามกลางเสียงมากมาย กลายเป็นภาพที่คึกคักเฟื่องฟู
ทว่าในร้านค้าแผงลอยข้างถนนหนทางที่มีชีวิตชีวา เฟิ่งจิ่วสวมชุดคลุมสีขาวกำลังกินก๋วยเตี๋ยวผัดน้ำมันพริกแดง เผ็ดเสียจนหน้าผากมีเหงื่อไหลออกมาไม่น้อย ริมฝีปากแดงถูกลวกแดงฉานเพราะน้ำมันอันเผ็ดร้อน น่าเย้ายวนยิ่งนัก ทำให้ชายหลายคนข้างๆ ที่กำลังกินก๋วยเตี๋ยวผัดอยู่เหมือนกันและหญิงสองนางอีกโต๊ะหนึ่งอึ้งมองอย่างอดไม่ได้
“เถ้าแก่ เอามาอีกชาม!” เธอตะโกนเสียงดัง คีบเส้นกิน น้ำแกงเผ็ดที่เหลือดันไปไว้ข้างๆ แล้วรินน้ำดื่ม
เดิมทีแค่จะลองก๋วยเตี๋ยวผัดน้ำมันที่ว่ากันว่าเลื่องชื่อในท้องถิ่นนี้สักชาม ใครจะรู้หนึ่งชามผ่านไปก็ถูกน้ำมันพริกแดงกระตุ้นความตะกละ จึงสั่งมาอีกชาม
“มาแล้ว! บะหมี่ผัดน้ำมันร้อนๆ คุณชายระวังร้อนนะขอรับ” ชายวัยกลางคนตะโกนบอก ยกชามเข้ามาอีกครั้ง
เฟิ่งจิ่วขยับตะเกียบ กินขึ้นมาอีกครา คนข้างๆ นึกไม่ถึงว่าจะเห็นเขารับชามมากินต่ออย่างไม่กลัวเผ็ด ก็อดไม่ได้ที่จะน้ำลายสอ ตะโกนตามว่า “เถ้าแก่ ข้าก็ขออีกชามนะ!”
“ข้าเอาอีกชามด้วย!”
เห็นท่าทาง เถ้าแก่ก็ยิ้มเสียจนมองไม่เห็นสองดวงตา รีบยกไปให้ทุกคน สุดท้าย ค่อยส่งเครื่องเคียงจานหนึ่งไปให้เฟิ่งจิ่ว “นี่เป็นเครื่องเคียงของร้านเราทำเอง ให้คุณชายลองชิมขอรับ”
“ดี ขอบใจมาก…”
เธอเงยหน้ายิ้มเอ่ยขอบคุณ แต่พูดยังไม่ทันจบ หางตาก็เหลือบเห็นเงาร่างอันคุ้นเคย เธอตกใจฟุบลงบนโต๊ะโดยเอาแขนบังไว้ทันที
………………………………………………….