เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2301 เป็นใคร / ตอนที่ 2302 ทำลาย
ตอนที่ 2301 เป็นใคร
ด้วยเหตุนี้ ภายใต้คำสั่งของผู้ฝึกวิชามารระดับผู้อาวุโสเซียนคนนั้น เหล่าผู้ฝึกตนในเมืองต่างก็แยกย้าย บ้างก็ไปเปิดค่ายกลใหญ่คุ้มกันเมือง บ้างก็ไปปิดประตูเมือง บ้างก็ขึ้นไปบนกำแพงเมืองเพื่อสังเกตการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
คนที่ขึ้นไปบนกำแพงเมืองเห็นเพียงพายุฝุ่นลอยตลบมาแต่ไกล ดูไม่ออกว่าข้างในพายุฝุ่นนั้นคืออะไรกันแน่ รู้เพียงว่าสิ่งที่อยู่ในพายุฝุ่นกำลังพุ่งตรงมายังเมืองภูเขานิลของพวกเขาพร้อมกับฝุ่นควันที่ตลบอบอวล
ขณะเดียวกัน นึกไม่ถึงว่าจะยังมีพายุฝุ่นอีกลูกหนึ่งม้วนตลบมาทางนี้ด้วย หนำซ้ำทางนั้นยังเหมือนว่ามีเสียงคำรามของฝูงสัตว์ร้ายดังมาด้วย
ผู้ฝึกวิชามารระดับผู้อาวุโสเซียนคนนั้นขึ้นมาบนกำแพงเมืองด้วย สายตาจับจ้องเข้าไปท่ามกลางพายุฝุ่นที่ม้วนพัดเข้ามา เขาปล่อยดวงจิตออกไป เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “คนงั้นหรือ”
เขาตวัดมองไปอีกทาง ปล่อยด้วงจิตกวาดสำรวจออกไป ดูออกทันทีว่าท่ามกลางพายุฝุ่นอีกลูกหนึ่งก็คือชายฉกรรจ์วัยกลางคนคนหนึ่ง ยิ่งเมื่อกวาดสำรวจที่ร่างของสองคนนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“บัดซบ!”
กลิ่นอายเหี้ยมเกรียมกระจายออกมาจากตัวเขา มือที่เอาไขว้หลังไว้ตอนแรกเปลี่ยนมาจับเสาหินบนกำแพงเมือง เขาจับจ้องฝุ่นที่คละคลุ้งอยู่ข้างหลังนั่นด้วยสายตาเย็นยะเยือก ในพายุฝุ่นแต่ละลูกล้วนมีสัตว์ร้ายนับร้อยตัว อีกทั้งที่ทำให้เขาเหลือเชื่อก็คือ สัตว์ร้ายเหล่านี้ล้วนเป็นสัตว์ร้ายที่มีระดับพลังแล้ว ท่ามกลางพวกนั้น ยังมีสัตว์ร้ายระดับสัตว์เทวะขั้นสุดยอดอยู่ด้วยถึงสองตัว!
ค่ายกลใหญ่คุ้มกันเมืองถูกเปิดในเวลานี้ กลิ่นอายพลังวิญญาณที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าคุ้มกันเมืองภูเขานิลแห่งนี้ในพริบตา เห็นค่ายกลทำงาน ผู้ฝึกวิชามารระดับผู้อาวุโสเซียนคนนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ หันไปจ้องสองคนที่กำลังวิ่งมาทางนี้ด้วยสายตาเยือกเย็น
“เหอะ! พวกรนหาที่ตาย!”
เขากลับอยากรู้นัก หากข้างหน้าไร้ทางไป สองคนนั้นจะถูกฝูงสัตว์ร้ายนับร้อยข้างหลังนั้นฉีกทึ้งอย่างไรบ้าง!
“นายท่าน!”
กู่เสียงเร่งความเร็วไล่ตามเฟิ่งจิ่วไป ตะโกนว่า “นายท่าน ค่ายกลใหญ่คุ้มกันเมืองของเมืองภูเขานิลทำงานแล้ว พวกเราจะทำอย่างไร”
เฟิ่งจิ่วหรี่ตาจ้องผู้ฝึกวิชามารระดับผู้อาวุโสเซียนที่อยู่บนกำแพงเมือง เผยรอยยิ้มประหลาดออกมา “ค่ายกลกับเขตอาคมของสี่จักรพรรดิเซียนข้ายังทลายได้ จะกลัวทลายค่ายกลที่คุ้มกันภูเขาเล็กๆ นี้ไม่ได้เชียวหรือ”
กู่เสียงดีใจ รีบเอ่ยว่า “นายท่าน ต้องให้ข้าถ่ายกลิ่นอายพลังวิญญาณให้อีกหรือไม่”
“ไม่ต้อง”
เธอพุ่งเข้าไป เก็บซ่อนกลิ่นอายพลังในตัว มาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูเมือง แหงนหน้ามองผู้ฝึกวิชามารบนกำแพงเมือง เผยร้อยยิ้มประหลาดคาดเดาไม่ถูกออกมา
เห็นเด็กชายชุดเขียวที่อยู่ข้างล่างเผยรอยยิ้มประหลาดนั่นออกมา ผู้ฝึกวิชามารระดับผู้อาวุโสเซียนที่อยู่บนกำแพงเมืองขมวดคิ้ว ลึกๆ ข้างในรู้สึกกระสับกระส่าย ฉะนั้น เสียงที่เต็มไปด้วยแรงกดดันระดับผู้อาวุโสเซียน ผสมกับไอสังหารอันเยือกเย็นดังจากบนกำแพงเมือง พุ่งลงไปหาเฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างล่าง
“เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่!”
เขาข่มขวัญด้วยแรงกดดันระดับผู้อาวุโสเซียน หากเป็นผู้ฝึกตนทั่วไป ย่อมไม่มีทางยังคงหยัดยืนอยู่ได้ภายใต้แรงกดดันของเขาแน่นอน แต่เมื่อเห็นเด็กหนุ่มชุดเขียวกลับไม่เกรงกลัวแรงกดดันของเขาเลยแม้แต่น้อย หัวใจของเขาสะท้านไปทั้งดวง
คนคนนี้มีวรยุทธ์ระดับใดกัน กลับไม่เกรงกลัวแรงกดดันระดับผู้อาวุโสเซียนของเขา
เฟิ่งจิ่วไม่สนใจผู้ฝึกวิชามารบนกำแพงเมือง แต่หันไปจับจ้องค่ายกลคุ้มกันเมือง ตราประทับอันซับซ้อนปรากฏกลางฝ่ามือสองข้าง เห็นเพียงเมื่อสองมือของเธอพลิกหมุน กลิ่นอายพลังเร้นลับขุมหนึ่งป่วนพล่านอยู่ระหว่างมือสองข้าง
………………………………….
ตอนที่ 2302 ทำลาย
“นะ นายท่าน คนคนนี้คิดจะทำลายค่ายกลคุ้มกันของเมืองเรา!” ผู้ฝึกวิชามารคนหนึ่งดูออกถึงจุดประสงค์ของเฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างล่าง เขาร้องขึ้นด้วยความตกใจ แม้แต่เสียงพูดก็สะดุดไปด้วย
“ทำลายค่ายกล เหอะ! อย่างนั้นเขาก็ต้องทำลายให้ได้!” ผู้ฝึกวิชามารระดับผู้อาวุโสเซียนแค่นเสียง ปากกลับเอ่ยถากถางอย่างไร้ความกลัว แต่สายตาเหี้ยมโหดของเขากลับจ้องเฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างล่างตลอดเวลา
คนคนนี้ประหลาด จะสามารถทำลายค่ายกลได้จริงหรือไม่ เขาเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน
ในเวลานี้เอง ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของผู้คนรอบข้างดังมาติดๆ ผู้ฝึกตนทั้งหมดหน้าเปลี่ยนสีไปทันที “แย่แล้ว! คะ ค่ายกลคุ้มกันถูกเขาทำลายแล้ว!”
คนบนกำแพงเมืองแตกตื่นวุ่นวาย พวกเขาเห็นเพียงข้างล่างจู่ๆ ก็มีไฟลุกไหม้ เปลวไฟนั้นเมื่อลุกไหม้ก็ลามปกคลุมไปยังกลิ่นอายพลังวิญญาณที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าชั้นนั้น จากนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงระเบิดดังก้องกัมปนาท ค่ายกลคุ้มกันเมืองก็ทลายครืนลงไปทั้งอย่างนั้น…
“กู่เสียง!”
“ขอรับ!” ประกายตื่นเต้นโลดแล่นอยู่ในดวงตาของกู่เสียง เขารีบเร่งฝีเท้าวิ่งมาข้างหน้า
“พังประตูเมือง!” เฟิ่งจิ่วสั่งการด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“รับทราบ!” กู่เสียงขับเคลื่อนกลิ่นอายพลังวิญญาณในตัวทันที กระบี่คมเล่มหนึ่งปรากฏกลางฝ่ามือ กลิ่นอายพลังวิญญาณกระจายถูกถ่ายเทเข้าไป พริบตาเดียวก็มีขนาดใหญ่ขึ้นหลายเท่า เห็นเพียงเขาคำรามเสียงกร้าว ง้างกระบี่คมฟันไปข้างหน้า ประตูเมืองส่งเสียงดังบึ้ม ก่อนจะแหลกสลายกลายเป็นผุยผง…
เฟิ่งจิ่วหันกลับไปมองเหล่าสัตว์ร้ายที่วิ่งเข้ามาใกล้ในระยะสามสิบกว่าจั้งแล้ว ก่อนหันไปมองผู้ฝึกวิชามารระดับผู้อาวุโสเซียนที่กำลังตกใจกลัว นาทีต่อมา เฟิ่งจิ่วพุ่งตัวเข้าไปข้างใน ขณะเดียวกันก็ตะโกนเสียงกร้าวว่า “ทำตามแผน!”
ผู้คนในเมืองแตกตื่นอึ้งค้าง แต่ละคนกว่าจะได้สติก็ผ่านไปครู่หนึ่งแล้ว กระทั่งเห็นสัตว์ร้ายนับร้อยตัวที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พวกนั้น พวกเขาจึงดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว “เร็ว! ขวางไว้!”
“สองคนนั้น! ฆ่าสองคนนั้น!”
เสียงตะโกนด้วยความขึ้งเคียดดังขึ้นในเมือง ไม่นานจากนั้น ก็เกิดภาพสัตว์ร้ายสองร้อยกว่าตัวไหลทะลักเข้ามาในประตูเมือง และเหล่าสัตว์ร้ายเมื่อเห็นคนก็พุ่งชน เห็นคนก็กัดทึ้ง เสียงสัตว์ร้ายคำราม เสียงกรีดร้อง เสียงต่อสู้ ดังวุ่นวายอยู่ในเมือง…
ส่วนเฟิ่งจิ่วในเวลานี้กลับลอยตัวอยู่กลางอากาศ สาดน้ำยาใส่กลุ่มผู้ฝึกวิชามารที่อยู่ข้างล่าง ขณะเดียวกัน ผงยากำแล้วกำเล่าในมือเธอถูกพัดกระจายไปตามสายลม
“บัดซบ!”
ผู้ฝึกวิชามารระดับผู้อาวุโสเซียนคนนั้นหลังจากเห็นการกระทำของเฟิ่งจิ่ว เขาโบกมือสร้างเขตอาคมให้ตนเอง จ้องเฟิ่งจิ่วด้วยสายตากระหายเลือด “กล้าทำลายเมืองของข้า! ข้าจะทำให้เจ้าตายศพไร้ที่ฝัง!”
แรงกดดันอันแข็งแกร่งของผู้อาวุโสเซียนแผ่ออกไปพร้อมกับไอสังหารกระหายเลือด เห็นสถานการณ์โกลาหลวุ่นวายข้างล่าง เขาไม่สนใจอีกว่าลูกน้องที่อยู่ข้างล่างจะทนรับแรงกดดันของเขาได้หรือไม่ นาทีนี้ แววตาของเขามีแค่ความคิดเดียว นั่นก็คือสับร่างเด็กหนุ่มชุดเขียวคนนี้ที่ไม่รู้โผล่หัวมาจากไหนให้ละเอียดไม่เหลือแม้แต่กระดูก!
เฟิ่งจิ่วขว้างขวดยาในมือทิ้งลงไปโดยตรง ขณะเดียวกันก็ไม่รู้ว่าสาดยาอะไรใส่ตนเอง เห็นเพียงเธอขยับมือเล็กน้อย แพรป่วนฟ้าก็ปรากฏอยู่ใจกลางฝ่ามือ ภายใต้การขับเคลื่อนกลิ่นอายพลังเร้นลับร่วมด้วย กลายเป็นดาบคม
“เมืองของเจ้าถึงเวลาเปลี่ยนเจ้าของได้แล้ว!”
เสียงเย็นใสดุจพญามัจจุราชแฝงแววเย่อหยิ่งดังออกจากปากของเธอ กลิ่นอายพลังเร้นลับบนตัวเธอกระจายออกไปจนหมด เตรียมตัวสู้กับผู้อาวุโสเซียนสักตั้ง ขณะเดียวกัน ถือโอกาสถือว่าจะใช้โอกาสนี้ปลดผนึกกลิ่นอายพลังวิญญาณในร่างกายของเธอได้หรือไม่
“ฮ่าๆๆๆๆๆ! เจ้าเด็กสามหาว! ช่างไม่รู้จักประมานตนเองเสียบ้าง!”
เสียงชั่วร้ายดังขึ้น พริบตาต่อมา เงาร่างของผู้ฝึกวิชามารระดับผู้อาวุโสเซียนพุ่งออกไปดุจสายฟ้า จู่โจมไปทางเฟิ่งจิ่วด้วยความเร็วสูงและจิตที่มุ่งสังหาร
………………………………….